วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

อะกีดะฮปราชญ์มัซฮับชาฟิอีของแท้ไม่แอบอ้าง ภาค 3


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ในภาพอาจจะมี ข้อความ
อะกีดะฮปราชญ์มัซฮับชาฟิอีของแท้ไม่แอบอ้าง ภาค 3
อิหม่ามอัลอาญุรีย์(ฮ.ศ280- 360 ) ปราชญ์มัซฮับชาฟิอี กล่าวว่า
والذي يذهب إليه أهل العلم أن الله عز وجل سبحانه على عرشه فوق سماواته، وعلمُهُ محيط بكل شيء
และที่บรรดานักวิชาการมีทัศนะไปสู่มันคือ แท้จริงอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง (ซ.บ)ทรงอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ เหนือบรรดาชั้นฟ้าของพระองค์ และความรู้ของพระองค์ครอบคลุม ทุกๆสิ่ง - กิตามอัชชะรีอะฮ ๒/๖๖
อาดีย์ บิน มุสาฟีร อัลฮะการีย์ อัชชาฟิอีย์ (ฮ.ศ 555) กล่าวว่า
وأن الله على عرشه، بائن من خلقه، كما وصف نفسه في كتابه وعلى لسان نبيه بلا كيف، أحاط بكل شيء علمًا وهو بكل شيء عليم، قال تعالى {الرحمن على العرش استوى}"
แท้จริง อัลลอฮ อยู่เหนืออะรัชของพระองค์ แยกจาก มัคลูคของพระองค์ ดังเช่นสิ่งที่ พระองค์ได้อธิบายคุณลักษณะ ให้แก่ตัวของพระองค์เอง ในคัมภีร์ของพระองค์ และ โดยผ่านคำพูดของนบี ของพระองค์ โดยไม่ถามว่าเป็นอย่างไร ,ความรู้ของพระองค์ห้อมล้อมทุกๆสิ่ง และพระองค์คือผู้ ทรงรอบรู้ ทุกๆสิ่ง ,พระองค์ผู้ทรงสูงส่งตรัสว่า(พระเจ้าผู้ทรงเมตตา ทรงอยู่เหนือบัลลังค์ ) -ดู เอียะติกอดอะฮลิสสุนนะฮ วัลญะมาอะฮ ของ อาดีย์ บิน มุสาฟีรอัลฮะการีย์ หน้า 30
.....................
ปราชญมัซฮับชาฟิอีย์สองท่านข้างต้น ทั้งเป็นชาวสะลัฟและเคาะลัฟ ต่างก็ยืนยัน การอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ชัดเจน ถ้าเชื่อแบบนี้ กลายเป็นพวกวะฮบีย์ ตามที่อาชาอิเราะฮยคหลังบางกลุ่มอ้าง และให้ร้าย เพราะฉะนั้น ปราชญยุคสะลัฟและเคาลัฟ คงเป็นวะฮบีย์กันมากมาย จะเหลือสักกี่คนที่ไม่ถูกกล่าวหาว่า "เป็นวะฮบีย"
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
29/4/60

วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560

เขาหาว่าสามช่วงชีวิตของอบูหะซันวาฮาบีสรุปเอาเอง



ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

เขาหาว่าสามช่วงชีวิตของอบูหะซันวาฮาบีสรุปเอาเอง



Zeeham Darachay กับ อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ และคนอื่นๆ อีก 7 คน
ด้วยเหตุที่ท่าน อาบุลฮาซัน อัล-อัชอารีย์ ได้เรียบเรียง 
“อัล-อีบานะฮฺฯ”เล่มนี้ ในรูปแบบการอธิบายตามแนวทางของ
ชาวสาลัฟ ดังนั้น บรรดา ชาววาฮาบีย์ จึงได้สรุปกันไปเองว่า ท่าน อาบุลฮาซัน อัล-อัชอารีย์ ได้ดำเนินชีวิตผ่าน 3 ช่วงกาลเวลาด้วยกัน นั่นก็คือ
1. ช่วงเวลาแห่งการเป็น มุอฺตาซีละฮฺ
2. ช่วงเวลาแห่งการดำเนินแนวทางตาม อิบนุ กุลล๊าบ
3. ช่วงเวลาแห่งการหวนคืนสู่วิถีแห่ง สาลาฟุซซอและฮฺ
และพวกเขายังได้กล่าวกันอีกว่า หนังสือ “อัล-อีบานะฮฯ”เล่มนี้ ได้บ่งบอกถึง การดำเนินชีวิตในช่วงสุดท้ายของท่าน นั้นก็คือ แนวทางของ บรรดา สาลาฟุซซอและฮฺ นั่นเอง...
ซึ่งหากเรากลับไปพิจารณาด้าน ประวัติศาสตร์แล้ว ก็จะพบว่า 
ท่าน อีหม่าม อาบุล ฮาซัน อัล-อัชอารีย์ นั้น ได้ใช้ชีวิตอยู่ใน 2 ช่วงเท่านั้น นั่นก็คือ ภายหลังจากอยู่ในแนวทางของ มุอฺตาซีละฮฺ ท่านก็ได้หวนคืนสู่ แนวทางของ สาลาฟุซซอและฮฺโดยทันที
ท่าน อีหม่าม อาบูบักรฺ บิน เฟาร๊อก (ร.ฮ)ได้กล่าวว่า
انتقل الشيخ أبو الحسن على بن إسماعيل الأشعري رحمه الله من مذاهب المعتزلة إلى نصرة مذاهب أهل السنة والجماعة بالحجج العقلية ، وصنف في ذلك الكتب
ความว่า
“ท่าน เชค อาบุล ฮาซัน อาลี บิน อิสมาอีล อัล-อัชอารีย์(ร.ฮ)ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางจาก มัสฮับ มุอฺตาซีละฮฺ ไปสู่การช่วยเหลือแนวทาง ของ อะฮฺลิซซุนนะฮฺ วัล ญามาอะฮฺ โดยใช้หลักเหตุผลเชิงวิเคราะห์ด้วยสติปัญญา และท่านยังได้เรียบเรียงตำราหลายๆเล่มเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว”
(โปรดดู “ตับยีน กาซิบ อัล-มุฟตารีย์” หน้า 127โรงพิมพ์ “ อัตเตาฟีก” ดามัสกัส ปี ฮ.ศ. 1347)
@@@@
ชี้แจง
นาย Zeeham Darachay อ้างว่า
บรรดา ชาววาฮาบีย์ จึงได้สรุปกันไปเองว่า ท่าน อาบุลฮาซัน อัล-อัชอารีย์ ได้ดำเนินชีวิตผ่าน 3 ช่วงกาลเวลา
ขอตอบว่า Zeeham Darachay โกหก เพราะผู้ที่ยืนยัน ว่า อบูหะซันอัลอัชอะรีย์ ได้ดำเนินชีวิตผ่าน ๓ ช่วงเวลานั้น ปราชญ์ อาชาอิเราะฮเองยืนยัน ไม่ใช่วาฮาบีย์ที่ท่านโกหก
อิบนุกะษีร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
ذكروا للشيخ أبي الحسن الأشعري ثلاثة أحوال: أولها: حال الاعتزال التي رجع عنها لا محالة. الحال الثاني: إثبات الصفات العقلية السبع وهي: الحياة والعلم والقدرة والإرادة والسمع والبصر والكلام. وتأويل الخبرية كالوجه واليدين والقدم والساق ونحو ذلك.الحال الثالث: إثبات ذلك كله من غير تكييف ولا تشبيه جرياً على منوال السلف، وهي طريقته في (الإبانة) التي صنفها آخراً"
“พวกเขาระบุว่า อบูหะซันอัลอัชอะรีย์ มี 3 สถานะภาพ
1. สถานะภาพของการเป็นมุอตะซิละฮ ที่เขาได้กลับออกจากมันอย่างแน่นอนแล้ว 
2. การรับรองบรรดาสิฟัตอักลียะฮ คือ อัลหัยยาต, อัลอิลมุ,อัลกุดเราะตุ, อัลอิรอดะตุ, อัสสัมอุ ,อัลบะเศาะรุ และอัลกะลาม และตีความ(ตะอฺวีล) สิฟัตเคาะบะรียะฮ เช่น ใบหน้า ,สองมือ, เท้า, หน้าแข้ง เป็นต้น 
