วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เขาบอกว่าวะฮบีพวกต่อต้านเศาะละวาตนบี






เขาบอกว่าวะฮบีพวกต่อต้านเศาะละวาตนบี
ช่วงเดือนเราะบิอุลเอาวัล เป็นช่วงที่พี่น้องมุสลิมบางส่วนเฉลิมฉลองวันเกิดนบีเพื่อแสดงความรัก แต่บางส่วนไม่ได้ทำเมาลิดอย่างเดียว แต่ทำเมาลิดพร้อมกับโฆษณาช่วนเชื่อใส่ร้ายว่าคนไม่ทำเมาลิดคือ พวกวะฮบี เป็น พวกต่อต้านการเศาะละวาตนบี ขอเรียนว่า ความจริงไม่มีมุสลิมคนใดในโลกต่อต้านการเศาะะวาตนบี หรอก เพราะการเศาะละวาตนบี เป็นสิ่งที่ศาสนาสอนให้อ่าน ในละหมาด 5 เวลา ,ละหมาดสุนัต และละหมาดญะนาซะฮ เพราะมันเป็นบทบัญญัติที่มีมาในอัสสนนะฮ ดังหลักฐานทีนบี ศอ็ลฯสอนถ้อยคำเศาะละวาตในละหมาด ว่า

«اللَّهُـمَّ صَلِّ عَلَى مُـحَـمَّدٍ، وَعَلَى آلِ مُـحَـمَّدٍ، كَمَا صَلَّيْتَ عَلَى إبْرَاهِيمَ، وَعَلَى آلِ إبْرَاهِيمَ، إنَّكَ حَـمِيدٌ مَـجِيدٌ، اللَّهُـمَّ بَارِكْ عَلَى مُـحَـمَّدٍ، وَعَلَى آلِ مُـحَـمَّدٍ، كَمَا بَارَكْتَ عَلَى إبْرَاهِيمَ، وَعَلَى آلِ إبْرَاهِيمَ، إنَّكَ حَـمِيدٌ مَـجِيدٌ»

ความหมาย “โอ้ พระผู้อภิบาลแห่งเรา ขอทรงประทานความจำเริญแด่มุหัมมัดและครอบครัวของมุหัมมัด เช่นที่พระองค์ประทานความจำเริญแด่อิบรอฮีมและครอบครัวของอิบรอฮีม แท้จริงพระองค์นั้นทรงยิ่งด้วยการสรรเสริญและบารมีอันสูงส่ง โอ้ พระผู้อภิบาลแห่งเรา ขอทรงประทานความประเสริฐแด่มุหัมมัดและครอบครัวของมุหัมมัด เช่นที่พระองค์ประทานความประเสริฐแด่อิบรอฮีมและครอบครัวของอิบรอฮีม แท้จริงพระองค์นั้นทรงยิ่งด้วยการสรรเสริญและบารมีอันสูงส่ง” (มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัล-บุคอรีย์เลขที่ : 3370 สำนวนนี้เป็นของอัลบุคอรียฺและมุสลิม เลขที่ : 406)
ข้างเป็นสิ่งที่นบีสอนไว้ให้กล่าวในละหมาด แล้วการกล่าวเศาะละวาตในพิธีกรรมเมาลิด ท่านนบี ศอ็ลฯ สอนไว้หรือเปล่า ไม่มีเลย แล้วจะมากล่าวหาคนที่ไม่ทำเมาลิดว่า ไม่รักนบี และต่อต้านเศาละวาตนบีได้อย่างไร
ท่านมุหัมหมัด อับดุสสลาม เคาะฎีร อัชชะกีรีย์ กล่าวว่า
فاتخاذ مولده موسماً والاحتفال به بدعة منكرة، وضلالة لم يرد بها شرع ولا عقل، ولو كان في هذا خير كيف يغفل عنه أبو بكر وعمر وعثمان وعلي وسائر الصحابة والتابعون وتابعوهم والأئمة وأتباعهم
การถือเอาวันเกิดของท่านนบี เป็นเทศกาลชุมนุมและการเฉลิมฉลอง ด้วยมันนั้น เป็นบิดอะฮ ที่เลว เป็นการหลงผิด ไม่ปรากฏบทบัญัติด้วยมัน และ ไม่กินกับปัญญา และถ้าปรากฏว่าในสิ่งนี้ มีความดีงาม ทำไมอบูบักร์,อุมัร,อุษมาน ,อาลี ,เหล่าสาวกคนอื่นๆ,เหล่า ตาบิอีน ,บรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขา ,บรรดาอิหม่ามและบรรดาผู้ที่ตามพวกเขา ได้ละเลย จากมัน – อัสสุนัน วัล มุบตะดะอาต หน้า 138 
.....
ถ้าดีจริงทำไมเคาะลิฟะฮทั้งสี่ ไม่ทำ เขาไม่รักนบีหรือ เขาต่อต้านเศาะละวาตหรือ

