วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2564

ใหนบอกว่าตามสะลัฟมิใช่หรือ

 

ใหนบอก

ว่าให้ตามสะลัฟมิใช่หรือ?
القاعدة الرابعة: كل عبادة من العبادات ، ترك فعلَها السلف الصالح من الصحابة والتابعين وتابعيهم ، أو نقلَها ، أو تدوينها في كتبهم ، أو التعرض لها في مجالسهم : فإنها تكون بدعة ؛ بشرط أن يكون المقتضي لفعل هذه العبادة قائمًا ، والمانع منه منتفيًا" انتهى من "قواعد معرفة البدع" ص79.
กฏเกณฑ์ข้อที่สี่ :
ทุกๆอิบาดะฮจากบรรดาอิบาดะฮ ที่สะลัฟผู้ทรงธรรม จากบรรดาเศาะหาบะฮ ,บรรดาตาบิอีน และบรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขา ไม่ได้ปฏิบัติมัน หรือไม่ได้รายงานมัน หรือ ไม่ได้จดมันไว้ในบรรดาตำราของพวกเขา หรือไม่ได้นำเสนอในที่ประชุมของพวกเขา แท้จริงมัน(อิบาดะฮนั้น)คือ บิดอะฮ โดยมีเงื่อนไขว่า ความต้องการที่จะทำอิบาดะฮนี้มีอยู่(ในยุคนั้น) และอุปสรรค์ขัดขวางจากมันไม่มี - เกาะวาอิดมะริฟะฮติลบิดอิ หน้า 79 ของ ดร.มุหัมหมัด บิน อัลหุสัยนฺอัลญิซานีย์
انظر الترغيب عن صلاة الرغائب الموضوعة 9) ، والباعث 47)
สรุป
1.ทุกๆอิบาดะฮที่ไม่ปรากฏว่า สะลัฟผู้ทรงธรรม จากบรรดาเศาะหาบะฮ ,บรรดาตาบิอีน ไม่ได้ปฏิบัติมัน หรือไม่ได้รายงานมัน หรือ ไม่ได้จดมันไว้ในบรรดาตำราของพวกเขา หรือไม่ได้นำเสนอในที่ประชุมของพวกเขา แท้จริงมัน(อิบาดะฮนั้น)คือ บิดอะฮ
2. และที่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติอิบาดะฮดังกล่าว ทั้งๆที่มีความต้องการ และไม่มีอุปสรรคใดมาขัดข้าง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าพวกเขาได้ปฏิบัติ แสดงว่าสิ่งนั้นคือบิดอะฮ
ในยุคสะลัฟ มีการเกิดโรคระบาด ประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก ไม่ปรากฏว่าพวกเขาจัดละหมาดเว้นระยะห่างในแถวละหมาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จึถามพวกอาจารย์ที่อ้างว่าตามสะลัฟ แต่สนับสนุนการละหมาดระยะห่างในแถวแบบสุดลิ่ม ใครค้านไม่ได้ ยัดข้อหาไม่เอาปราชญ์ และอ้างว่าได้ผ่านอาจารย์ที่เป็นชัยค์อาหรับมาหลายท่าน และดูถูกคนค้านยืนห่างว่าไม่เข้าใจอุศูล ว่า
ท่านตามสะลัฟจริงหรือ? คิดกันนะ ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย วันกิยามะฮรออยู่
อะสัน หมัดอะดั้ม
20/1/64

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2564

วาทกรรมกล่าวหาว่าพวกไม่เอาอุลามาอฺ !!!!

 

 

 


