วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความถูกต้องในการอิจญติฮาด มีหนึ่งเดียวเขาหาว่าผมคิดเอง





ความถูกต้องในการอิจญติฮาด มีหนึ่งเดียวเขาหาว่าผมคิดเอง
Fakir Abu Ikram Addalawi หะดิสนี้ปราชฟิกห์นำมาใช้
อะสันนี่อาเหล่มใหญ่จริงๆ 5555
ถูกใจ · 2 ชม. · มีการแก้ไข
Fakir Abu Ikram Addalawi
Fakir Abu Ikram Addalawi คำว่า ทัศนะที่ถูกย่อมมีหนึ่งเดียวเท่านั้น
นายสันคนนี้ พูดเองเออเองทั้งน้าน
ถูกใจ · 2 ชม.
Fakir Abu Ikram Addalawi
Fakir Abu Ikram Addalawi นี่มันไม่ใช่ชี้แจง มันคือเพิ่มความมั่ว
อิอิ
ถูกใจ · 2 ชม.
.......................................
ชี้แจง
คุณ Fakir Abu Ikram Addalawi โต๊ะครูใหญ่ห้อง อะชาอิเราะฮไม่แอบอ้างโจมตี ผมว่า
หะดิสนี้ปราชฟิกห์นำมาใช้
อะสันนี่อาเหล่มใหญ่จริงๆ 5555
.......
ตอบ
ข้อให้ผู้อ่านสังเกต เลข 5 สี่ตัวข้างต้น ที่บ่งบอกถึงการหัวเราะเยาะเย้ย ซึ่งไม่น่าจะเป็นพฤติกรรมของซูฟีของแท้ แน่นอน ส่วนที่อ้างว่าหะดิษต่อไปนี้อุลามาอฺเขาใช้ ขอตอบว่า ใครจะใช้ก็ไม่มีใครห้ามได้แต่ เป็นหะดิษปลอม
اختلاف أمتي رحمة
"ความขัดแย้งของประชาติของฉันนั้น เป็นความเมตตา"
วิจารณ์หะดิษข้างต้น
เช็คอัลบานีย์ กล่าวว่า
و لقد جهد المحدثون في أن يقفوا له على سند فلم يوفقوا لا أصل له
“เป็นหะดิษไม่มีที่มา และบรรดานักหะดิษได้พยายามที่จะค้นให้พบสายรายงานของมัน ปรากฏว่าพวกเขาไม่พบ – สิลสิละฮอัลอะหาดิษเฎาะอีฟะฮ 1/141
ท่าน อัลหาฟิซฺ อัลมุนาวีย์ กล่าววิจารณ์ว่า
قال السبكي وليس بمعروف عند المحدثين ولم أقف له على سند صحيح ولا ضعيف ولا موضوع
"ท่านอิมามอัศศุบกีย์ กล่าวว่า หะดิษนี้ ไม่เป็นที่รู้จักตามทั้ศนะของบรรดานักหะดิษ และฉันไม่ทราบมันเลยว่า มีสายรายงานที่ถูกต้อง , ฏออีฟ , หรือเมาฏั๊วะ - ดู หนังสือ ฟัยฏุลก่อดีร ชัรหฺ อัลญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฆีร หะดิษที่ 288
....................
Fakir Abu Ikram Addalawi คำว่า ทัศนะที่ถูกย่อมมีหนึ่งเดียวเท่านั้น
นายสันคนนี้ พูดเองเออเองทั้งน้าน
ตอบ
นี่คือ การนั่งเทียน กล่าวหาด้วยอคติ แต่ไม่อ่านตำรา หาว่าผมพูดเองเออเอง มาดูหลักฐานเพื่อยืนยันว่าคุณ Fakir Abu Ikram Addalawi กล่าวเท็จ ดังนี้
อิหม่ามอิบนุกุดามะฮ(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า
الحق في قول واحد من المجتهدين، ومن عداه مخطئ، سواء كان في فروع الدين، أو أصوله.
