วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ละหมาดกุซูฟ(สุริยุปราคา)อ่านเบ่าหรืออ่านดัง (ภาค 2)



ละหมาดกุซูฟ(สุริยุปราคา)อ่านเบ่าหรืออ่านดัง (ภาค 2)
มีพี่น้องถามมาว่า มีคนบอกว่า ละหมาดคุซูฟ(สุริยุปราคา)อ่านเบา และมองว่าอ่านดังเป็นเรืองแปลก แปลก อาจจะเพราะการตักลิดแต่ไม่ศึกษาข้อเท็จจริง จึงมองว่าแปลก จึงขอนำรายละเอียดชี้แจงดังนี้
การละหมาดสุริยุปราคา มีสุนนะฮให้อ่านดังด้วยหลักฐานต่อไปนี้
صلاةُ كُسوفِ الشَّمسِ صَلاةٌ جهريَّة، وهذا مذهبُ الحَنابِلَة (1) ، والظاهريَّة (2) ، وقولُ أبي يُوسفَ ورِواية عن محمَّد بن الحسنِ من الحَنَفيَّة (3) ، وقول للمالكيَّة (4) ، وهو قولُ طائفةٍ من السَّلف (5) ، واختاره ابنُ خُزَيمةَ (6) ، وابنُ المنذرِ (7) ، وابنُ العربيِّ (8) ، والشوكانيُّ (9) ، وابنُ عُثَيمين (10) ، وابنُ باز
ละหมาดสุริยุปราคา คือ การละหมาดอ่านเสียงดัง นี้คือ มัซฮับ อัลหะนาบะละฮ(1) อัซซอฮิรียะฮ(2) และเป็นทัศนะของอบียูซุฟ และรายงานหนึ่ง จากมุหัมหมัด บิน อัลหะซัน เป็นส่วนหนึ่งจากปราชญ์หะนะฟียะฮ(3) และทัศนะของปราชญ์มัซฮับมาลิกียะฮ (4) และเป็นทัศนะกลุ่มหนึ่งจากสะลัฟ (5) และ อิบนุคุซัยมะฮ (6) อิบนุอัลมุนซีร (7) อิบนุอัลอะเราะบีญ์(8) อัชเชากานีย์ (9) อิบนุอุษัยมีน (10) และอิบนุบาซ(10)ได้เลือกมัน(หมายถึงเลือกทัศนะอ่านดัง)
........
แหล่งอ้างอิง
1.((كشاف القناع)) للبُهوتي (2/62)، وينظر: ((المغني)) لابن قدامة (2/313).
2.قال ابنُ حزم: (قَطْعُ عائشةَ، وعُروةَ، والزُّهريِّ، والأوزاعيِّ بأنَّه عليه السَّلام جهَر فيها أَوْلى من ظُنونِ هؤلاء) ((المحلى)) (3/319)، ونقلَه النوويُّ عن داود الظاهريِّ. يُنظر: ((المجموع)) للنووي (5/52
3.قال ابنُ عابدين: (وقال أبو يوسف: يَجهَر، وعن محمَّد رِوايتان) ((حاشية ابن عابدين)) (2/182). ويُنظر: ((بدائع الصنائع)) للكاساني (1/281).
4.قال ابنُ المنذر: (ممَّن رُوِّينا عنه أنه جهَر بالقراءة في صلاة الكسوف: عليُّ بن أبي طالب، وفَعَل ذلك عبدُ الله بن يزيد، وبحضرته البَراءُ بن عازب وزيدُ بن أرقمَ، وبه قال أحمدُ، وإسحاق) ((الإشراف)) (2/304). وقال ابنُ قدامة: (وأمَّا الجهر فقد رُوي عن علي رضي الله عنه، وفَعَله عبدُ الله بن زيد وبحضرته البَراءُ بن عازب وزيد بن أرقم، وبه قال أبو يوسف، وإسحاق، وابن المنذر) ((المغني)) (2/314). وقال النوويُّ: (قال الخطَّابي: الذي يجيء على مذهب الشافعي أنَّه يَجهَر في كسوف الشمس، كذا نقلَه الرافعيُّ عن الخطابي، ولم أرَه في كتاب الخطَّابي) ((المجموع)) (5/52).
