กลุ่มวะฮบีย์ในปัจจุบันนำเร ื่องสิฟาตมุตาชาบิฮาตมาพูดก ับสามัญชนจนเกิดฟิตนะฮจริงห รือ
แต่ในหนังสือ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระห ว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺ ฮาบียะฮ์ หน้า 39
อาจารย์ผู้เขียน กล่าวถึงกลุ่มที่เขาเรียกวะ ฮบีย์ว่า
“ปัจจุบันนี้มีการนำเรื่องส ิฟัตมุตาชาบิฮาตมาพูดกับสาม ัญชนทั่วไปจากกลุ่มวะฮบียะฮ ไม่ว่าจะตามสถาบันหรือสื่อต ่างๆจนเกิดฟิตนะฮ ขึ้นในหัวใจของสามัญชนทั่วไ ปและอ้างว่าเป็นแนวทางอะฮลิ สซุนนะฮวัลญะมาอะฮที่สะละฟุศศ อลิยึดอยู่.......” โดย อาจารย์ได้อ้างหลักฐานต่อไปนี้ว่า
ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้กล่าวรา ยงานถึงท่าน ซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์ ว่า
مَا وَصَفَ اللهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى بِنَفْسِهِ فِىْ كِتَابِهِ فَقِرَاءَتُهُ تَفْسِيْرُهُ ، لَيْسَ لِأَحَدٍ أَنْ يُفَسِّرَهُ بِالْعَرَبِيَّةِ وَلاَ بِالْفَارِسِيَّةِ
“สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงพรรณาด ้วยกับพระองค์เองในคำภีร์ขอ งพระองค์นั้น การอ่าน(ผ่าน)มันก็คือการอธ ิบายมันแล้ว โดยที่ไม่อนุญาติให้คนใดคนห นึ่ง ทำการอธิบายมันด้วยภาษาอาหร ับหรือภาษาเปอร์เซีย” ดู อัลอัศมาอ์ วะ อัสศิฟาต หน้า 298
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ขอชี้แจงว่า
คำพูดของอิบนุอุยัยนะฮไม่ใช ่ห้ามแปลความหมายทางภาษา เกี่ยวกับสิฟาตอัลลอฮ แต่หมายถึงการอธิบายรูปแบบส ิฟาต ว่าเป็นอย่างไร มาดูหลักฐานต่อไปนี้
ซูฟยาน บิน อุยัยนะฮ(ฮ.ศ 198) กล่าวว่า
كُلُّ شَيْءٍ وَصَفَ اللَّهُ بِهِ نَفْسَهُ فِي الْقُرْآنِ ، فَقِرَاءَتُهُ تَفْسِيرُهُ ، لا كَيْفَ وَلا مِثْلَ
ทุกสิ่งที่อัลอฮ พรรณนาคุณลักษณะแก่ตัวของพร ะองค์ด้วยมัน การอ่านมัน คือ การอธิบายมัน ไม่มีการถามว่าเป็นอย่างไร และไม่มีการยกตัวอย่างเปรีย บเทียบ
كتاب الصفات للدارقطني (ص70)؛ شرح أصول اعتقاد أهل السنة والجماعة للالكائي (ج3 ص431)
อัลอัศบะฮานีย์ (ฮ.ศ 538) อธิบายคำพูดอิบนุอุยัยนะฮว่ า
فقراءته تفسيره" أي هو على ظاهره لا يجوز صرفه إلى المجاز بنوع من التأويل
การอ่านของมัน คือการตัฟสีรมัน หมายถึง มันอยู่บนความหมายที่ปรากฏข องมัน ไม่อนุญาตให้ผันมันไปสู่ควา มหมายเชิงอุปมา (มะญาซ) ด้วยชนิดใดๆ จากการตีความ
العلو للعلي الغفار للذهبي (ص263)؛ وكتاب العرش له (ج2 ص359-360
มาดูอิหม่ามอัซซะฮะบีย์อาธิ บายครับ
وكما قال سفيان وغيره "قراءتها تفسيرها"، يعني أنها بينة واضحة في اللغة، لا يبتغى بها مضائق التأويل والتحريف. وهذا هو مذهب السلف مع إتفاقهم أيضا أنها لا تُشْبِه صفات البشر بوجه إذ الباري لا مثل له لا في ذاته ولا في صفاته
แต่ในหนังสือ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระห
อาจารย์ผู้เขียน กล่าวถึงกลุ่มที่เขาเรียกวะ
“ปัจจุบันนี้มีการนำเรื่องส
ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้กล่าวรา
مَا وَصَفَ اللهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى بِنَفْسِهِ فِىْ كِتَابِهِ فَقِرَاءَتُهُ تَفْسِيْرُهُ ، لَيْسَ لِأَحَدٍ أَنْ يُفَسِّرَهُ بِالْعَرَبِيَّةِ وَلاَ بِالْفَارِسِيَّةِ
“สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงพรรณาด
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ขอชี้แจงว่า
คำพูดของอิบนุอุยัยนะฮไม่ใช
ซูฟยาน บิน อุยัยนะฮ(ฮ.ศ 198) กล่าวว่า
كُلُّ شَيْءٍ وَصَفَ اللَّهُ بِهِ نَفْسَهُ فِي الْقُرْآنِ ، فَقِرَاءَتُهُ تَفْسِيرُهُ ، لا كَيْفَ وَلا مِثْلَ
ทุกสิ่งที่อัลอฮ พรรณนาคุณลักษณะแก่ตัวของพร
كتاب الصفات للدارقطني (ص70)؛ شرح أصول اعتقاد أهل السنة والجماعة للالكائي (ج3 ص431)
อัลอัศบะฮานีย์ (ฮ.ศ 538) อธิบายคำพูดอิบนุอุยัยนะฮว่
فقراءته تفسيره" أي هو على ظاهره لا يجوز صرفه إلى المجاز بنوع من التأويل
การอ่านของมัน คือการตัฟสีรมัน หมายถึง มันอยู่บนความหมายที่ปรากฏข
العلو للعلي الغفار للذهبي (ص263)؛ وكتاب العرش له (ج2 ص359-360
มาดูอิหม่ามอัซซะฮะบีย์อาธิ
وكما قال سفيان وغيره "قراءتها تفسيرها"، يعني أنها بينة واضحة في اللغة، لا يبتغى بها مضائق التأويل والتحريف. وهذا هو مذهب السلف مع إتفاقهم أيضا أنها لا تُشْبِه صفات البشر بوجه إذ الباري لا مثل له لا في ذاته ولا في صفاته
และดังที่ ซูฟยานและอื่นจากเขา กล่าวว่า “การอ่านมัน คือ การตัฟสีรมัน หมายถึง แท้จริงมันมีความหมายชัดเจน
ยกตัวอย่าง หะดิษนูซูล (หะดิษที่กล่าวถึงทรงเสด็จล
هذا الحديث وما أشبهه من الأحاديث في الصفات كان مذهب السلف فيها الإيمان بها، وإجراءها على ظاهرها ونفي الكيفية عنها.
หะดิษนี้ และ สิ่งที่คล้ายคลึงกับมัน จากบรรดาหะดิษสิฟาต ปรากฏว่า มัซฮับสะลัฟ ในมัน(ในบรรดาหะดิษสิฟาต) คือ การศรัทธาด้วยมัน และปล่อยมันให้ดำเนินไปตามค
الأسماء والصفات للبيهقي (ج2 ص377)
เพราะฉะนั้น คำพูดสะลัฟ ไม่ได้หมายถึงห้ามแปลความหม
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น