วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2562

วาทกรรมไม่เอาอุลามาอฺ


วาทกรรมไม่เอาอุลามาอฺ
วาทะข้างต้น คืออาวุธของแกีงบางจำพวกที่อยู่ในคราบนักการศาสนาได้อุปโลกน์ขึ้นมา เพื่อดิสเครดิตคนที่เห็นต่างกับตน ให้ชาวบ้านหมดความเชื่อถือว่า พวกนี้ไม่เอาอุลามาอฺ ไม่ตามกฏอุลามาอฺ เข้าหาอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ โดยตัวเองไม่ตามสิ่งที่อุลามาอฺอธิบาย
ขอเรียนว่า ตลอดเวลาที่เรานำเสนอวิชาการางศาสนา ไม่ว่าประเด็นก็ตาม ได้นำคำอธิบายอุลามาอฺ มาประกอบเป็นหลักฐานอ้างอิงเสมอ ไม่ใช้ตรรกมาชงโดยปราศจากหลักฐาน
การตามอุลามาอฺนั้น ไม่ใช่การตาม โดยปราศจากเงื่อนไข เหมือนกับการตามอัลลอฮตาอาลาและรอซูล(ศ็อลฯ)
อิบนุอับดิลบัร (ร.ฮ)กล่าวว่า
وَقَالَ أَبُو عَبْدِ اللَّهِ بْنُ خُوَيْزٍ مِنْدَادٌ الْبَصْرِيُّ الْمَالِكِيُّ : " التَّقْلِيدُ مَعْنَاهُ فِي الشَّرْعِ الرُّجُوعُ إِلَى قَوْلٍ لا حُجَّةَ لِقَائِلِهِ عَلَيْهِ ، وَهَذَا مَمْنُوعٌ مِنْهُ فِي الشَّرِيعَةِ ، وَالاتِّبَاعُ مَا ثَبَتَ عَلَيْهِ حُجَّةٌ
และอบูอับดุลลอฮ บุตร คุวัยซฺ มันดาด อัลบะเศาะรี อัล-มาลิกีย์ กล่าวว่า " การตักลีด ความหมายในทางศาสนาคือ การกลับไปหาคำพูดใดๆ ที่ไม่หลักฐานสำหรับผู้ที่กล่าวคำพูดนั้น และดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งถูกห้ามในศาสนาบัญญัติ และคำว่า"อิตบาอฺคือ (การตาม)สิ่งที่ปรากฏหลักฐานยืนยันบนมัน - ญามิอุบะยานิลอิลมิวะฟัฎลิฮ 2/993
..............
การตามอุลามาอฺ นั้น ต้องตามสิ่งที่เขาสอนที่มีหลักฐานยืนยันหรือประมวลมาจากหลักฐาน ไม่ใช่ความคิดเห็น เพราะการอิจญติฮาดของอุลามาอฺ ไม่ว่าระดับใหนก็ตามย่อมมีผิดพลาดและมีถูก
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ)กล่าวว่า
فأما الصديقون والشهداءُ والصالحون فليسوا بمعصومين، وهذا في الذنوب المحقَّقة، وأما ما اجتهدوا فيه فتارة يصيبون، وتارة يخطئون، فإذا اجتهدوا وأصابوا فلهم أجران، وإذا اجتهدوا وأخطأوا فلهم أجرٌ على اجتهادهم، وخطؤهم مغفورٌ لهم
สำหรับบรรดา บรรดาผู้ที่เชื่อโดยดุษฏี บรรดาผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม และบรรดาผู้ที่ประพฤติดี พวกเขาไม่ใช่มะอศูม(การได้รับการปกป้องจากความผิด) และกรณี ในบรรดาบาปที่ถูกพิสูจน์แล้ว และ สำหรับสิ่งที่พวกเขา อิจญติฮาด(วินิจฉัย)ในมันนั้น บางครั้งพวกเขาถูกต้อง และบางครั้งพวกเขาผิดพลาด แล้วเมื่อพวกเขา ทำการวินิจฉัย(อิจญติฮาด) และพวกเขาถูกต้อง พวกเขาได้รับการตอบแทนสองเท่า และเมื่อพวกเขาทำการอิจญติฮาด และพวกเขา ผิดพลาด พวกเขาได้รับผลตอบแทนหนึ่งเท่าบนการอิจญติฮาดของพวกเขา และการผิดพลาดของพวกเขาได้รับการอภัย - มัจญมัวะอัลฟาตาวา 35/69
........
สรุป
1. บรรดาปราชญไม่ว่าระดับใหนก็ตาม ไม่ใช่มะอศูม (ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการปกป้องจากความผิด)
2. การอิจญติฮาดของปราชญ มีผิด มีถูก
3. เมื่อพวกเขาอิจญติฮาดถูกต้อง พวกเขาได้รับผลตอบแทนสองเท่า และถ้าผิดพลาด เขาได้ผลตอบแทนหนึ่งเท่า และการผิดพลาดนั้นได้รับการอภัย
เพราะฉะนั้น หากผู้ใดกล่าวว่า บรรดาปราชญ์ผิดพลาด จึงไม่ใช่การหุกุมว่าเขาทำบาป หรือตกนรก อย่างที่คนบางจำพวกใช้เป็นข้อหายัดเยียดให้คนที่เห็นต่าง ที่ไม่ตามปราชญ์ที่ตัวเองยึดถือ ว่าดูหมิ่นปราชญ์
การผิดพลาดของปราชญ์ไม่อนุญาตให้ตาม
อิสมาอีสมาอีล บิน อิสหาก อัลกอฏีย์ อัลมาลิกีย์ (ฮ.ศ 282)กล่าวว่า
ما من عالم الا وله زلة ومن جمع زلل العلماء ثم اخذ بها ذهب دينه
ไม่มีผู้รู้คนใด นอกจากเขามีความผิดพลาด และผู้ใด รวบรวมบรรดาความผิดพลาดของบรรดาผู้รู้(อุลามาอฺ) หลังจากนั้นเขาได้ เอา(มาปฏิบัติ)ด้วยมัน ศาสนาของเขาได้สูญหายไปแล้ว - อัสสุนันอัลกุบรอ ของอัลบัยฮะกีย์ 10/356-357
......
เพราะฉะนั้น การตามอุละมาอฺและการเอาอุลามาอฺ ไม่ใช่เอาหรือตามแบบคลั่งใคล้ หูหนวกตาบอด แต่ตามในสิ่งที่เรามั่นใจว่า สิ่งนั้นมีหลักฐานรับรอง เศาะเฮียะและชัดเจน

