القاعدة الرابعة: كل عبادة من العبادات ، ترك فعلَها السلف الصالح من الصحابة والتابعين وتابعيهم ، أو نقلَها ، أو تدوينها في كتبهم ، أو التعرض لها في مجالسهم : فإنها تكون بدعة ؛ بشرط أن يكون المقتضي لفعل هذه العبادة قائمًا ، والمانع منه منتفيًا" انتهى من "قواعد معرفة البدع" ص79.
กฏเกณฑ์ข้อที่สี่ :
ทุกๆอิบาดะฮจากบรรดาอิบาดะฮ ที่สะลัฟผู้ทรงธรรม จากบรรดาเศาะหาบะฮ ,บรรดาตาบิอีน และบรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขา ไม่ได้ปฏิบัติมัน หรือไม่ได้รายงานมัน หรือ ไม่ได้จดมันไว้ในบรรดาตำราของพวกเขา หรือไม่ได้นำเสนอในที่ประชุมของพวกเขา แท้จริงมัน(อิบาดะฮนั้น)คือ บิดอะฮ โดยมีเงื่อนไขว่า ความต้องการที่จะทำอิบาดะฮนี้มีอยู่(ในยุคนั้น) และอุปสรรค์ขัดขวางจากมันไม่มี - เกาะวาอิดมะริฟะฮติลบิดอิ หน้า 79 ของ ดร.มุหัมหมัด บิน อัลหุสัยนฺอัลญิซานีย์
انظر الترغيب عن صلاة الرغائب الموضوعة 9) ، والباعث 47)
สรุป
1.ทุกๆอิบาดะฮที่ไม่ปรากฏว่า สะลัฟผู้ทรงธรรม จากบรรดาเศาะหาบะฮ ,บรรดาตาบิอีน ไม่ได้ปฏิบัติมัน หรือไม่ได้รายงานมัน หรือ ไม่ได้จดมันไว้ในบรรดาตำราของพวกเขา หรือไม่ได้นำเสนอในที่ประชุมของพวกเขา แท้จริงมัน(อิบาดะฮนั้น)คือ บิดอะฮ
2. และที่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติอิบาดะฮดังกล่าว ทั้งๆที่มีความต้องการ และไม่มีอุปสรรคใดมาขัดข้าง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าพวกเขาได้ปฏิบัติ แสดงว่าสิ่งนั้นคือบิดอะฮ
ในยุคสะลัฟ มีการเกิดโรคระบาด ประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก ไม่ปรากฏว่าพวกเขาจัดละหมาดเว้นระยะห่างในแถวละหมาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จึถามพวกอาจารย์ที่อ้างว่าตามสะลัฟ แต่สนับสนุนการละหมาดระยะห่างในแถวแบบสุดลิ่ม ใครค้านไม่ได้ ยัดข้อหาไม่เอาปราชญ์ และอ้างว่าได้ผ่านอาจารย์ที่เป็นชัยค์อาหรับมาหลายท่าน และดูถูกคนค้านยืนห่างว่าไม่เข้าใจอุศูล ว่า
ท่านตามสะลัฟจริงหรือ? คิดกันนะ ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย วันกิยามะฮรออยู่
อะสัน หมัดอะดั้ม
20/1/64
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น