5.قال الشوكانيُّ: (إلَّا أنَّ الجهر أَوْلى من الإسرار؛ لأنَّه زيادة، وقد ذهب إلى ذلك أحمد وإسحاق، وابن خزيمة وابن المنذر، وغيرهما من محدِّثي الشافعية، وبه قال صاحبَا أبي حنيفة، وابنُ العربيِّ من المالكيَّة) ((نيل الأوطار)) (3/395).
6.قال ابنُ المنذر: (بالقول الأوّل «أي: الجهر» أقول؛ لحديثِ النبيِّ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم أنه جهَر بالقِراءة) ((الإشراف)) (2/304).
7.قال ابن العربي: (والجهرُ عندي أَوْلى؛ لأنَّها صلاةُ الجماعة، يُنادي لها كما يُنادي للصبح: الصلاة جامعة، ويَخطُب لها كما في بعضِ الرِّوايات) ((عارضة الأحوذي)) (3/42).
8.قال الشوكانيُّ: (الجهر أَوْلى من الإسرار؛ لأنَّه زيادة) ((نيل الأوطار)) (3/395).
9.قال ابنُ عثيمين: (السُّنَّة في صلاة الكسوف الجهرُ، سواء في الليل أو في النهار، وهو كذلك؛ لحديث عائشةَ) ((الشرح الممتع)) (5/183).
10.قال ابنُ باز: (السُّنةُ الجهرُ في صلاة الكسوف؛ لأنَّ الرسول صلَّى اللهُ عليه وسلَّم جهَر فيها عند حصولِ الكسوف، وصلَّى بالناس) ((فتاوى نور على الدرب)) (13/393).
หลักฐานคือ
1.จากอัสสุนนะฮ
عن عائشةَ رَضِيَ اللهُ عنها: ((أنَّ النبيَّ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم جهَرَ في صلاةِ الخُسوفِ))
รายงานจากอาอีฉะฮ (ร.ฏ) แท้จริง ท่านนบี ศ็อลฯ อ่านเสียงดังในละหมาดสุริยุปราคา
رواه البخاري (1065)، ومسلم (901).
2.เหตุผลที่อ่านดัง
أنَّها نافلةٌ شُرِعتْ لها الجماعة، فكان مِن سُننها الجهرُ، كصلاةِ الاستسقاءِ، والعيد، والتَّراويح
แท้จริงมัน(ละหมาดสุริยุปราคา )คือละหมาดอาสา(สุนัต) ถูกบัญญัติให้ละหมาดญะมาอะฮสำหรับมัน และส่วนหนึ่งจากแบบอย่างของมันคือ การอ่านดัง เช่น ละหมาดขอฝน ,ละหมาดอีดและละหมาดตารอเวียะ -
((المغني)) لابن قدامة (2/314)، ((الاستذكار)) لابن عبد البر (2/415). قال ابنُ عبد البَرِّ: (ومِن حُجَّة مَن قال بالجهر في صلاة الكسوف: إجماعُ العلماء على أنَّ كلِّ صلاة سُنَّتها أن تُصلَّى في جماعةٍ من الصلوات المسنونات، فسنتها الجهرُ كالعيدين والاستسقاء، قالوا: فكذلك الكسوف) ((الاستذكار)) (2/415).
............
กล่าวคือการละหมาดสุนัตสุริยุปราคานั้น เป็นละหมาดที่มีบัญญัติให้ปฏิบัติในรูปของญะมาอะฮ ซึ่งทุกๆละหมาดสุนัตที่มีบัญญัติให้ปฏิบัติในรูปแบบญะมาอะฮนั้นแบบอย่างของมัน คือ การอ่านดัง
......
หลักฐานการอ่านดังในละหมาดสุริยุปราคา นั้น มีน้ำหนัก -ดูเพิ่มเติมจากหนังสือ มันฮัจญ์ อัตเตาฟิก วัตตัรเญียะ บัยนะมุคตะละฟิลหะดิษ ของ ดร. อับดุลมะญีด มุหัมหมัด บิน อิสมาอีล อัสสูสูต หน้า 491 (ดูสำเนา หนังสือที่แนบมา)