อะสัน หมัดอะดั้ม
29/9/63





เอกสารอ้างอิง





 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2562

ถ้าเห็นต่างกับปราชญ์คนใดหมายถึงการดูถูกปราชญ์อย่างนั้นหรือ




ถ้าเห็นต่างกับปราชญ์คนใดหมายถึงการดูถูกปราชญ์อย่างนั้นหรือ
วาทกรรมอันชั่วร้ายที่อุตริขึ้นมาเป็นอาวุธทำลายกันคือ เมื่อเห็นต่างกับปราชญ์คนใหน ก็หาว่า ดูถูก และหุกุมปราชญ์คนนั้นว่า ตกนรก หรือทำบิดอะฮ-นะอูซุบิลละฮ
การวินิจจัยของปราชญ์ระดับมุจญตะฮิด มีผิด มีถูก แต่ไม่ได้หมายความว่า หากผิดพลาด เขาผู้นั้น ตกนรกหรือ ทำผิด ทั้งนี้ เมื่อเขาทุ่มเทความพยายามแล้วที่จะให้ได้มาซึ่งความถูกต้อง
عَنْ عَمْرِو بْنِ الْعَاصِ أَنَّهُ سَمِعَ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ إِذَا حَكَمَ الْحَاكِمُ فَاجْتَهَدَ ثُمَّ أَصَابَ فَلَهُ أَجْرَانِ وَإِذَا حَكَمَ فَاجْتَهَدَ ثُمَّ أَخْطَأَ فَلَهُ أَجْرٌ
จากอัมริน บิน อัลอาศ ว่าแท้จริงเขาได้ยินรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า "เมื่อผู้พิพากษาได้ตัดสิน แล้วเขาได้ทำการวินิจฉัย (อย่างเต็มความสามารถ) แล้วเขาได้(ตัดสิน)ถูกต้อง เขาก็จะได้รับการตอบแทนผลบุญสองเท่า และเมื่อเขาได้ตัดสิน แล้วเขาได้ทำการวินิจฉัย (อย่างเต็มความสามารถ) แล้วผิดพลาด เขาก็ได้รับการตอบแทนผลบุญหนึ่งเท่า - รายงานโดย อัลบุคอรี บทที่ 97 กิตาบุลเอียะติศอม
..............
قَالَ الْخَطَّابِيُّ : إِنَّمَا يُؤْجَرُ الْمُخْطِئُ عَلَى اجْتِهَادِهِ فِي طَلَبِ الْحَقِّ ; لِأَنَّ اجْتِهَادَهُ عِبَادَةٌ ; وَلَا يُؤْجَرُ عَلَى الْخَطَأِ ، بَلْ يُوضَعُ عَنْهُ الْإِثْمُ فَقَطْ ، وَهَذَا فِيمَنْ كَانَ جَامِعًا لِآلَةِ الِاجْتِهَادِ
อัลค็อฏฏอบีย์ ได้กล่าวว่า "ความจริง ผู้ที่ผิดพลาด ได้รับการตอบแทน บนการอิจญติฮาดของเขา ในการแสวงหาความถูกต้อง เพราะแท้จริงการอิจญติฮาดของเขาคือ อิบาดะฮ และเขาไม่ได้รับผลตอบแทน บนการผิดพลาด แต่ทว่า บาป(ความผิด)ได้ถูกปลดออกจากเขาเท่านั้นเอง และนี้คือ ในผู้ที่รวมเครื่องมือของการอิจญติฮาด (หมายถึงมีคุณสมบัติอิจญติฮาดครบถ้วน-ผู้แปล) -ดู มะอาลิมุสสุนนัน ชัรหสุนัน อบีดาวูด ของ อัลค็อฏฏอบีย์ 1/554