สัยยิดอาลี อัลฟักรีย์ กล่าวว่า
لم يكن في سنة العرب أن يحتفلوا بتاريخ ميلاد لأحد منهم، ولم تجر بذلك سنة المسلمين فيما سلف، والثابت في كتب التاريخ وغيرها أن عادة الاحتفال بمولد النبي صلى الله عليه وسلم من العادات المحدثة
“ในสุนนะฮ(แบบอย่าง)ของชาวอาหรับ ไม่ปรากฏว่า พวกเขาเฉลิมฉลองวันเกิดคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา และด้วยการกระทำดังกล่าวนั้น ไม่ได้ถูกนำไปเป็นสุนนะฮของบรรดามุสลิม ในยุคสะลัฟ และที่ปรากฏยืนยันในบรรดาตำราประวัติศาสตร์และอื่นจากนั้น แท้จริง ประเพณีเฉลิมฉลองวันเกิดนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากประเพณีที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ – อัลมุหาเฎาะรอตอัลฟิกรียะฮ หน้า 128
>>>>
บรรดาชนยุคสะลัฟ เช่น เคาะลิฟะฮทั้ง 4 และคนอื่นๆในยุคสะลัฟ พวกเขาไม่เฉลิมฉลองวันเกิดนบี พวกเขาไม่รักนบีหรือ และพวกเขาต่อต้านการเศาะละวาตนบีอย่างนั้นหรื

บางคนอ้างอายะฮตอไปนี้ เป้นหลักฐานทำเมาลิด คือ
อัลเลาะฮ์ตะอาลาเจ้า ทรงตรัสความว่า
إِنَّ اللَّهَ وَمَلَائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيماً
"แท้จริงอัลเลาะฮ์และมะลาอิกะฮ์ของพระองค์ ทำการซอลาวาตแก่ท่านนบี โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงซอลาวาตแก่เขาและจงประสาทสันติแก่เขาอย่างแท้จริงเถิด" อัลอะห์ซาบ : 56
........
มีชนยุคสะลัฟท่านใดหรือเอาหลักฐานข้างต้นมาสนับสนุนการทำพิธีเมาลิดด้วยการอ่านเศาะละวาตนบี ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว

حَدَّثَنَا ابْنُ حُمَيْدٍ قَالَ : ثَنَا هَارُونُ ، عَنْ عَنْبَسَةَ ، عَنْ عُثْمَانَ بْنِ مَوْهِبٍ ، عَنْ مُوسَى بْنِ طَلْحَةَ ، عَنْ أَبِيهِ قَالَ : أَتَى رَجُلٌ النَّبِيَّ - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - ، فَقَالَ : سَمِعْتُ اللَّهَ يَقُولُ ( إِنَّ اللَّهَ وَمَلَائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ ) الْآيَةَ ، فَكَيْفَ الصَّلَاةُ عَلَيْكَ؟ فَقَالَ : " قُلْ : اللَّهُمَّ صَلِّ عَلَى مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِ مُحَمَّدٍ ، كَمَا صَلَّيْتَ عَلَى إِبْرَاهِيمَ إِنَّكَ حَمِيدٌ مَجِيدٌ ، وَبَارِكْ عَلَى مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِ مُحَمَّدٍ ، كَمَا بَارَكْتَ عَلَى إِبْرَاهِيمَ إِنَّكَ حَمِيدٌ مَجِيدٌ 
คำแปลตัวบท
มูซา บิน ฏอ็ลหะฮ รายงานนจากบิดาของเขาว่า "มีชายคนหนึ่งไปหาท่านนบี ศอ็ลฯ แล้วกล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้ยินอัลลอฮตรัสว่า(แท้จริงอัลเลาะฮ์และมะลาอิกะฮ์ของพระองค์ ทำการซอลาวาตแก่ท่านนบี )จนจบอายะฮ (เขาจึงถามนบี)ว่า จะเศาะละวาตให้แก่ท่านอย่างไร? แล้วท่านนบีตอบว่า "จงกล่าวว่า