และความถูกต้องนั้น อยู่ในคำพูดของคนหนึ่งคนใดจากบรรดามุจญตะฮิดและผู้ที่อยู่นอกเหนือจากเขานั้น เป็นผู้ที่ผิดพลาด ไม่ว่า ในเรื่องข้อปลีกย่อยของศาสนาหรือรากฐานของศาสนาก็ตาม – เราเฎาะตุลนาซีร หน้า 359
อัซซัรกะชีย์ (ร.ฮ) กล่าวว่า
อิหม่ามอัรซัรกะชีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وَذَهَبَ الشَّافِعِيُّ رَحِمَهُ اللَّهُ وَأَبُو حَنِيفَةَ وَمَالِكٌ وَأَكْثَرُ الْفُقَهَاءِ رَحِمَهُمُ اللَّهُ إلَى أَنَّ الْحَقَّ فِي أَحَدِهِمَا ، وَإِنْ لَمْ يَتَعَيَّنْ لَنَا فَهُوَ عِنْدَ اللَّهِ مُتَعَيَّنٌ ، لِاسْتِحَالَةِ أَنْ يَكُونَ الشَّيْءُ الْوَاحِدُ فِي الزَّمَانِ الْوَاحِدِ فِي الشَّخْصِ الْوَاحِدِ حَلَالًا حَرَامًا ، وَلِأَنَّ الصَّحَابَةَ تَنَاظَرُوا فِي الْمَسَائِلِ وَاحْتَجَّ كُلُّ وَاحِدٍ عَلَى قَوْلِهِ ، وَخَطَّأَ بَعْضُهُمْ بَعْضًا ، وَهَذَا يَقْتَضِي أَنَّ كُلَّ وَاحِدٍ يَطْلُبُ إصَابَةَ الْحَقِّ .
ثُمَّ اخْتَلَفُوا هَلْ كُلُّ مُجْتَهِدٍ مُصِيبٌ أَمْ لَا ؟ فَعِنْدَ الشَّافِعِيِّ أَنَّ الْمُصِيبَ مِنْهُمْ وَاحِدٌ وَإِنْ لَمْ يَتَعَيَّنْ ، وَأَنَّ جَمِيعَهُمْ مُخْطِئٌ إلَّا ذَلِكَ الْوَاحِدُ ، وَبِهِ قَالَ مَالِكٌ وَغَيْرُهُ . وَقَالَ أَبُو يُوسُفَ وَغَيْرُهُ :
และ อัชชาฟิอี,อบูหะนีฟะฮ,มาลิก และบรรดานักนิติศาสต์อิสลาม(ฟุเกาะฮาอิ) (เราะฮิมะฮุมุลลอฮ) ได้มีทัศนะว่า แท้จริงความถูกต้อง อยู่ในคนหนึ่งคนใดจากสองคน และแม้จะไม่ถูกทำให้ชัดเจนแก่เรา มันก็เป็นสิ่งที่ถูกทำให้ชัดเจน ณ อัลลอฮ
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ปรากฏว่าสิ่งเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน ในบุคคลคนเดียวกัน เป็นทั้งหะลาล,หะรอม และแท้จริงบรรดาเศาะหาบะฮ พวกเขาได้อภิปรายกันในบรรดาประเด็นต่างๆและแต่ละคนต่างก็อ้างหลักฐานสนับสนุนคำพูดของตน และส่วนหนึ่งก็อ้างว่าอีกส่วนหนึ่งผิดพลาด และกรณีนี้ หมายความว่า แต่ละคนต่างก็แสวงหาความถูกต้อง
ต่อมาพวกเขาก็มีความเห็นขัดแย้งกัน ,มุจญตะฮิดทุกคน ถูกต้องทั้งหมด หรือไม่? ในทัศนะของอัชชาฟิอีย์ นั้น แท้จริงผู้ที่ถูกต้องจากพวกเขานั้นมีคนเดียว และหากไม่ชัดเจนก็ตาม และแท้จริงทั้งหมดในหมู่พวกเขาผิดพลาด ยกเว้น คนเดียว ,มาลิกและคนอื่นจากเขา มีทัศนะด้วยทัศนะนี้ - อัลบะหฺรุลมุหีฏ ของอิหม่ามอัรซัรกะชีย์ เล่ม 6 หน้า 241