.........
สรุปคำพูดของอัลค็อฏฏอบีย์ คือ
1. ผู้ที่อิจญติฮาดผิดพลาด เขาได้รับผลบุญ บนการอิจญติฮาดของเขาในการแสวงหาความถูกต้อง (ไม่ใช่ได้บุญเพราะผิดพลาด)เพราะการอิจญติฮาดคืออิบาดะฮ
2. ผู้ที่ทำการอิจญติฮาดผิดพลาด เขาไม่ได้รับผลบุญอันเนื่องมาความผิดพลาด แต่ทว่าเขาได้รับการอภัยจากความผิดเท่านั้น
3. ดังกล่าวข้างต้น ในกรณีผู้ที่มีคุณสมบัติที่สามารถทำการอิจญติฮาดได้ ส่วนคนที่ไม่มีคุณสมบัติอิจญติฮาด เขาก็ไม่ได้รับการอภัย ดังที่อัลค็อฏฏอบีย์ กล่าวว่า
فَأَمَّا مَنْ لَمْ يَكُنْ مَحَلًا لِلْاجْتِهَادِ فَهُوَ مُتَكَلِّفٌ وَلَا يُعْذَرُ بِالْخَطَأِ
แล้วสำหรับ ผู้ที่ไม่อยู่ในฐานะสำหรับการอิจญติฮาด เขาคือ มุตะกัลลุฟ(ผู้ที่ต้องแบบรับผลการกระทำของตัวเอง) และเขาไม่ได้รับการอภัยด้วยความผิดพลาด - ที่มาระบุแล้ว
........
เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีคุณสมบัติที่สามารถทำการอิจญติฮาด(วินิจฉัยหุกุม) หากเขาทุ่มเทความพยายามในการแสวงหาความถูกต้องแต่ผิดพลาด เขาก็ไม่มีความผิด แล้ว จะพูดได้อย่างไรว่า คนที่ค้านการกุนูตศุบฮิเป็นประจำ คือ คนที่ดูถูกอิหม่ามชาฟิอี กล่าวหาว่าอิหม่ามชาฟิอีทำบิดอะฮ กล่าวหาว่า อิหม่ามชาฟิอีตกนรก -วัลอิยาซุบิลละฮ เป็นการใช้อคติอุปโลกน์ข้อหาให้คนอื่นอย่างโง่เขลาที่สุด
บรรดาปราชญ์มุจญะตะฮีด จึงห้ามตักลิดพวกเขาแบบหูหนวกตาบอด ดังที่อิหม่ามอิบนุลก็อยยิม (ร.ฮ)กล่าวว่า
وقد نهى الأئمة الأربعة عن تقليدهم , وذموا من أخذ أقوالهم بغير حجة ; فقال الشافعي : مثل الذي يطلب العلم بلا حجة كمثل حاطب ليل , يحمل حزمة حطب وفيه أفعى تلدغه وهو لا يدري , ذكره البيهقي
และความจริง อิหม่ามทั้งสี่ ได้ห้ามตักลีด(เชื่อตาม)พวกเขา และพวกเขาตำหนิผู้ที่ยึดเอาคำพูดของพวกเขาโดยปราศจากหลักฐาน แล้วท่านอิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า" อุปมาผู้ที่ศึกษาหาความรู้ โดยไม่มีหลักฐาน อุปมัยดังเช่น คนหาไม้ฟืนยามค่ำคืน ,เขาแบกมัดของไม้ฟืน และในนั้นมีงูจะกัดเขาอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ ,อัลบัยฮะกีย์ได้ระบุเอาไว้
- อะอฺลามุลมุวักกิอีน เล่ม 1 หน้า 139