لَّهُمَّ صَلِّ عَلَى مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِ مُحَمَّدٍ ، كَمَا صَلَّيْتَ عَلَى إِبْرَاهِيمَ إِنَّكَ حَمِيدٌ مَجِيدٌ ، وَبَارِكْ عَلَى مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِ مُحَمَّدٍ ، كَمَا بَارَكْتَ عَلَى إِبْرَاهِيمَ إِنَّكَ حَمِيدٌ مَجِيد
" อัลลอฮุมมะ ศ็อลลิอะลา มุหัมมัด วะอะลาอาลิ มุหัมมัด, กะมาศ็อลลัยตะ อะลาอิบรอฮีมะ วะอะลา อาลิอิบรอฮีม อินนะกะ หะมีดุมมะญีด, อัลลอฮุมมะบาริกอะลา มุหัมมัด วะอะลาอาลิ มุหัมมัด, กะมาบาร็อกตะ อะลาอิบรอฮีม วะอะลาอาลิอิบรอฮีม อินนะกะ หะมีดดุม มะญีด
- ดูตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย 20/320

ถ้อยคำเศาะละวาตข้างต้น สอนให้อ่านในละหมาด ซึ่งมุสลิมทุกท่านที่ไม่ทำพิธีเมาลิดนบี เขาอ่านกันอยู่แล้วในละหมาด แต่ที่เขาไม่นำมาอ่านในพิธีกรรมเมาลิดนบี เพราะไม่มีคำสั่งจากศาสนาบัญญัติ แล้วกล่าวหาคนไม่ทำเมาลิตว่า "ต่อต้านเศาละวาตบีได้อย่างไร
والله اعلم بالصواب
อะสัน หมัดะดั้ม
28/12/58

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สุนนะฮตัรกียะฮ






สุนนะฮตัรกียะฮ
คำว่า "สุนนะฮฮตัรกียะฮ"หมายถึง สิ่งที่ท่านนบี ศอ็ลฯ ไม่ได้ปฏิบัติและการไม่ปฏิบัตินั้น ไม่มีอุปสรรค์ใดมาขัดขวาง ดังนั้นการละทิงของท่านนบี ศอ็ลฯ คือ สุนนะฮ
อิบนุกะษีร (ร.ฮ) กลล่าวว่า
وَأَمَّا أَهْلُ السُّنَّةِ وَالْجَمَاعَةِ فَيَقُولُونَ فِي كُلِّ فِعْلٍ وَقَوْلٍ لَمْ يَثْبُتْ عَنِ الصَّحَابَةِ : هُوَ بِدْعَةٌ ; لِأَنَّهُ لَوْ كَانَ خَيْرًا لَسَبَقُونَا إِلَيْهِ ؛ لِأَنَّهُمْ لَمْ يَتْرُكُوا خَصْلَةً مِنْ خِصَالِ الْخَيْرِ إِلَّا وَقَدْ بَادَرُوا إِلَيْهَا .
ความว่า "และสำหรับอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮนั้น พวกเขากล่าวในทุกการกระทำ และทุกคำพูดที่ไม่มีรายงานยืนยันว่ามาจากบรรดาเศาะฮาบะฮนั้น คือ บิดอะฮ เพราะถ้าหากมันเป็นสิ่งที่ดีงาม พวกเขาก็จะปฏิบัติมาก่อนพวกเราแล้ว เพราะแท้จริง พวกเขาจะไม่ละทิ้งประการหน่ึ่งประการใดจากบรรดาสิ่งที่ดีงาม นอกจากพวกเขาจะรีบเร่งไปสู่การกิบัติมัน - ตัฟสีรอิบนุกะษีร 7/278-279
กล่าวคือ อะฮลุสสุนนะอวัลญะมาอะฮนั้นพวกเขาถือว่า สิ่งที่ไม่ปรากฏหลักฐานยืนยัน ว่าบรรดาเศาะหาบะฮปฏิบัตนั้น มันคือบิดอะฮ เพราะถ้าเป็นสิ่งที่ดี พวกเขาก็ได้ปฏิบัติมาก่อนพวกเราแล้ว
อบูอัลมุซฟัรอัสสัมอานีย์กล่าวว่า
إذا ترك النبي صلى الله عليه وسلم شيئا من الأشياء وجب علينا متابعته فيه 
เมื่อนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จากบรรดาสิ่งต่างๆ ก็จำเป็นแก่เรา จะต้องเจริญรอยตามท่านนบีในสิ่งนั้น – เกาะวาเฏียะอัลอะดิลละฮ เล่ม 1 หน้า 311 
........... 
สิ่งใดท่านนบีไม่ปฏิบัติ เราก็ไม่ปฏิบัติ แบบนี้เขาเรียกปฏิบัติตามสุนนะฮตัรกียะฮ