อิหม่ามอัรซัรกะชีย์ ยังกล่าวอีกว่า
وَقَالَ الْقَاضِي أَبُو الطَّيِّبِ الطَّبَرِيُّ : الْحَقُّ مِنْ قَوْلِ الْمُجْتَهِدِينَ وَاحِدٌ ، وَالْآخَرُ بَاطِلٌ ، وَإِنْ اخْتَلَفُوا عَلَى ثَلَاثَةِ أَقَاوِيلَ فَأَكْثَرَ . قَالَ أَبُو إِسْحَاقَ الْمَرْوَزِيِّ فِي " الشَّرْحِ " فِي أَدَبِ الْقَضَاءِ : هَذَا قَوْلُ الشَّافِعِيِّ فِي الْجَدِيدِ وَالْقَدِيمِ ، لَا أَعْلَمُ اخْتَلَفَ قَوْلُهُ فِي ذَلِكَ
และอัลกอฎีย์ อบูยูซูฟ อัฏฏอ็บรีย์ กล่าวว่า " ความจริง(ความถูกต้อง) ที่มาจากบรรดามุจญตะฮีด นั้น มีหนึ่งเดียว และคนอื่นๆนั้น เป็นโมฆะ และแม้พวกเขาเห็นขัดแย้งกัน ถึง 3 ทัศนะ และมากกว่านั้น ,,อบูอิสหาก อัลมัรวะซีย์ ได้กล่าวไว้ใน อัชชัรหฺ ในเรื่อง มารยาทของการตัดสิน ว่า "นี่คือทัศนะของชาฟิอี ในทัศนะใหม่และทัศนะเก่า ข้าพเจ้าไม่ทราบ คำพูดของเขาขัดแย้ง ในดังกล่าวนั้น - ที่มาได้อ้างแล้ว
……………………
จุดสำคุญที่จะบอกคุณ Fakir Abu Ikram Addalawi 
ว่าคุณพูดเดาสุ่มกล่าวหาผม เพราะอิหม่ามอัซซัรกะชีย์ ยืนยันว่า
فعند الشافعي أن المصيب منهم واحد و إن لم يتعين، و إن جميعهم مخطئ إلا ذلك الواحد وبه قال مالك وغيره
ในทัศนะของอัชชาฟิอีย์ นั้น แท้จริงผู้ที่ถูกต้องจากพวกเขา(จากบรรดามุจญตะฮิด)นั้นมีคนเดียว และหากไม่ชัดเจนก็ตาม และแท้จริงทั้งหมดในหมู่พวกเขาผิดพลาด ยกเว้น คนเดียว ,มาลิกและคนอื่นจากเขา มีทัศนะด้วยทัศนะนี้
...........
มีหลักฐานอีกมากมาย ที่ชี้ให้เห็นว่า การอิจญติฮาดนั้น มีผิด มีถูก และทัศนะต่างๆที่ขัดแย้งกันในการอิจญติฮาด มีคนเดียวเท่านนั้นที่ถูก หวังคุณ Fakir Abu Ikram Addalawi ไปศึกษาให้มากกว่านี้ อย่าใช้ความล้มเหลวทางวิชาการของตน มากล่าวหาคนอื่น เพราะมันเป็นสิ่งที่ผู้รู้ศาสนาที่แท้จริงเขาไม่ทำกัน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
24/7/59

เศาะหาบะฮทำและนบีได้รับรอง เป็นบิดอะฮได้อย่างไร






เศาะหาบะฮทำและนบีได้รับรอง เป็นบิดอะฮได้อย่างไร
Amaluddeen Abdulqodir
เมื่อวานนี้ เวลา 17:51 น.