....
อะสัน หมัดอะดั้ม
21/9/62





 à¹ƒà¸™à¸ à¸²à¸žà¸­à¸²à¸ˆà¸ˆà¸°à¸¡à¸µ ข้อความ

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2562

กลุ่มแนวคิดญะฮมียะฮบิดเบือนอะกีดะฮการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ




กลุ่มแนวคิดญะฮมียะฮบิดเบือนอะกีดะฮการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ



แนวคิดญะฮมียะฮคนหนึ่งอ้างว่า
การเรียนตำรานี้ จะทำให้เราเข้าใจอากีดะห์อะห์ลุลซุนนะห์ที่ถูกต้อง โดยที่ไม่ไปยึดตามอากีดะห์ มุชับบีฮะห์ ที่เผยเเพร่ว่า อัลลอฮ์มีที่อยู่ด้านบน.
ท่าน อะบุ อิศฮาค อัซซัจญาจ ซึ่งเป็นชาวสะลัฟ (มีชีวิตระหว่าง ฮ.ศ 241- ฮ.ศ 311) ได้กล่าวในตำรานี้ ว่า " อัลลอฮ์ ทรงบริสุทธิ์จากการมีทีอยู่ที่สูง เเละการมีที่อยู่ที่สูง ด้านบน นั้น มุสตาฮีล"
العلي هو فعيل في معنى فاعل، فالله تعالى عال على خلقه وهو علي عليهم بقدرته، ولا يجب أن يذهب بالعلو ارتفاع مكان، إذ قد بينا أن ذلك لا يجوز في صفاته، تقدست،
เราสามารถเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อให้มีงานทำได้ เเต่อย่าลืมลงทุนเรียนภาษาอาหรับ เพื่อเอาไปใช้ในการหาความรู้ศาสนา เราเรียนไวยากรณ์อังกฤษ Subject -Verb-Object/ Complement เเต่ลืมเอาเวลาไปเรียน فعل ، فاعل เเละ مفعول به ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย.
@@@@
ชี้แจง
เป็นที่รู้กันว่า พวกแนวคิดญะฮมียะฮ เป็นแนวคิดที่ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ตาอาลา และพยายามทุกวิถีทางที่จะบิดเบือนอะกีดะฮ การอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮตาอาลา
قال اﻹمام ابن المبارك : نعرف ربنا بأنه فوق سبع سماوات على العرش استوى بائن من خلقه ولا نقول كما قالت الجهمية
อิหม่ามอิบนุอัลมุบาร็อก ได้กล่าวว่า เรารู้จักพระเจ้าของเรา ว่า แท้จริงพระองค์อยู่เหนือเจ็ดชั้นฟ้า ทรงอยู่สูงเหนืออะรัช แยกจากมัคลูคของพระองค์ และเราจะไม่ กล่าวดังเช่นพวกแนวคิดญะฮมียะฮกล่าว –ดู อัรรอดอะลัลญะฮมียะฮ ของ อัดดาริมีย์ หน้า 67
การอ้างว่า
ท่าน อะบุ อิศฮาค อัซซัจญาจ ซึ่งเป็นชาวสะลัฟ (มีชีวิตระหว่าง ฮ.ศ 241- ฮ.ศ 311) ได้กล่าวในตำรานี้ ว่า " อัลลอฮ์ ทรงบริสุทธิ์จากการมีทีอยู่ที่สูง เเละการมีที่อยู่ที่สูง ด้านบน นั้น มุสตาฮีล"
.........
ขอตอบว่า อัซซัจญาจญ” นั้นตอนบั้นปลายชีวิต เขาได้ดุอาว่า

