วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

การซิกริลละฮและเศาะลาวาตระหว่างสองสะล่าม ละหมาดตารอเวียะ

การซิกริลละฮและเศาะลาวาตระหว่างสองสะล่าม ละหมาดตารอเวียะ นั้นเป็นบิดอะฮ
อิบนุลหาจญ อัลมะลิกีย์ (ฮ.ศ 737)กล่าวว่า
فصل في الذِّكر بعد التسليمتين من صلاة التراويح :
وينبغي له أن يتجنب ما أحدثوه من الذكر بعد كل تسليمتين من صلاة التراويح ، ومن رفع أصواتهم بذلك ، والمشي على صوت واحد ؛ فإن ذلك كله من البدع ، وكذلك ينهى عن قول المؤذن بعد ذكرهم بعد التسلميتين من صلاة التراويح " الصلاة يرحمكم الله " ؛ فإنه محدث أيضاً ، والحدث في الدين ممنوع ، وخير الهدي هدي محمد صلى الله عليه وسلم ، ثم الخلفاء بعده ثم الصحابة رضوان الله عليهم أجمعين ولم يذكر عن أحد من السلف فعل ذلك فيسعنا ما وسعهم
บท เกี่ยวกับเรื่องการซิกรฺ หลังจากสองสะล่าม จากละหมาดตะรอเวียะ
และสมควรแก่เขา(อิหม่ามมัสยิด) จะต้อง ห่างใกล สิ่งที่พวกเขาประดิษบ์มันขึ้นมาใหม่ จากการซิกรฺ หลังจากสองสล่ามจากละหมาดตะรอเวียะ และการกล่าวเสียงดังด้วยดังกล่าว และการดำเนินบนเสียงเดียวกัน(กล่าวพร้อมๆกัน) เพราะแท้จริง ดังกล่าวนั้นทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของบิดอะฮ
และในทำนองเดียวกันนั้น ห้ามไม่ให้ผู้ทำหน้าที่อาซาน กล่าวหลังจากการซิกิร ของพวกเขา หลังจากสองสะล่ามละหมาดตะรอเวียะ ว่า " อัศเศาะลาตุ ยัรหะมุกุมุลลอฮ" เพราะแท้จริง มันคือ สิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ เช่นกัน และการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในศาสนานั้น เป็นสิ่งที่ถูกห้าม และทางนำที่ดีคือ ทางนำของมุหัมหมัด ศ็อลฯ หลังจากนั้น บรรดาเคาะลิฟะฮหลังจากท่านนบีมุหัมหมัด หลังจากนั้น บรรดาเศาะหาบะฮ (ร.ฎ) และ การกระทำดังกล่าวนั้น ไม่ได้ถูกระบุจากสะลัฟคนใด ดังนั้น เราเปิดกว้างในสิ่งที่พวกเขา(สะลัฟ)เปิดกว้าง - อัลมัดค็อล 2/293-294
อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์(ฮ.ศ 974)กล่าวว่า
وَسُئِلَ) فَسَّحَ اللَّهُ فِي مُدَّتِهِ هَلْ تُسَنُّ الصَّلَاةُ عَلَيْهِ – صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ – بَيْنَ تَسْلِيمَاتِ التَّرَاوِيحِ أَوْ هِيَ بِدْعَةٌ يُنْهَى عَنْهَا؟
(فَأَجَابَ) بِقَوْلِهِ الصَّلَاةُ فِي هَذَا الْمَحَلِّ بِخُصُوصِهِ. لَمْ نَرَ شَيْئًا فِي السُّنَّةِ وَلَا فِي كَلَامِ أَصْحَابِنَا فَهِيَ بِدْعَةٌ يُنْهَى عَنْهَا مَنْ يَأْتِي بِهَا بِقَصْدِ كَوْنِهَا سُنَّةً فِي هَذَا الْمَحَلِّ بِخُصُوصِهِ دُونَ مَنْ يَأْتِي بِهَا لَا بِهَذَا الْقَصْدِ كَأَنْ يَقْصِدَ أَنَّهَا فِي كُلِّ وَقْتٍ سُنَّةٌ مِنْ حَيْثُ الْعُمُومُ بَلْ جَاءَ فِي أَحَادِيثَ مَا يُؤَيِّدُ الْخُصُوصَ إلَّا أَنَّهُ غَيْرُ كَافٍ فِي الدَّلَالَةِ لِذَلِكَ
เขา(ฟัสสะฮัลลอฮุฟีมุดดะติฮิ) ถูกถาม ว่า สุนัตให้กล่าวเศาะลาวาตนบี ศ็อลฯ ระหว่างสองสะล่ามของละหมาดตะรอเวียะ หรือไม่ หรือว่าเป็นบิดอะฮ ที่ถูกห้ามจากมัน? 
(เขาอิบนุหะญัรอัลฮัยตะมีย์ ตอบ) ด้วยการกล่าวของเขาว่า " การเศาะละวาต ในที่นี้ ด้วยการเจาะจงมัน เราไม่เห็นสิ่งใด ในอัสสุนนะฮ และ เราไม่เห็นในคำพูดของ บรรดาสหายของเรา(ปราชญมัซฮับชาฟิอี) เพราะมันคือ บิดอะฮ ที่ถูกห้ามจากมัน แก่ผู้ใดก็ตาม ปฏิบัติ มัน โดยเจตนา ให้มันเป็นสุนัต ในที่นี้ ด้วยการเจาะจงมัน อื่นจาก(ไม่ได้ห้าม)ผู้ที่ปฏิบัติมัน ไม่ใช่ด้วยเจตนานี้ เช่น เจตนาว่ามันคือ สุนัต ที่ถูกระบุไว้กว้างๆ ให้ทำได้ทุกเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ได้มีมาในบรรดาหะดิษ สิ่งที่สนับสนุนการเจาะจงนั้น แต่ ไม่พอเพียงในการอ้างเป็นหลักฐานสำหรับดังกล่าว - อัล-ฟะตาวาอัลฟิกฮียะฮ อัลกุบรอ 1/186
............
อิบนุหะญัร ระบุว่า ถ้า ทำการเศาะลาตวาต ระหว่างสองสะล่ามละหมาดตอรอเวียะ โดยเจตนาว่าเป็นสุนัตเป็นการเฉพาะในสถานที่นี้ ถือเป็นบิดอะฮ มีหะดิษแต่ไม่มีน้ำหนักพอที่จะใช้เป็นหลักฐาน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
17/5/61

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น