อะสัน หมัดอะดั้ม
27/12/62





เอกสารอ้างอิง


 ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เอาเงินซะกาตมาสร้างและบูรณะมัสยิดได้ไหม









เอาเงินซะกาตมาสร้างและบูรณะมัสยิดได้ไหม
ยุคหลังๆ การสร้างมัสยิด การบูรณะมัสยิด มีกระแสแรงมาก แต่ละปีงานการกุศุลสร้างมัสยิด บูรณะมัสยิด ตบแต่งมัสยิด มีมาไม่ขาดสาย จึงนำเสนอบทความนี้ให้พี่น้องอ่านและพิจารณาว่า มันสมควรหรือหากเราเอาเงินซะกาตไปสร้างหรือบูรณะมัสยิด
السؤال
هل يجوز لي أن أستخدم مال الزكاة في بناء مسجد؟.
คำถาม
อนุญาตให้ข้าพเจ้าใช้ทรัพย์สินซะกาต ในการสร้างมัสยิดไหม?
نص الجواب
الحمد لله
سئلت اللجنة الدائمة هل يجوز صرف الزكاة على المسجد لترميمه وفرشه ونحو ذلك من الزكاة فأجابت :
คำตอบ
อัลหัมดุลิลละฮ
คณะกรรมการถาวร(เพื่อการวิจัยวิชาการและตอบปัญหา) ได้ถูกถาม ว่า "จายซะกาตให้แก่มัสญิด เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมมัสยิดและปูพื้นมัสยิด และในทำนองนั้นจากซะกาตได้ไหม แล้วอัลลุจญะนะฮดาอิมะฮตอบว่า
أما الزكاة فهي مخصوصة لثمان جهات عينها الله تعالى بقوله : ( إنما الصدقات للفقراء والمساكين والعاملين عليها والمؤلفة قلوبهم وفي الرقاب والغارمين وفي سبيل الله وابن السبيل ) التوبة ، ومن ذلك يتضح أن المساجد ليست من الجهات الثمان المذكورة في الأية ، والمحصور إخراج الزكاة فيها . وبالله التوفيق
สำหรับ ซะกาตนั้น มันถูกเจาะจงเฉพาะ 8 ด้านเท่านั้น ซึ่งอัลลอฮตาอาลาได้เจาะจงเป็นการเฉพาะด้วยคำตรัสของพระองค์ที่ว่า ( “ ความจริงซะกาตนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของคนยากไร้ คนขัดสน เจ้าหน้าที่ซะกาต ผู้ที่ศรัทธาใหม่ สำหรับการไถ่ตัว คนมีหนี้สิน สำหรับวิถีทางแห่งอัลเลาะห์ และคนที่เดินทาง..) ซูเราะอัตเตาบะฮ /” และจากดังกล่าวนั้น มันทำให้ชัดเจนว่า แท้จริง มัสยิด ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาด้านทั้งแปด(ผู้มีสิทธิ์รับซะกาตทั้งแปด) ที่ถูกระบุในอายะฮ และสิ่งที่ถูกจำกัด การจ่ายซะกาตอยู่ในมัน -วะบิลลาฮิตเตาฟิก -ฟะตาวาอิสลามียะฮ 2/91
ในฟิกฮอัลอิสลามีย์ ของ ดร.วะฮบะฮอัซซุหัยลีย์ระบุว่า
اتفق جماهير فقهاء المذاهب على أنه لا يجوز صرف الزكاة إلى غير من ذكر الله تعالى، من بناء المساجد والجسور والقناطر والسقايات وجري الأنهار وإصلاح الطرقات، وتكفين الموتى والتوسعة على الأضياف، وبناء الأسوار، .........ونحو ذلك من القرب التي لم يذكرها الله تعالى مما لا تمليك فيه؛ لأن الله سبحانه وتعالى قال: {إنما الصدقات للفقراء....} [التوبة: 60]، وكلمة إنما للحصر والإثبات، تثبت المذكور وتنفي ما عداه
บรรดาปราชญ์ฟิกฮมัซฮับต่างๆส่วนใหญ่(ญุมฮูร) เห็นฟ้องกันว่า ไม่อนุญาตให้จ่ายซะกาต แก่อื่นจากผู้ที่อัลลอฮตาอาลาได้ระบุไว้ เช่น การสร้างมัสยิด ,สร้างสะพาน ,สร้างเขื่อน สร้างแอ่งน้ำ, ขุดคลอง ,ปรับปรุงถนนหนทาง,การห่อศพ ,การให้ความสะดวกบรรดาแขกมาเยือน ,การสร้างกำแพง........ และในทำนองนั้น จากการอิบาดะฮที่อัลลอฮตาอาลาไม่ได้ระบุมันเอาไว้ จากสิ่งที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในมัน เพราะ เพราะแท้จริงอัลลอฮ (ซ.บ) ตรัสวา( ความจริงซะกาตนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของบรรดาคนยากไร้....) และคำว่า "อินนะมา"(انما ) เพื่อการจำกัดความและการยืนยัน ,ยืนยันสิ่งที่ถูกระบุไว้ และปฏืเสธสิ่งที่อื่นจากนั้น - ดูฟิกฮอัลอิสลามมีย์ เล่ม 2 หน้า 876 (ดูสำเนาที่แนบมา)
..........
สรุปคือ มัสยิด หรือการสร้างมัสยิดไม่ได้ระบุไว้ในประเภทของผู้มีสิทธิ์รับซะกาต ในทัศนะปราชญ์ฟิกฮมัซฮับส่วนใหญ่จึงไม่อนุญาตให้นำทรัพย์สินซะกาต มาสร้างมัสยิด
อะสัน หมัดอะดั้ม
17/12/62