ในสมัยท่านนบี(ซ.ล) มีศอหาบะฮ์ทำในสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล)ไม่ได้ทำ แต่ท่านนบี(ซ.ล)ก็ไม่ได้ฮูกุมว่า บิดอะฮ์ ตกนรกเหมือนวาฮาบีที
ดูเหมือนว่า วาฮาบีจะเก่งกว่าท่านนบี(ซ.ล)สักอีกน่ะ
....................
ชี้แจงดังนี้

ขอบอกว่า สิ่งทีใดก็ตามที่ท่านนบี ศอ็ลฯ เห็นบรรดาเหล่าเศาะหาบะฮทำ หากสิ่งนั้น นบีไม่ห้าม ก็ถือว่าท่านนบี ศอ็ลฯรับรอง เขาเรียกว่า "اقرار النبي"(อิกรอ็รนบี)
อัลหาฟิซอิบนุหะญัร (ร.ฮ) กล่าวไว้ว่า
وَقَدِ اتَّفَقُوا عَلَى أَنَّ تَقْرِيرَ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لِمَا يُفْعَلُ بِحَضْرَتِهِ أَوْ يُقَالُ وَيَطَّلِعُ عَلَيْهِ بِغَيْرِ إِنْكَارٍ دَالٍّ عَلَى الْجَوَازِ
แท้จริง พวกเขา(บรรดานักวิชาการ)เห็นฟ้องกัน ว่า การรับรองของท่านนบี ศอ็ลฯ แก่สิ่งที่ถูกปฏิบัติต่อหน้าท่าน หรือ ถูกกล่าว หรือ ถูกบอกให้ท่านนบีรู้ โดยไม่มีการปฏิเสธ (จากท่านนบี) แสดงบอกว่า เป็นการอนุญาต -ฟัตหุลบารีย์ 13/323
ตัวอย่างเช่น
ท่านอิมามบุคอรี ได้รายงานด้วยสายสืบของท่านไปยัง ท่านอับดิลลาฮ์ อิบนุ อุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา ว่า
قال النبي صلى الله عليه وسلم يوم الأحزاب لا يصلين أحد العصر إلا في بني قريظة فأدرك بعضهم العصر في الطريق فقال بعضهم لا نصلي حتى نأتيها وقال بعضهم بل نصلي لم يرد منا ذلك فذكر ذلك للنبي صلى الله عليه وسلم فلم يعنف واحدا منهم
"ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวในวันสงครามอะห์ซาบว่า คนหนึ่งคนใดจะไม่ละหมาดอัสริ นอกจากที่บนีกุร๊อยเซาะฮ์ ดังนั้นส่วนหนึ่งได้ทำการละหมาดอัสริในระหว่างทาง แต่ซอฮาบะฮ์บางส่วนกล่าวว่า เราจะไม่ละหมาดจนกระทั่งถึงบนีกุร๊อยเซาะฮ์ และบางส่วนกล่าวว่า แต่เราจะทำการละหมาดเพราะท่านร่อซูลุลลอฮ์มิได้มีเป้าหมายดังกล่าวสำหรับเรา เรื่องราวดังกล่าวจึงถูกเรียนแก่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยที่ท่านไม่ได้ตำหนิคนใดจากพวกเขาเลย" รายงานโดยมุสลิม
.........
ข้างต้นคือ กรณีที่ท่านนบี ศอ็ลฯ ได้รับรองไว้แล้ว ไม่ใช่คิดทำบิดอะฮ แล้วเอาหะดิษนี้มาอ้างว่า อุตริอิบาดะฮ โดยคิดว่าดี โดยอ้างว่านบีไม่ทำก็ทำได้ แล้วนบี ศอ็ลฯรับรองในสิ่งที่ท่านทำหรือเปล่า และสิ่งที่นบี ศอ็ลฯได้รับรองไว้แล้ว จะอ้างว่า เศาะหาบะฮทำบิดอะฮได้อย่างไร
عَنْ قَيْسِ بْنِ عَمْرٍو قَالَ : رَأَى النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ رَجُلًا يُصَلِّي بَعْدَ صَلاةِ الصُّبْحِ رَكْعَتَيْنِ . فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : أَصَلاةَ الصُّبْحِ مَرَّتَيْنِ ؟ فَقَالَ لَهُ الرَّجُلُ : إِنِّي لَمْ أَكُنْ صَلَّيْتُ الرَّكْعَتَيْنِ اللَّتَيْنِ قَبْلَهُمَا ، فَصَلَّيْتُهُمَا الأن . قَالَ : فَسَكَتَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ 
وَسَلَّمَ . 