اللهم احشرني على مذهب الإمام أحمد بن حنبل"

โอ้อัลลอฮ ได้โปรดรวมข้าพระองค์ ให้อยู่บนมัซฮับอิหม่ามอะหมัด บิน หัมบัลด้วยเถิด –ดูตัฟสีร อัลลุฆวีย์ ลิลกุรอ่านิลกรีม หน้า 323
อิหม่ามอะหมัด (ร.ฮ) มีความเชื่อว่า อัลลอฮอยู่เหนือเจ็ดชั้นฟ้า คือ
รายงานจากยูสุฟ บิน มูซา อัล-เฆาะดาดียฺ กล่าวว่า
قيل لأبي عبد الله احمد بن حنبل الله عز و جل فوق السمآء السابعة على عرشه بائن من خلقه وقدرته وعلمه بكل مكان قال نعم على العرش و لايخلو منه مكان
อิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล เคยถูกถามว่า “อัลลอฮทรงอยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งเจ็ด เหนืออรัชของพระองค์ แยกจากสิ่งถูกสร้างอของพระองค์ ในขณะที่เดชานุภาพและความรอบรู้ของพระองค์นั้นทรงอยู่ในทุกพื้นที่หรือ?” อิมามอะหฺมัด ตอบว่า “ถูกต้องแล้ว อัลลอฮทรงอยู่เหนืออรัช และไม่มีที่ใดหลุดรอดจากความรอบรู้ของพระองค์ - ดู อิษบะตุ ศิฟะตุล อุลูวฺ หน้า 116
شرح اعتقاد أهل السنة للالكائي (3 / 402)؛ ورواه الخلال في كتابه "السنة" عن شيخه يوسف بن موسى القطان عن الإمام أحمد، كما في كتابي الحافظ الذهبي "العرش" (ج2 ص247) و"العلو للعلي الغفار" (ص176)، قال: رواه الخلال عن يوسف. فسنده صحيح
...........
จึงสรุปว่า ผู้มีแนวคิดญะฮมียะฮผู้นี้ บิดเบือนอะกีดะฮ การอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ และพยายามอ้างอัซซัจญาจญ์ทั้งๆที่ในบั้นปลายชีวิต อัซซัจญาจญ์ ได้ยืนยันด้วยดุอาต่ออัลลอฮ ว่า ให้เขาอยู่บนมัซฮับอิหม่ามอะหมัด และมัซฮับอิหม่ามอะหมัด ยืนยันการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ เหนือเจ็ดชั้นฟ้า
อะสัน หมัดอะดั้ม
13/9/62
ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2562