อิหม่ามอัรซัรกะชีย์กล่าว่า
الْمُتَابَعَةَ كما تَكُونُ في الْأَفْعَالِ تَكُونُ في التُّرُوكِ
การปฏิบัติตามในการละทิ้ง(หมายถึง ในสิ่งที่นบีทิ้ง-ผู้แปล) เช่นเดียวกับการปฏิบัติตามในการกระทำ(หมายถึงในสิ่งที่นบี ศอลฯปฏิบัติ) – ดู อัลบะหรุลมะฮีฏ เล่ม 4 หน้า 191 
....... 
เพราะฉะนั้น เราจะปฏิบัติอิบาดะฮในเรื่องศาสนา เราต้องดู ที่ท่านนบี เพราะนบีคือผู้ที่รู้ว่า อัลลอฮชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และเป็นไปไม่ได้ที่ท่านนบีจะทิ้งในสิ่งที่อัลลอฮชอบ ถ้าท่านนบี ไม่ปฏิบัติ หรือไม่กล่าวส่งเสริม ก็เท่ากับว่า อัลลอฮไม่ชอบ ดังนั้น เราในฐานะอุมมะฮนบี เราก็จะต้องละทิ้งด้วย ถ้าเราดันทุรังที่จะทำ ก็เท่ากับปฏิบัติในสิ่งที่ศาสนาไม่อนุมัติ 
ส่วนวาทกรรมที่ว่า "นบีไม่ทำก็ไม่ได้หมายถึงการห้าม" เป็นวาทะกรรมที่มาจากการคิดเห็นตามอารมณ์ เพราะหลักการในเรื่องอิบาดะฮนั้น อิบนุหะญัร ซึ่งเป็นอุลามาอฺในมัซฮับชาฟิอีเองกล่าวถึงหลักการนี้ว่า

اَلْأَصْلَ فِي اَلْعِبَادَةِ اَلتَّوَقُّف
หลักเดิมในเรื่องอิบาดะฮนั้น คือ การหยุดอยู่ที่คำสั่ง -ฟัตหุ้ลบารีย์ เล่ม 4 หน้า 174
เรื่อง อิบาดะฮในอิสลาม ต้องมีตัวบทที่เป็นคำสั่งจากอักุรอ่านและอัสสุนนะฮ
الأعمال الدينية لا يجوز أن يتخذ شيء منها سببا إلا أن تكون مشروعة فإن العبادات مبناها على التوقيف
บรรดาการงานที่เกี่ยวกับศาสนานั้น ไม่อนุญาตให้สิ่งใดๆจากมันถูกเอามาเป็น มูลเหตุ(ให้กระทำ)นอกจาก มันเป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้ เพราะแท้จริงบรรดาอิบาดะฮนั้นรากฐานของมันถูกวางอยู่บนการรอคำสั่ง - อัลอาดาบอัชชัรอียะฮ ของอิบนุมุฟลิห เล่ม 2หน้า 265
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รักนบีต้องปฏิบัติตามสุนนะฮ ไม่ใช่อุตริบิดอะฮ