รายงานจาก กัยสฺ บิน อัมริน กล่าวว่า " ท่านนบี ศอ็ลฯ เห็นชายคนหนึ่ง ละหมาดหลังจากละหมาดศุบฮ 2 รอ็กอัต แล้วทานนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า "ท่านละหมาดศุบฮิ สองครั้งหรือ ? ขายผู้นั้นกล่าวแก่ท่านนบีว่า " แท้จริงกระผมไม่ได้ละหมาดสองรอ็กอัตที่อยู่ก่อนมันทั้งสอง ดังนั้น ขณะนี้กระผมจึงได้ละหมาดมันทั้งสอง(รอ็กอัต) เชา(กัยซ บิน อัมริน)กล่าวว่า แล้วท่านนบี สอ็ลฯก็นิ่งเงียบ (คือไม่ได้ตำหนิ)
صححه الألباني في صحيح ابن ماجه (948) .
.....
ข้างก็คือตัวอย่างที่เศาะหาบะฮทำ และท่านนบี ศอ็ลฯไม่ได้คัดค้าน แสดงถึงการรับรองของนบี (อิกรอรนบี)
อีกตัวอย่างคือ
มาดูตัวอย่างการตามสุนนะฮ ตัรกียะฮ(สุนนะฮโดยการทิ้งสิ่งที่นบีไม่ได้ทำคือ ไม่ทำ ในสิ่งที่นบีไม่ทำ)
عَنْ مُجَاهِدٍ ، عَنِ ابْنُ عَبَّاسٍَ ، " أَنَّهُ طَافَ مَعَ مُعَاوِيَةَ بِالْبَيْتِ ، فَجَعَلَ مُعَاوِيَةُ يَسْتَلِمُ الأَرْكَانَ كُلَّهَا ، فَقَالَ لَه : لِمَ تَسْتَلِمُ هَذَيْنِ الرُّكْنَيْنِ ، وَلَمْ يَكُنْ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَسْتَلِمُهُمَا ؟ فَقَالَ مُعَاوِيَةُ لَيْسَ شَيْءٌ مِنَ الْبَيْتِ مَهْجُورًا ، فَقَالَ ابْنُ عَبَّاسٍ : لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ سورة الأحزاب آية 21 ، فَقَالَ مُعَاوِيَةُ : صَدَقْتَ
รายงานจาก มุญาฮิด จากอิบนุอับบาส ว่า เขาได้ทำการฏอวาฟ บัยตุลลอฮ พร้อมกับมุอาวิยะฮ แล้วปรากฏว่า มุอาวียะฮได้ลูบ รุกน(มุม)ของบัยตุลลอฮทั้งหมด แล้ว อิบนุอับบาสได้ กล่าวแก่เขา(มุอาวียะฮ)ว่า ทำไมท่านจึงลูบสองรุกนนี้ด้วย ทั้งๆที่ ไม่ปรากฏว่ารซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ลูบมันทั้งสองเลย ? แล้วเขา(มุอาวิยะฮกล่าวว่า “ ไม่มีสิ่งใดจากบัยตุลลอฮ ที่ถูกละทิ้ง (ในการลูบ) แล้ว อิบนุอับบาส ได้กล่าวอายะฮที่ว่า (แท้จริงในศาสนทูตของอัลลอฮนั้น เป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับพวกเจ้า) - ซูเราะฮอัลอะฮซาบ/21 แล้ว ท่านมุอาวิยะฮ จึงกล่าวว่า “ ท่านพูดถูกต้อง แล้ว - รายงาน โดย มุสลิม ,อะหมัด และคนอื่นอื่นๆ
...............