ในภาพอาจจะมี ข้อความ

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ตัดตอนคำพูดอิหม่ามอัลอัชอะรีย์ เพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ


ตัดตอนคำพูดอิหม่ามอัลอัชอะรีย์ เพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ
อาชาอิเราะฮสายฏอรียกัต ยกตัวอย่างคำพูดอิหม่ามอบูหะซัลอัลอัชอะรีย์มาท่อนหนึ่งใหนังสือ อิสติวาอเหนือบัลลังตค์ หน้า 10 ว่า
ﻭﻗﺎﻝ ﺃﻫﻞ ﺍﻟﺴﻨﺔ ﻭﺃﺻﺤﺎﺏ ﺍﻟﺤﺪﻳﺚ : ﻟﻴﺲ ﺑﺠﺴﻢ، ﻭﻻ
ﻳﺸﺒﻪ ﺍﻷﺷﻴﺎﺀ
และอะฮลุสสุนนะฮ และบรรดานักหะดิษ ได้กล่าวว่า อัลลอฮไม่เป็นรูปร่างและพระองค์ไม่คล้ายกับสรรพสิ่งทั้งหลาย
.............
ข้างต้น ได้ตัดข้อความต่อมาที่ว่า
ﻭﺃﻧﻪ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﻌﺮﺵ ﻛﻤﺎ ﻗﺎﻝ ﻋﺰ ﻭﺟﻞ:
} ﺍﻟﺮَّﺣْﻤَﻦُ ﻋَﻠَﻰ ﺍﻟْﻌَﺮْﺵِ ﺍﺳْﺘَﻮَﻯ { ] ﻃﻪ : 20 [5،ﻭﻻ ﻧﻘﺪﻡ ﺑﻴﻦ ﻳﺪﻱ ﺍﻟﻠﻪ ﻓﻲ ﺍﻟﻘﻮﻝ، ﺑﻞ ﻧﻘﻮﻝ ﺍﺳﺘﻮﻯ ﺑﻼ
ﻛﻴﻒ.
และแท้จริงพระองค์ทรงอยู่เหนืออะรัช ดังที่พระองค์ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง ได้ตรัสว่า (พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงอยู่สูงเหนือบัลลังก์) ฎอฮา 5/20 และเราจะไม่ล้ำหน้าอัลลอฮและรอซูล ในคำพูด แต่ทว่า เรากล่าวว่า "ทรงอิสตะวา (อยู่สูง) โดยไม่ถามว่าเป็นอย่างไร /ไม่อธิบายรูปแบบวิธีการว่าเป็นอย่างไร
...........