ผลเสียของการให้เกียรติคนทำบิดอะฮ

ผลเสียหายของการให้เกียรติกับคนทำบิดอะฮ
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์(ร.ฮ) กล่าวว่า
فَإِنَّ تَوْقِيرَ صَاحِبِ الْبِدْعَةِ مَظِنَّةٌ لِمَفْسَدَتَيْنِ تَعُودَانِ عَلَى
الْإِسْلَامِ بِالْهَدْمِ:
แท้จริงการให้เกียรติกับผู้ที่เป็นเจ้าบิดอะฮ (ผู้ทำบิดอะฮ) คือสิ่งที่คาดว่า จะเกิดผลเสียหายสองประการ กลับไปสู่อัลอิสลามด้วยการทำลาย
إِحْدَاهُمَا: الْتِفَاتُ الْجُهَّالِ وَالْعَامَّةِ إِلَى ذَلِكَ التَّوْقِيرِ، فَيَعْتَقِدُونَ فِي الْمُبْتَدِعِ أَنَّهُ أَفْضَلُ النَّاسِ، وَأَنَّ مَا هُوَ عَلَيْهِ خَيْرٌ مِمَّا عَلَيْهِ غَيْرُهُ، فَيُؤَدِّي ذَلِكَ إِلَى اتِّبَاعِهِ عَلَى بِدْعَتِهِ; دُونَ اتِّبَاعِ أَهْلِ السُّنَّةِ عَلَى سُنَّتِهِمْ.
ประการแรก : ทำให้บรรดาผู้โง่เขลาและคนทั่วไป หันไปสู่การให้เกียรตินั้น แล้วพวกเขาเชื่อว่า ในผู้ที่ทำบิดอะฮนั้น คือมนุษย์ที่ประเสริฐยิ่ง และแท้จริง สิ่ง(บิดอะฮ)ที่เขาผู้นั้นดำเนินอยู่บนมัน ดีกว่าสิ่งที่ผู้อื่นดำเนินอยู่บนมัน ในที่สุดดังกล่าวนั้น นำไปสู่การปฏิบัติตามเขาผู้นั้น บนบิดอะฮของเขา โดยไม่ปฏิบัติตามชาวสุนนะฮ บนสุนนะฮของพวกเขา
وَالثَّانِيَةُ: أَنَّهُ إِذَا وُقِّرَ مِنْ أَجْلِ بِدْعَتِهِ; صَارَ ذَلِكَ كَالْحَادِي الْمُحَرِّضِ لَهُ عَلَى إِنْشَاءِ الِابْتِدَاعِ فِي كُلِّ شَيْءٍ.وَعَلَى كُلِّ حَالٍ، فَتَحْيَا الْبِدَعُ، وَتَمُوتُ السُّنَنُ، وَهُوَ هَدْمُ الْإِسْلَامِ بِعَيْنِهِ.
ประการที่สอง : แท้จริงเมื่อเขาถูกให้เกียรติ อันเนื่องมาจาก การทำบิดอะฮของเขา ดังกล่าวนั้น ก็จะกลายเป็นคนหนึ่งที่เป็นแรงจูลใจสำหรับเขา บน การสร้างการอุตริบิดอะฮในทุกๆสิ่ง ,และอย่างไรก็ตาม (การให้เกียรติกับผู้ทำบิดอะฮ) ก็เป็นเหตุให้ บรรดาบิดอะฮมีชีวิตชีวาขึ้นมา และบรรดาสุนนะฮจะตาย และมันคือ การทำลายอิสลาม ด้วยตัวของมัน -อัลเอียะติศอม 1/114
......
สรุปคือ
การให้เกียรติกับคนทำบิดอะฮ จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ศาสนา 2 ประการคือ
1. ทำให้บรรดาคนที่ไม่มีความรู้ และคนทั่วไปหันมาให้เกียรติคนทำบิดอะฮ และเชื่อว่าเขาเป็นคนที่ประเสริฐ และบิดอะฮที่เขาทำอยู่ ดีกว่าสิ่งอื่นที่คนอื่นได้ปฏิบัติ ในที่สุดเขาก็ตามคนทำบิดอะฮ ไม่ปฏิบัติตามผู้ทีปฏิบัติตามสุนนะฮ
2. คนที่ทำบิดอะฮเมื่อได้รับการให้เกียรติ อันเนื่องมาจากการทำบิดอะฮของเขา สิ่งนี้ก็จะเป็นแรงจูงใจให้เขาอุตริบิดอะฮในทุกๆสิ่ง อันเป็นเหตุให้บิดอะฮเฟื้องฟูและบรรดาสุนนะฮดับสลาย ก็เท่ากับการทำลายอิสลามไปในตัวของมัน
.....
คนยากดังมักจะแสวงหามวลชน เพื่อยกให้ตัวเองดัง และมีชื่อเสียง จึงต้องอาศัยการประจบสอพลอกับคนหมู่มากที่คิดว่าทำให้ตนดังและมีชื่อเสียงได้ แต่ถ้าคนที่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา เขาก็จะไม่ทำสิ่งใดที่เปิดช่องให้คนอื่นกระทำสิ่งที่ขัดแย้งกับอัสสุนนะฮหรือ กลายเป็นสิ่งจูงใจให้ทำบิดอะฮ
อะสัน หมัดอะดั้ม
11/9/62