3. รับรองคุณลักษณะดังกล่าวนั้นทั้งหมด โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการ และไม่เปรียบเทียบว่าคล้ายคลึง(กับมัคลูค) โดยการดำเนินตามรูปแบบสะลัฟ และมันคือแนวทางของเขา (ของอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์) ในหนังสืออัลอิบานะฮ ที่เขาได้เรียบเรียงมัน อีกเล่มหนึ่ง – เฏาะบะกอตอัชชาฟิอียีน เล่ม 1 หน้า 210
และอัลมุรตะฎออัซซะบีดีย์ ปราชญอะชาอิเราะฮได้รายงานคำพูดอิบนุกะษีรในตำราของเขา คือ อิตติหาดอัสสาดะฮอัลมุตตะกีน ของ อัซซะบีดีย เล่ม 2 หน้า
ในกิตาบอัลอะรัช ของอิหม่ามอัซซธฮะบีย์ เล่ม ๒ หน้า ๓๐๒ -๓๐๓ ระบุว่า
وكان معتزليا ثم تاب، ووافق أصحاب الحديث في أشياء يخالفون فيها المعتزلة، ثم وافق أصحاب الحديث في أكثر ما يقولونه، وهو ما ذكرناه عنه من أنه نقل إجماعهم على ذلك، وأنه موافق لهم في جميع ذلك، فله ثلاثة أحوال: حال كان معتزلياً، وحال كان سنياً في بعض دون البعض، وحال كان في غالب الأصول سنياً، وهو الذي علمناه من حاله
เขา(อบูหะซัน) เป็นผู้ที่มีแนวคิดมุอตะซิละฮ หลังจากนั้นเขาได้ทำการเตาบัต และ เขาได้(มีแนวคิด)สอดคล้องกับ บรรดานักหะดิษในสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาเห็นต่างกับพวกมุอตะซิละฮ ในมัน ต่อมา เขามีความเห็นสอดคล้องกับ บรรดานักหะดิษ ในสิ่งที่เป็นส่วนมากที่พวกเขากล่าว และมันคือสิ่งที่เราได้กล่าวมันเกี่ยวกับเขา จากมติของพวกเขาที่ได้รายงานบนดังกล่าว ว่า แท้จริงเขา คือผู้ที่มีทัศนะสอดคล้องกับพวกเขา(บรรดานักหะดิษ) ในทั้งหมดของดังกล่าวนั้น 
เขา(อบูหะซัน)มี 3 สถานะสภาพ คือ 
1. สภาพของการเป็นผู้มีแนวคิดมุอฺตะซิละฮ 
2. สถานะภาพเขาเป็นสุนนีย์(อะฮลุสสุนนะฮ)ในบางส่วน ไม่ใช่ในบางส่วน
3. และสถานะภาพที่เขาอยู่ในรากฐานของอะฮลุสสุนนะฮเป็นส่วนใหญ่ และเขาคือผู้ที่ข้าพเจ้าได้รู้จัก จากสถานะภาพของของเขา-ดู กิตาบอัลอะรัช เล่ม ๒ หน้า ๓๐๒ -๓๐๓
อิบนุตัยมียะฮ(ร.ฮ)กล่าวว่า
أَنَّ الْأَشْعَرِيَّ ، وَإِنْ كَانَ مِنْ تَلَامِذَةِ الْمُعْتَزِلَةِ ثُمَّ تَابَ ، فَإِنَّهُ كَانَ تِلْمِيذَ الجبائي وَمَالَ إلَى طَرِيقَةِ ابْنِ كُلَّابٍ وَأَخَذَ عَنْ زَكَرِيَّا الساجي أُصُولَ الْحَدِيثِ بِالْبَصْرَةِ ، ثُمَّ لَمَّا قَدِمَ بَغْدَادَ أَخَذَ عَنْ حَنْبَلِيَّةِ بَغْدَادَ أُمُورًا أُخْرَى ، وَذَلِكَ آخِرُ أَمْرِهِ كَمَا ذَكَرَهُ هُوَ وَأَصْحَابُهُ فِي كُتُبِهِمْ .
แท้จริง อัลอัชอะรีย์ และแม้เขาจะเป็นส่วนหนึ่งจาก ศิษย์ของมุอตะซิละฮ ต่อมาเขาได้เตาบัต แล้วเขา เป็นศิษย์ของ อัลอัลญุบาอีย์ และเอนเอียงไปสู่แนวทางอิบนุกุลลาบ และเขาได้เอาบรรดารากฐานของหะดิษจาก ซะกะรียาอัสสาญีย์ ที่เมืองบัศเราะฮ หลังจากนั้น เมื่อเขามาเมืองแบกแดด เขาได้เอาจากหะนาบะละฮ บรรดาเรื่องอื่นๆที่แบกแดด และดังกล่าวนั้น ตือ เรื่องในบั้นปลายชีวิตของเขา ดังสิ่งที่เขาเองและบรรดาศานุศิษย์ของเขาได้ระบุมันไว้ -มัจญมัวะอัลฟะตาวา ๓/๒๒๘
....
สรุปคือ
ช่วงที่หนึ่ง ยึดแนวคิดมุอตะซิละฮ
ช่วงที่สอง ยึดแนวคิดอิบนุกุลลาบ
ช่วงที่สาม ยึดแนวอะฮลุสสุนนะฮมัซฮับหัมบะลีย์
>>>>>>>
ส่วนคำกล่าวของ อิบนุฟุรอ็ก ได้กล่าวเอาไว้แบบสั้นๆ แล้วนาย Zeeham Darachay มาตัดสินว่ามีแค่สองช่วงชีวิต แล้วกล่าวหาว่าวะฮบี สรุปเอาเองช่างโกหกสิ้นดี
والله اعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
๒๓/๔/๖๐
ปล. ที่อ้างว่า อัลอิบานะฮ ถูกเปลี่ยนแปลง ใหนฉบับจริง โปรดนำมา และที่ว่า มีการเปลี่ยนแปลง ใครเปลี่ยนแปลงครับ Zeeham Darachay