ข้างต้นคือ ตัวอย่างของการละทิ้งปฏิบัติ เนื่องจาก ตามแบบอย่างของรอซูล ในสิ่งที่ท่านไม่ปฏิบัติ เพราะฉะนั้น การอ้างว่า ไม่มีหลักฐานห้าม ทำได้ มันเป็นการใช้ความเห็นมากำหนดหลักการศาสนา
แปลก.....คนยุคนี้อุตริบิดอะฮ โดยอ้างว่าดี แล้วหาข้ออ้างว่า นบีไม่ทำก็ทำได้ จึงถาม Amaluddeen Abdulqodir ว่าแล้วใครรับรอง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
23/7/59

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อะกีดะฮอบูหะซันอัลอัชอะรีย คือ อัลลอฮอยู่เหนือฟากฟ้า






อะกีดะฮบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ คือ อัลลอฮอยูเหนือฟากฟ้า

อิหม่ามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย (ฮ.ศ 260 -324) อิหม่ามมัซฮับอัลอาชาอิเราะฮ ได้กล่าวถึง มติของนักวิชาการอะฮลิสสุนนะฮว่า
أنه تعالى فوق سماواته على عرشه دون أرضه ، وقد دل على ذلك بقوله : {أأمنتم من في السماء أن يخسف بكم الأرض}، وقال : {إليه يصعد الكلم الطيب والعمل الصالح يرفعه}. وقال : {الرحمن على العرش استوى}، وليس استواءه على العرش استيلاء كما قال أهل القدر، لأنه عز وجل لم يزل مستوليا على كل شيء
และแท้จริง พระองค์ผู้ทรงสูงส่ง อยู่เหนือบรรดาฟากฟ้าของพระองค์ บน อะรัช อื่นจาก แผ่นดินของพระองค์และหลักฐานแสดงบอกดังกล่าวคือ
พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือจากผู้ที่อยู่บนฟากฟ้า ว่าจะไม่ทำให้แผ่นดินสูบพวกเจ้ากระนั้นหรือ” (อัลมุลก์/16)และพระองค์ตรัสว่า (คำกล่าวที่ดีย่อมจะขึ้นไปสู่พระองค์ และการงานที่ดีนั้นพระองค์ทรงยกย่องสรรเสริญมัน(ฟาฏิร/10)และพระองค์ตรัสว่า (พระเจ้าผู้ทรงเมตตา ทรงสถิตเหนือบัลลังค์) การอิสติวาอของพระองค์บนอะรัชนั้น ไม่ใช่หมายถึงอำนาจการปกครอง ดังเช่นที่พวกกอ็ดดะรียะฮกล่าว เพราะแท้จริงพระองค์ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง ทรงเป็นผู้ที่มีอำนาจปกครอง เหนือทุกสิ่งตลอดกาลอยู่แล้ว - ดู ริสาละฮอิลาอะฮลิษษะฮริ หน้า 129-130 ฉบับตะหกีกโดย อับดุลลอฮชากีร มุหัมหมัดอัลญะนีดีย
...............