 à¹„ม่มีคำอธิบายรูปภาพ

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562

วาทกรรม "เก่งกว่าอุลามาอฺหรือ"

วาทกรรม "เก่งกว่าอุลามาอฺหรือ"
มักจะได้ยินได้เห็นบ่อย เมื่อมีใครเห็นต่างกับอุลามาอฺที่ตนเองยึดแบบหลับหูหลับตาว่า " เองเก่งกว่าอุลามาอ"หรือ อุลามาอฺตกนรกหรือ อุลามาอฺ ทำบิดอะฮหรือ?
ขอเรียนว่า ในคำสอนอิสลามนั้น แนวทางที่สอนให้เราเดินคือที่นบี ศ็อลฯ สอนว่า
مَا أَنَا عَلَيْهِ وَأَصْحَابِي
สิ่งที่ฉันและบรรดาสหาย(เศาะหาบะฮ)ของฉันดำเนินอยู่บนมัน
وحسَّنه ابن العربي في " أحكام القرآن " (3 /432) ، والعراقي في "تخريج الإحياء" (3/284) والألباني في "صحيح الترمذي" .
อิสลามสอนให้ตามผู้รู้ที่สอนให้ตามอัลลอฮ ตาอาลา และรอซูล ของพระองค์ เพราะเห็น ปราชญ์ยุคสะลัฟ จึงเตือนให้ระวังในการตามข้อผิดพลาดของบรรดาผู้รู้
أَخْبَرَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عُيَيْنَةَ، أَنبَأَنَا عَلِيٌّ هُوَ ابْنُ مُسْهِرٍ، عَنْ أَبِي إِسْحَاقَ، عَنِ الشَّعْبِيِّ، عَنْ زِيَادِ بْنِ حُدَيْرٍ، قَالَ: قَالَ لِي عُمَرُ: «هَلْ تَعْرِفُ مَا يَهْدِمُ الْإِسْلَامَ؟» قَالَ: قُلْتُ: لَا، قَالَ: ((يَهْدِمُهُ زَلَّةُ الْعَالِمِ، وَجِدَالُ الْمُنَافِقِ بِالْكِتَابِ وَحُكْمُ الْأَئِمَّةِ الْمُضِلِّينَ )
มุหัมหมัด บิน อุยัยนะฮ ได้บอกเรา ว่า อาลี เขาคือ อิบนุมุสฮิร ได้เล่าเรา ว่ารายงานจาก อบีอิสหาก ,จากอัชชุอบีย์ จากซิยาด บิน หุดัยรฺ กล่าวว่า "อุมัร ได้กล่าวแก่ฉันว่า (ท่านรู้ไหมสิ่งที่ทำลายอิสลาม ? เขา(ซิยาด)กล่าวว่า "ฉันกล่าวว่า "ไม่รู้" เขา(เคาะลิฟะฮอุมัร)กล่าวว่า "ที่ทำลายอิสลาม คือ การผิดพลาดของผู้รู้ ,การโต้เถียงของมุนาฟิก ด้วยการ(อ้าง)อัลกุรอ่าน และการตัดสินของบรรดาผู้นำที่หลงผิด-รายงานโดยอัดดาริมีย์ หมายเลข 220
[تعليق المحقق] إسناده صحيح. وهو في جامع بيان العلم وفضله (1867-1869)باب فساد التقليد .وقال محققه إسناده صحيح ، وأورده البغوي في شرح السنة (1/317) وصححه العلامة الألباني في المشكاة (269).
.........
ส่วนบรรดาปราชญ์ผู้ทรงธรรมทั้งหลาย ที่ทุ่มเทความพยายามในการวินิจฉัย เพื่อให้ได้มาซึ่งความถูกต้องนั้น ไม่มีใครสอนให้ตามในสิ่งที่ผิดพลาดของพวกเขาแม้แต่คนเดียว