ส่วนคำว่า ไม่เป็นรูปร่าง (ﻟﻴﺲ ﺑﺠﺴﻢ)นั้น ไม่มีสักอายะฮเดียวและไม่มีหะดิษสักบทเดียวที่กล่าวยืนยัน(อิษบาต)และปฏิเสธ) คำว่า ไม่ใช่รูปร่าง จึงหมายถึงรูปร่างที่เปรียบกับมัคลูค เพราะพระเจ้ามีตัวตน (ซาต) และอิหม่ามอัชอะรีย์ ไม่ได้ตีความบรรดาอายาตสิฟาตดังเช่น ที่อาชาอิเราะฮสายฎอรีกัตตีความ
มาดูคำพูดเต็มๆของอิหม่ามอัลอัชอะรีย์ทั้งหมด ซึ่งต่างจากแนวคิดอาชาอิเราะฮสายฏอรีกัตอย่างสิ้นเชิงคือ
ท่านอบูฮะซัน อัลอัซอารีย์ (เสียชีวิต 324 ฮ.ศ )
กล่าวไว้ในหนังสือของท่าน มีชื่อว่า “มะกอลาต
อัลอิสลามมียีน” ความว่า:
ﻭﺃﻧﻪ ﻧﻮﺭ ﻛﻤﺎ ﻗﺎﻝ ﺗﻌﺎﻟﻰ:
}ﺍﻟﻠَّﻪُ ﻧُﻮﺭُ ﺍﻟﺴَّﻤَﺎﻭَﺍﺕِ ﻭَﺍﻟْﺄَﺭْﺽِ { ] ﺍﻟﻨﻮﺭ 24 .[35 :
ﻭﺃﻥ ﻟﻪ ﻭﺟﻬﺎً ﻛﻤﺎ ﻗﺎﻝ ﺍﻟﻠﻪ:
} ﻭَﻳَﺒْﻘَﻰ ﻭَﺟْﻪُ ﺭَﺑِّﻚَ { ] ﺍﻟﺮﺣﻤﻦ 55 .[27 :
ﻭﺃﻧﻪ ﻟﻪ ﻳﺪﻳﻦ ﻛﻤﺎ ﻗﺎﻝ:
} ﺧَﻠَﻘْﺖُ ﺑِﻴَﺪَﻱَّ ] { ﺹ : 38 [75 .
ﻭﺃﻥ ﻟﻪ ﻋﻴﻨﻴﻦ ﻛﻤﺎ ﻗﺎﻝ:
}ﺗَﺠْﺮِﻱ ﺑِﺄَﻋْﻴُﻨِﻨَﺎ { ] ﺍﻟﻘﻤﺮ 54 .[14 :
ﻭﺃﻧﻪ ﻳﺠﻲﺀ ﻳﻮﻡ ﺍﻟﻘﻴﺎﻣﺔ ﻫﻮ ﻭﻣﻼﺋﻜﺘﻪ ﻛﻤﺎ ﻗﺎﻝ:
} ﻭَﺟَﺎﺀ ﺭَﺑُّﻚَ ﻭَﺍﻟْﻤَﻠَﻚُ ﺻَﻔًّﺎ ﺻَﻔًّﺎ ] { ﺍﻟﻔﺠﺮ 89 .[22 :
ﻭﺃﻧﻪ ﻳﻨﺰﻝ ﺇﻟﻰ ﺍﻟﺴﻤﺎﺀ ﺍﻟﺪﻧﻴﺎ ﻛﻤﺎ ﺟﺎﺀ ﻓﻲ ﺍﻟﺤﺪﻳﺚ. ﻭﻟﻢ
ﻳﻘﻮﻟﻮﺍ ﺷﻴﺌﺎً ﺇﻻ ﻭﺟﺪﻭﻩ ﻓﻲ
ﺍﻟﻜﺘﺎﺏ، ﺃﻭ ﺟﺎﺀﺕ ﺑﻪ ﺍﻟﺮﻭﺍﻳﺔ ﻋﻦ ﺭﺳﻮﻝ ﺍﻟﻠﻪ ﺻﻠﻰ ﺍﻟﻠﻪ
ﻋﻠﻴﻪ ﻭﺳﻠﻢ"
และพระองค์ทรงมีนูร(รัศมี) ดั่งที่พระองค์ท
รงตรัสว่า
{ ﺍﻟﻠَّﻪُ ﻧُﻮﺭُ ﺍﻟﺴَّﻤَﺎﻭَﺍﺕِ ﻭَﺍﻟْﺄَﺭْﺽِ ] { ﺍﻟﻨﻮﺭ 24 35 : ].
อัลลอฮ์ทรงเป็นดวงประทีปแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดิน (อันนูร 24 : 35)
และพระองค์ทรงมีพระพักตร์ ดั่งที่พระองค์ท
รงตรัสว่า
{ ﻭَﻳَﺒْﻘَﻰٰ ﻭَﺟْﻪُ ﺭَﺑِّﻚَ ﺫُﻭ ﺍﻟْﺠَﻠَﺎﻝِ ﻭَﺍﻟْﺈِﻛْﺮَﺍﻡِ { ]ﺍﻟﺮﺣﻤﻦ : 55
