ในซูเราะฮอัลอะรอฟ อายะฮที่ ๕๔
พระองค์ตรัสว่า
إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ
แท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้านั้น คืออัลลอฮฺผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผนดินภายในหกวันแล้วทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์
อิบนุกะษีรอธิบายว่า
فَلِلنَّاسِ فِي هَذَا الْمَقَامِ مَقَالَاتٌ كَثِيرَةٌ جِدًّا ، لَيْسَ هَذَا مَوْضِعَ بَسْطِهَا ، وَإِنَّمَا يُسْلَكُ فِي هَذَا الْمَقَامِ مَذْهَبُ السَّلَفِ الصَّالِحِ : مَالِكٌ ، وَالْأَوْزَاعِيُّ ، وَالثَّوْرِيُّ ، وَاللَّيْثُ بْنُ سَعْدٍ ، وَالشَّافِعِيُّ ، وَأَحْمَدُ بْنُ حَنْبَلٍ ، وَإِسْحَاقُ بْنُ رَاهَوَيْهِ وَغَيْرُهُمْ ، مِنْ أَئِمَّةِ الْمُسْلِمِينَ قَدِيمًا وَحَدِيثًا ، وَهُوَ إِمْرَارُهَا كَمَا جَاءَتْ مِنْ غَيْرِ تَكْيِيفٍ وَلَا تَشْبِيهٍ وَلَا تَعْطِيلٍ . وَالظَّاهِرُ الْمُتَبَادَرُ إِلَى أَذْهَانِ الْمُشَبِّهِينَ مَنْفِيٌّ عَنِ اللَّهِ
สำหรับ มนุษย์นั้น ในประเด็นนี้ มีบรรดาทัศนะมากมายจริงๆ ,ในที่นี้ ไม่ใช่ที่ที่จะต้องอธิบายมันให้กว้างออกไป และในประเด็นนี้ ได้ถูกให้ดำเนินตามมัซฮับของสะละฟุศศอลิหฺ คือท่านมาลิก , ท่านอัลเอาซะอีย์ , ท่านอัษเษารีย์ , ท่านอัลลัยษ์ บิน สะอัด , ท่านอัชชาฟิอีย์ , ท่านอะหฺมัด บิน หัมบัล , ท่านอิสหาก ร่อฮุวัยฮ์ , และท่านอื่น ๆ จากนักปราชญ์บรรดามสุลิมีนทั้งอดีตและปัจจุบัน ซึ่งมันคือ การปล่อยให้มันผ่านไปเหมือนที่มันได้มีมา โดยไมอธิบายรูปแบบวิธีการ ไม่เปรียบเทียบ และไม่ปฏิเสธคุณลักษณะ(ซีฟัต) และความหมายที่ปรากฏตามตัวบท ที่นำไปสู่ความเข้าใจของบรรดาพวกมุชับบิฮะฮ์ โดยทันที(คือพวกที่เข้าใจว่าอัลลอฮคล้ายคลึงมัคลูค)นั้น ถูกปฏิเสธจากอัลเลาะฮ์..." ดู ตัฟซีร อิบนุ กะษีร ซูเราะฮ์ อัลอะร๊อฟ อายะฮ์ที่ 54
สรุปคือ
1. ประเด็นความหมายอิสติวาอฺนั้น บรรดานักวิชาการมีความเห็นขัดแย้งกันมากมากมายยิ่งนัก
2. ในประด็นนี้ ให้ดำเนินตามแนวทางบรรพชนยุคสะลัฟ เช่น ท่านมาลิก , ท่านอัลเอาซะอีย์ , ท่านอัษเษารีย์ , ท่านอัลลัยษ์ บิน สะอัด , ท่านอัชชาฟิอีย์ , ท่านอะหฺมัด บิน หัมบัล , ท่านอิสหาก ร่อฮุวัยฮ์ , และท่านอื่น ๆ
3. แนวทางสะลัฟเกี่ยวกับอายาตสิฟาตคือ การปล่อยให้มันผ่านไปเหมือนที่มันได้มีมา โดยไมอธิบายรูปแบบวิธีการ ไม่เปรียบเทียบ และไม่ปฏิเสธคุณลักษณะ(ซีฟัต)
4. ความหมายที่ปรากฏตามตัวบท ตามการจินตนาการและความเข้าใจของผู้ที่นำอัลลอฮไปเปรียบกับมัคลูค ถูกปฏิเสธจากอัลลอฮ
คำว่า
إمرارها كما جاءت
หมายถึง ปล่อยมันให้เป็นไปตามที่ได้มีมา หมายถึงยอมรับตามที่ปรากฏในอัลกุรอ่านโดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการ ไม่ยืนยันการคล้ายคลึง และไม่ปฏิเสธคุณลักษณะ(ซีฟัต)
ดังที่อัลหาฟิซ อบีบักร อัลเคาะฏิบ (ฮ.ศ.463) กล่าวว่า
إِثباتها وإِجراؤها عَلَى ظاهرها ، ونفي الكيفية عنها
คือ การยืนยันมันและปล่อยมันบนความหมายที่ปรากฏของมัน และปฏิเสธ การอธิบายรูปแบบวิธีการจากมัน – อะลามุลนุบะลาอ เล่ม 18 หน้า 284
คำว่าปล่อยให้ผ่านไป ไม่ใช่ไมรู้ความหมาย ไม่ใช่ห้ามแปลอย่างที่บางกลุ่มเข้าใจ
คำว่า
والظاهر المتبادر إلى أذهان المشبهين منفي عن الله
และความหมายที่ปรากฏตามตัวบท ที่เข้ามาอยู่ในความเข้าใจของบรรดาพวกมุชับบิฮะฮ์ โดยทันทีนั้น ถูกปฏิเสธจากอัลเลาะฮ์
ความหมายคำพูด ข้างต้นคือ
ความหมายตามที่ปรากฏตามตัวบท ที่ทำให้เกิดจินตนาการของผู้ที่เข้าใจว่าทรงคล้ายคลึงกับมัคโลคนั้น จะถูกปฏิเสธจากอัลลอฮ
ทั้งนี้ เพราะอัลลอฮได้ปฏิเสธไว้แล้วว่า “ทรงไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์”
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น