พวกไม่เอาอุลามาอฺ !!!!
วาทกรรกมข้างต้น รู้สึกสมเพทมากๆ เรียนศาสนามาสูง ยังเอาวาทกรรมอะฮลุลบิดอะฮมาใช้เป็นอาวุธยิงใส่คนที่เห็นต่างกับตนว่าไม่เอาอุลามาอฺ พวกไม่เอาอุลามาอฺพูดไม่รู้เรื่อง....
แปลกนะ ระดับอุลามาอฺยุคสะลัฟ เขาสอนให้ตามอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ไม่ให้ยึดสิ่งที่ไม่ตรงกับหลักฐาน เพราะฉะนั้น โปรดอ่านต่อไปนี้จะได้ออกจากกะลา
1.อิหม่ามอบูหะนีฟะฮ (ฮ.ศ 80-150) กล่าวว่า
لا يحل لأحد أن يأخذ بقولنا ما لم يعلم من أين أخذناه".
ไม่อนุญาตให้คนใดเอาคำพูดของเรา ตราบใดที่เขาไม่รู้ว่า เราเอามันมาจากใหน - หาชียะฮ อิบนิอาบีดีน 6/293
และท่านได้กล่าวอีกเช่นกันว่า
إذا قلت قولا يخالف كتاب الله تعالى وخبر الرسول صلى الله عليه وسلم فاتركوا قولي
เมื่อข้าพเจ้าพูดคำหนึ่งคำใด ขัดแย้งกับคัมภีร์ของอัลลอฮ ตาอาลา และคำบอกเล่าของรอซูล ศ็อลฯ พวกท่านจงละทิ้งคำพูดของข้าพเจ้าเสีย - อัลอีกอซ -อัลฟุลลานีย์ หน้า 50
2.อิหม่ามมาลิก (ฮ.ศ 93-179 )กล่าวว่า
إنما أنا بشر أخطئ وأصيب، فانظروا في رأيي فكل ما وافق الكتاب والسنة فخذوا به، وكل مالم يوافق الكتاب والسنة فاتركوه
แท้จริง ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง ข้าพเจ้ามีผิดพลาด และข้าพเจ้ามีถูก ดังนั้นพวกท่านจงพิจารณา ในความเห็นของข้าพเจ้า แล้วทุกสิ่งที่สอดคล้องกับ อัล-กิตาบ(อัลกุรอ่าน)และอัสสุนนะฮ ก็จงเอามัน และทุกสิ่งที่ ไม่สอดคล้องกับอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ ก็จงทิ้งมันเสีย
ملخص إبطال القياس: ص 66 - 67. مجموع فتاوى ابن تيمية: 20 / 211. مختصر المؤمل: ص 61
3.อิหม่ามชาฟิอีย์(ฮ.ศ 105-204 )กล่าวว่า
إِذَا وَجَدْتُمْ فِي كِتَابِي خِلافَ سُنَّةِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقُولُوا بِسُنَّةِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَدَعُوا مَا قُلْتُ
ความว่า "เมื่อพวกท่านพบในตำราของฉันแตกต่างกับสุนนะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ดังนั้นพวกท่านจงปฏิบัติตาม สุนนะฮฺของรสูลุลลอฮฺเถิด และจงทิ้งสิ่งที่ฉันพูด
- มะริฟะฮ สุนันวัลอะษาร ของ อัลบัยหะกีย หะดิษ หมายเลข ๑๐๙
ท่านอิหม่ามชาฟิอี กล่าวอีกว่า
كل مسألة صح فيها الخبر عن رسول الله صلى الله عليه وسلم عند أهل النقل بخلاف ما قلت فأنا راجع عنها في حياتي وبعد موتي
ทุกประเด็นปัญหา ที่มีคำบอกเล่าที่ถูกต้อง(เศาะเฮียะ)ในมัน จากท่านนบี ตามทัศนะของนักรายงานหะดิษ ขัดแย้งกับสิ่งที่ข้าพเจ้าพูด ดังนั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้ยกเลิกมัน ในยามที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่และหลังจากข้าพเจ้าเสียชีวิตไปแล้ว – อบูนะอีม ในอัลหุลลียะฮ เล่ม 9 หน้า 107
4. อหม่ามอะหมัด (ฮ.ศ 164-241)
لا تُقَلِّدْنِي وَلا تُقَلِّدْ مالكًا وَلا الشَّافِعِي وَلا اْلأَوْزَاعِي ولا الثَّوْرِي وَخُذْ مِنْ حَيْثُ أَخَذُوْا
.
"อย่าตามฉันหรือตามอิหม่ามมาลิก ชาฟิอี เอาซาอี และเซารี แต่จงเอาจากสิ่งที่พวกเขาเอามา"-เอียะลามอัลมุวักกิอีน 2/302
และทั้งหมดดูรายละเอียดได้ในหนัง สือ มะนากิบอัลอะอิมมะฮอัลอัรบะอะฮ ของ อบูอับดุลลอฮ มุหัมหมัด บิน อะหมัด บิน อับดุลฮาดีย์อัลมุกอ็ดดิสีย์ อัลหัมบะลีย์ 1/6 (สำเนาที่แนบมา)
..................
ปราชญ์ยุคสะลัฟ เขาให้ยึดคำพูดของปราชญ์ที่มีหลักฐาน คือที่ตรงกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮให้ละทิ้งในสิ่งที่ขัดแย้งกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ แต่ครูอาจารย์บางจำพวกยังอยู่ในกะลากรอบ เที่ยวกล่าวหาคนนั้นคนนี้ ไม่เอาอุลามาอฺ เรียนสูงมาแต่สมองต่ำ ไร้ราคาจริงๆ
ขอสรุปด้วยคำพูดของอิบนุลก็อยยิม คือ
อิบนุกอ็ยยิม (ร.ฮ) กล่าวว่า
وقد نهى الأئمة الأربعة عن تقليدهم , وذموا من أخذ أقوالهم بغير حجة ; فقال الشافعي : مثل الذي يطلب العلم بلا حجة كمثل حاطب ليل , يحمل حزمة حطب وفيه أفعى تلدغه وهو لا يدري , ذكره البيهقي
และความจริง อิหม่ามทั้งสี่ ได้ห้ามตักลีด(เชื่อตาม)พวกเขา และพวกเขาตำหนิผู้ที่ยึดเอาคำพูดของพวกเขาโดยปราศจากหลักฐาน แล้วท่านอิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า" อุปมาผู้ที่ศึกษาหาความรู้ โดยไม่มีหลักฐาน อุปมัยดังเช่น คนหาไม้ฟืนยามค่ำคืน ,เขาแบกมัดของไม้ฟืน และในนั้นมีงูจะกัดเขาอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ ,อัลบัยฮะกีย์ได้ระบุเอาไว้
- อะอฺลามุลมุวักกิอีน เล่ม 1 หน้า 139
..............
ออกจากกะลากรอบได้แล้ว พวกจบนอกสายยืนห่าง อวดรู้ทั้งหลาย ที่กล่าวหาคนไม่ตักลิดฟัตวาชัยค์ซาอุวา "พวกไม่เอาอุลามาอ"
อะสัน หมัดอะดั้ม
7/1/64