27].
และพระพักตร์ของพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่
ผู้ทรงโปรดปรานเท่านั้นที่จะยังคงเหลืออยู่ (
อัรเราะห์มาน 55 : 27 )
และพระองค์ทรงมีพระหัตถ์ทั้ง 2 ดั่งเช่นที่พระอ
งค์ทรงตรัสว่า
{ ﺧَﻠَﻘْﺖُ ﺑِﻴَﺪَﻱَّ { ] ﺹ 38 75 : ] .
ข้าได้สร้าง(อาดัม)ด้วยมือทั้งสองของข้า (ซ้อด
38 : 75)
และพระองค์ทรงมีพระเนตรทั้ง 2 ดั่งเช่นที่พระอ
งค์ตรัสว่า
{ ﺗَﺠْﺮِﻱ ﺑِﺄَﻋْﻴُﻨِﻨَﺎ { ] ﺍﻟﻘﻤﺮ 54 14 : ].
มัน (เรือ) ได้แล่นไปต่อหน้าเรา (อัลเกาะมัร 54 :
14)
และพระองค์ได้ทรงเสด็จมาในวันกิยามะห์พร้อม
กับมลาอิกะห์ ดั่งคำตรัสของพระองค์ที่ว่า
{ ﻭَﺟَﺎﺀ ﺭَﺑُّﻚَ ﻭَﺍﻟْﻤَﻠَﻚُ ﺻَﻔًّﺎ ﺻَﻔًّﺎ { ]ﺍﻟﻔﺠﺮ 89 22 : ].
และพระเจ้าของเจ้าเสด็จมาพร้อมท
ั้งมะลาอิกะฮฺด้วยเป็นแถว ๆ (อัลฟัญร์ 89 : 22)
และพระองค์ทรงเสด็จลงมายังฟากฟ้าของดุนยา
ดั่งเช่นฮะดีษ(ภาคผลของการละหมาดตะฮัจยุด)
และพวกเราจะไม่กล่าวสิ่งใด เว้นเจอมันจะมีอยู่
ในอัลกุรอ่านหรือมีรายงานมาจากท่านนบีศ้อลลั
้ลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม!!!
# มะกอลาต อัลอิสลามมี่ยีน วะอิคติลาฟฟิลมุ
ศ้อลลีน เล่ม 1 หน้า 221
...............
จะเห็นได้ว่า อาชาอิเราะฮนำคำพูดของอบูหะซันอัลอัชอะรีย์ มาท่อนหนึ่งมาชง โดยหมกเหม็ดส่วนที่เหลือ ซึ่งอบูหะซันอัลอัชอะรีย์ เองไม่ได้ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงเหนืออะรัชของอัลลอฮ แต่อย่างใด