รักนบีต้องปฏิบัติตามสุนนะฮ ไม่ใช่อุตริบิดอะฮ

การแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่ออัลลอฮ นั้น พระองค์สอนให้ปฏิบัติตามท่านรอซูล สอ็ลฯ ดังอายะฮที่ว่า

قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللّهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกเขาหากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ”-อาลิอิมรอน/31

ท่านอิบนุกะษีร อธิบายว่า


هَذِهِ الْآيَةُ الْكَرِيمَةُ حَاكِمَةٌ عَلَى كُلِّ مَنِ ادَّعَى مَحَبَّةَ اللَّهِ ، وَلَيْسَ هُوَ عَلَى الطَّرِيقَةِ الْمُحَمَّدِيَّةِ فَإِنَّهُ كَاذِبٌ فِي دَعْوَاهُ فِي نَفْسِ الْأَمْرِ ، حَتَّى يَتَّبِعَ الشَّرْعَ الْمُحَمَّدِيَّ وَالدِّينَ النَّبَوِيَّ فِي جَمِيعِ أَقْوَالِهِ وَأَحْوَالِهِ ، كَمَا ثَبَتَ فِي الصَّحِيحِ عَنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنَّهُ قَالَ : " مَنْ عَمِلَ عَمَلًا لَيْسَ عَلَيْهِ أَمْرُنَا فَهُوَ رَدٌّ

อายะฮอันทรงเกียรตินี้ คือ ผู้ตัดสิน (เอาผิด)บน ทุกๆคน ที่อ้างว่ารักอัลลอฮ โดยที่เขาไม่ได้อยู่บนแนวทางของมุหัมหมัด ,ในความเป็นจริง เขาคือ ผู้กล่าวเท็จในการอ้างของเขา จนกว่า เขาจะเจริญรอยตามบัญญัติแห่งมุหัมหมัด และศาสนาแห่งนบี ในบรรดาคำพูดและการกระทำของเขาทั้งหมด ดังหะดิษที่ยืนยันไว้ในอัศเศาะเฮียะ จากท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ผู้ใดประกอบการงาน(อะมั้ลอิบาดะฉ)ใด ที่ไม่ใช่กิจการของเราบนมัน มันถูกปฏิเสธ”
- ดู ตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม 2 หน้า 33
และท่านอิบนุกะษีร ได้กล่าวอีกว่า

وَقَالَ الْحَسَنُ الْبَصْرِيُّ وَغَيْرُهُ مِنَ السَّلَفِ : زَعَمَ قَوْمٌ أَنَّهُمْ يُحِبُّونَ اللَّهَ فَابْتَلَاهُمُ اللَّهُ بِهَذِهِ الْآيَةِ ، فَقَالَ : ( قُلْ إِنْ كُنْتُمْ تُحِبُّونَ اللَّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللَّهُ ) .
และ อัลหะซัน อัลบัศรีย์ และคนอื่นจากเขา จากชาวสะลัฟ กล่าวว่า " คนพวกหนึ่ง อ้างว่า พวกเขารักอัลลอฮ แล้วอัลลอฮได้ทรงทดสอบพวกเขาด้วยอายะฮนี้คือ (จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกเขาหากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน) -ดู ตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม 2 หน้า 33
คนที่อ้างว่ารักอัลลอฮ แต่ไม่ตามแนวทางหรือแบบอย่างนบี เขาคือ ผู้อ้างเท็จ ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่อ้างว่ารักนบี แต่ไม่ตามสุนนะฮนบี แต่ไปตามสิ่งที่เป็นบิดอะฮ ก็เท่ากับเขาอ้างเท็จเช่นกัน

รักนบี ต้องปฏิบัติในสิ่งที่นบีรัก ไม่ใช่ปฏิบัติและปกป้องบิดอะฮ สิ่งซึ่งนบีห้าม
والله أعلم بالصواب