อิหม่ามมัซฮับอาชาอิเราะฮยืนยันว่า อัลลอฮทรงอยู่เหนือบรรดาฟากฟ้าของพระองค์ บน อะรัช แต่ในขณะเดียวกัน คนที่อ้างว่าสังกัดมัซฮับของท่านบางกลุ่มต่อต้านอะกีดะฮอัลลอฮอยู่บนฟ้าจนสุดขั้ว แถมกล่าวหาว่าเป็นอะกีดะฮ ยิว และอะกีดะฮฟาโรห์ -นะอูซุบิลละฮ 
ศึกษากันเถิดพี่น้องที่เคารพ สัจธรรมก็จะปรากฏแน่นอนด้วยอนุมัติของอัลลอฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
15/7/59

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บอกให้ตามอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮสุดโต่งหรือ




บอกให้ตามอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮสุดโต่งหรือ
คำว่า "สุดโต่ง หมายถึง สุดขั้ว มากเกินขอบเขตที่ควรเป็น ถ้าการเรียกร้องให้ดำเนินตามและยืนหยัดบนสิ่งที่ ท่านนบี ศอ็ลฯ และเหล่าสาวกของท่านอยู่คือการสุดโต่ง แล้ว ความไม่สุดโต่งคืออะไร หรือการให้ตามอารมณ์ของคน ตามความพอใจของคน หรือมวลชนอย่างนั้นหรือ
อัลลอฮ ตาอาลา ตรัสว่า
فَلِذَٰلِكَ فَادْعُ ۖ وَاسْتَقِمْ كَمَا أُمِرْتَ ۖ وَلَا تَتَّبِعْ أَهْوَاءَهُمْ ۖ وَقُلْ آمَنتُ بِمَا أَنزَلَ اللَّهُ مِن كِتَابٍ ۖ 
وَأُمِرْتُ لِأَعْدِلَ بَيْنَكُمُ
ดังนั้น เพื่อการนี้แหละเจ้าจงเรียกร้องเชิญชวนและจงดำรงมั่นอยู่ในแนวทางที่เที่ยงธรรมดังที่เจ้าได้รับบัญชา และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา และจงกล่าวว่า ฉันได้ศรัทธาในสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์ตามที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมา และฉันรับบัญชาให้ตัดสินระหว่างพวกท่านด้วยความเที่ยงธรรม ....-ซูเราะฮอัชชุรอ/15
อิบนุญะรีร (ร.ฮ) ได้อธิบายว่า
يَقُولُ - تَعَالَى ذِكْرُهُ - : فَإِلَى ذَلِكَ الدِّينِ الَّذِي شَرَعَ لَكُمْ ، وَوَصَّى بِهِ نُوحًا ، وَأَوْحَاهُ إِلَيْكَ يَا مُحَمَّدُ ، فَادْعُ عِبَادَ اللَّهِ ، وَاسْتَقِمْ عَلَى الْعَمَلِ بِهِ ، وَلَا تَزُغْ عَنْهُ ، وَاثْبُتْ عَلَيْهِ كَمَا أَمَرَكَ رَبُّكَ بِالِاسْتِقَامَةِ
พระองค์ผู้ซึ่งเกียรติของพระองค์สูงส่งยิ่ง ได้ตรัสว่า ดังนั้น สู่ศาสนาดังกลาวนั้นซึ่ง พระองค์ได้ทรงบัญญัติให้แก่พวกเจ้า ,ทรงสั่งแก่โนอาด้วยมัน และ และทรงวะหยูมายังเจ้าโอ้มุหัมหมัด,จงเรียกร้องเชิญชวนบรรดาบ่าวของอัลลอฮเถิด ,จงดำรงมั่นบนการปฏิบัติมัน ,และอย่าเบี่ยงเบนออกจากมันและจงยืนหยัด บนมัน ดังที่พระเจ้าของเจ้าสั่งให้เจ้าดำรงมั่น(อิสติกอมะฮ) - ตัฟสีรอัฏฏอ็บีรีย์ 21/517
..............
การยืนหยัด ตามคำสอนคือการสุดโต่งอย่างนั้นหรือ การพูดความจริงตามที่ท่านนบี ศอ็ลนได้สั่งเสียคือ การสุดโต่งอย่างนั้นหรือ
อบูซัรริน (ร.ฎ)ได้กล่าวถึงการสั่งเสียของท่านนบีในข้อความตอนหนึ่งว่า

وَأَمَرَنِي أَنْ أَقُولَ بِالْحَقِّ وَإِنْ كَانَ مُرًّا ، وَأَمَرَنِي أَنْ لَا أَخَافَ فِي اللَّهِ لَوْمَةَ لَائِمٍ ،

และเขา(นบี)ได้สั่งให้ฉันพูดความจริงแม้จะขมขื่นก็ตามและ เขา(นบี)สั่งฉันอย่าได้กลัวการตำหนิของผู้ที่ตำหนิในหนทางของอัลลอฮ -รายงานโดยอิหม่ามอะหมัด 
.................
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
3/7/59