อะสัน หมัดอะดั้ม
7/12/62





เอกสารอ้างอิง


 ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

การห่อศพผู้หญิงแตกต่างจากศพผู้ชายไหม



การห่อศพผู้หญิงแตกต่างจากศพผู้ชายไหม
คำตอบคือ ในทัศนะนักปราชญมัซฮับ หะนะฟียะฮ ,มาลิกียะฮ.ชาฟิอียะฮ,อัลหะนาบะละฮ และอัซซอฮิรียะฮ นั้นส่งเสริม(มุสตะหับบะฮ) ให้ห่อด้วยผ้า 5 ชิ้น
ประกอบด้วย
1. ผ้านุ่งหนึ่งผืน
2.ผ้าคลุมศีรษะ
3.เสื้อ
4.และผ้าหุ้มห่อ 2 ผืน ซึ่งอยู่ชั้นนอกสุด
เนื่องจากมีรายงานจากลัยลา อัษ- ษะกอฟียะฮฺ กล่าวว่า
كُنْتُ فِيمَنْ غَسَّلَ أُمَّ كُلْثُومٍ بِنْتَ رَسُولِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عِنْدَ وَفَاتِهَا، وَكَانَ أَوَّلُ مَا أَعْطَانَا رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ الْحِقَاءَ، ثُمَّ الدِّرْعَ، ثُمَّ الْخِمَارَ، ثُمَّ الْمِلْحَفَةَ، ثُمَّ أُدْرِجَتْ بَعْدُ فِي الثَّوْبِ الْآخِرِ.
ความว่า “ฉันเป็นคนหนึ่งจากผู้ที่อาบน้ำให้แก่อุมมุ กุลษูม ลูกสาวของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ตอนที่นางเสียชีวิตและสิ่งแรกที่ท่านเราะสูลได้ให้แก่เรานั้นคือ ผ้านุ่ง เสื้อ ผ้าคลุมศรีษะ หลังจากนั้นเป็นผ้าหุ้มห่อ หลังจากนั้นนางได้ถูกหุ้มห่อทับด้วยผ้าอีกผืนหนึ่ง” (บันทึกโดยอบู ดาวูด : 3157)
..........
หะดิษข้างต้นชัยค์อัลบานีย์ระบุว่า เป็นหะดิษเฎาะอิฟ ดู อิรวาอุลเฆาะลีล หะดิษหมายเลข 723 (ดูสำเนาหนังสือที่แนบมา)
อย่างไรก็ตาม ชัยค์ออิบนุอุษัยมีนระบุว่าหะดิษที่บอกว่า ให้ห่อศพผู้หญิงด้วยผ้า 5 ชี้ก็ยังมีปัญหา ดังที่ชัยค์ อิบนุอุษัยมีน (ร.ฮ)กล่าวว่า
وقد جاء في جعل كفن المرأة خمسة أثواب حديث مرفوع ، إلا أن في إسناده نظراً ؛ لأن فيه راوياً مجهولاً ، ولهذا قال بعض العلماء : إن المرأة تكفن فيما يكفن به الرجل ، أي : في ثلاثة أثواب يلف بعضها على بعض .
وهذا القول إذا لم يصح الحديث هو الأصح ؛
และใน การห่อศพผู้หญิง ด้วยผ้า 5 ชิ้นนั้น ได้มีหะดิษมัรฟัวะ นอกจากว่า ในสายรายงานของมันนั้น ต้องพิจารณา เพราะในสายรายงานมีผู้รายงานที่ไม่เป็นที่รู้จัก(หมายถึงผู้รายงานที่ชื่อ نوح بن حكيم - ผู้แปล)เพราะเหตุนี้ บางส่วนของ นักวิชาการ ได้กล่าวว่า " แท้จริงผู้หญิงนั้น ถูกห่อด้วยสิ่งที่ผู้ชายถูกห่อด้วยมัน หมายถึง ในผ้า 3 ชิ้น ส่วนหนึ่งของมันห่อหุ้มบนอีกส่วนหนึ่ง(หมายถึงห่อทับซ้อนกัน) และนี้คือ ทัศนะเมื่อที่ถูกต้องที่สุด เมื่อหะดิษไม่เศาะเฮียะ ..อัชชัรหอัลมุมตะฮ 5/224
............
นำเสนอทางวิชาการใครเห็นต่างจากนี้ก็ไม่ขัดข้อง
อะสัน หมัดอะดั้ม
6/12/62

เอกสารอ้างอิง
 ในภาพอาจจะมี ข้อความ
 

ห่อศพผู้หญิงด้วยผ้าสามชิ้นเหมือนผู้ชายได้ไหม



ห่อศพผู้หญิงด้วยผ้าสามชิ้นเหมือนผู้ชายได้ไหม
คำตอบ
การห่อศพไว่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ที่วาญิบคือ ห่อให้มิดชิด ด้วยผ้า ชิ้นเดียวก็พอ แต่ส่งเสริมให้ห่อด้วยผ้า 3 ชิ้น ตามหะดิษที่เศาะเฮียะ เกี่ยวกับการห่อศพของท่านนบี ศ็อลฯ
ชัยค์อัลอัลบานีย์(ร.ฮ)กล่าวว่า

والمرأة في ذلك كالرجل،إذ لا دليل على التفريق .
وأما حديث ليلى بنت قائف الثقفية في تكفين ابنته صلى الله عليه وسلم في خمسة أثواب فلا يصح إسناده، لأن فيه نوح بن حكيم الثّقفي وهو مجهول كما قال الحافظ ابن حجر وغيره، وفيه علة أخرى بينها الزيلعي في نصب الراية (2/258).
ونحوه ما زاده بعضهم في قصة غسل ابنة النبي صلى الله عليه وسلم زينب بلفظ "فكفناها في خمسة أثواب "، فإنها شاذة أو منكرة 
كما حققته في الضعيفة(5844

และผู้หญิงในดังกล่าวนั้น (หมายถึงในการห่อด้วยผ้า 3 ชิ้น)เช่นเดียวกับผู้ชาย เพราะไม่มีหลักฐานแสดงถึงการจำแนก ถึงความแตกต่าง
สำหรับหะดิษ ลัยลา บิน กออิฟ อัษษะเกาะฟีย์ เกี่ยวการห่อศพ บุตรสาวของท่านนบี ศ็อลฯ ใน ผ้า 5 ชิ้น นั้น สายรายงานของมันไม่เศาะเฮียะ เพราะแท้จริงในสายรายงาน มีผู้รายงานชื่อ นุฮ บิน หะกีม อัษษะเกาะฟีย์ โดยที่เขาเป็นผู้ทีไม่เป็นที่รู้จัก(มัจญฮูล) ดังที่อัลหาฟิซ อิบนุหะญัร และคนอื่นจากเขาได้ กล่าวไว้ และในหะดิษ มีจุดบกพร่องอื่นอีก ซึ่งอัซซัยละอีย์ ได้อธิบายมันไว้ใน นัศบุรรอยะฮ (2/258)
และที่เหมือนกับมันคือ สิ่งที่ส่วนหนึ่งของพวกเขา ได้เพิ่มเติมมัน ในเรื่องราวของการอาบน้ำบุตรสาวท่านนบี ศ็อลฯ ด้วยสำนวนที่ว่า ("เราได้ห่อนาง ในผ้าห้าชิ้น )" เพราะแท้จริงมัน (ข้อความนี้) ผิดเพี้ยนและมุงกัร ดังที่ข้าพเจ้าได้ พิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้ว ในอัฎเฎาะอีฟะฮ หมายเลข 5844 - ดูอะหกามุลญะนาอิซ วะบิดอุฮา หน้า 85 (ดูสำเนาหนังสือที่แนบมา)
......
จึงสรุปว่า
1.การห่อมัยยิตที่เป็นวาญิบนั้นแค่ห่อให้มิดชิดด้วยผ้าชิ้นเดียวก็เพียงพอ
2.ศพผู้ชายส่งเสริมให้ห่อด้วยผ้า 3 ชิ้น
3.สำหรับศพผู้หญิง นักวิชาการเห็นต่างคือ
3.1 ห่อด้วยผ้า 5 ชิ้น โดยอ้างหะดิษข้างต้น
3.2 ห่อด้วยผ้า 3 ชิ้นเช่นเดียวกับผู้ชาย เพราะไม่มีหลักฐานมาจำแนกถึงความแตกต่าง และหะดิษหะดิษ ลัยลา บิน กออิฟ อัษษะเกาะฟีย์ เกี่ยวการห่อศพ บุตรสาวของท่านนบี ศ็อลฯ ใน ผ้า 5 ชิ้น นั้น สายรายงานของมันไม่เศาะเฮียะ
อะสัน หมัดอะดั้ม
7/12/62
....
ได้นำเสนอ 2 ด้านแล้ว ซึ่งนักวิชาการเช่นชัยค์ บิน บาซและท่านอื่นๆ เปิดกว้างในเรื่องนี้
อะสัน หมัดอะดั้ม
6/12/62

เอกสารอ้างอิง

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