อิบนุลก็อยยิม (ร.ฮ)ได้ กล่าวในหัวข้อ อันตรายของการผิดพลาดของผู้รู้ ว่า
وَأَنَّ الْعَالِمَ قَدْ يَزِلُّ وَلَا بُدَّ؛ إذْ لَيْسَ بِمَعْصُومٍ ، فَلَا يَجُوزُ قَبُولُ كُلِّ مَا يَقُولُهُ، وَيُنَزَّلُ قَوْلُهُ مَنْزِلَةِ قَوْلِ الْمَعْصُومِ ؛ فَهَذَا الَّذِي ذَمَّهُ كُلُّ عَالِمٍ عَلَى وَجْهِ الْأَرْضِ، وَحَرَّمُوهُ، وَذَمُّوا أَهْلَهُ .
และแท้จริง ผู้รู้นั้น บางครั้งผิดพลาด และหลีกเลี่ยงไม่พ้น เพราะเขาไม่ใช่มะอศูม (ผู้ที่ได้รับการปกป้องจากความผิดพลาดในเรื่องศาสนา) ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้รับทุกสิ่งที่เขากล่าวมัน และยกฐานะคำพูดของเขา(ของผู้รู้)เทียบเท่าฐานะของคำพูด ของอัลมะอศูม(หมายถึงของนบี) เพราะนี้คือ ที่ทุกๆผู้รู้บนหน้าแผ่นดินนี้ ได้ตำหนิมัน ,พวกเขาห้าม มัน(ห้ามยกฐานะคำพูดอุลามาอฺเทียบเท่าฐานะคำพูดนบี) และพวกเขาตำหนิ ผู้ที่เป็นเจ้าของมัน (หมายถึงผู้ที่ตักลิดในลักษณะดังกล่าว)- ดู เอียะลามอัลมุวักกิอีน 3/453
......
สรุป
1. ผู้รู้หนีไม่พ้นความผิดพลาด เพราะไม่ใช่มะอศูม
2. ไม่อนุญาตให้รับเอาทุกๆคำพูดของผู้รู้ โดยยกฐานะคำพูดผู้รู้เทียบเท่าฐานะคำพูดนบี ผู้เป็นมะอศูม
3. บรรดาผู้รู้ในหน้าแผ่นดินนี้ทุกคน ตำหนิ และห้ามการตักลิดผู้รู้ในลักษณะที่เทียบคำพูดผู้รู้ ให้อยู่ในฐานะเดียวกับกับคำพูดนบี ผู้เป็นมะอศูม ในแง่ที่ว่า ผู้รู้ไม่ผิด ต้องตามผู้รู้
อิบนุก็อยยิม(ร.ฮ) ท่านก็สอนให้ไม่ตักลิดผู้รู้ และท่านได้อ้างว่า บรรดาอิหม่ามมุจญตะฮิดได้ห้ามไว้เช่นกันคือ
อิบนุกอ็ยยิม (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وقد نهى الأئمة الأربعة عن تقليدهم , وذموا من أخذ أقوالهم بغير حجة ; فقال الشافعي : مثل الذي يطلب العلم بلا حجة كمثل حاطب ليل , يحمل حزمة حطب وفيه أفعى تلدغه وهو لا يدري , ذكره البيهقي

และความจริง อิหม่ามทั้งสี่ ได้ห้ามตักลีด(เชื่อตาม)พวกเขา และพวกเขาตำหนิผู้ที่ยึดเอาคำพูดของพวกเขาโดยปราศจากหลักฐาน แล้วท่านอิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า" อุปมาผู้ที่ศึกษาหาความรู้ โดยไม่มีหลักฐาน อุปมัยดังเช่น คนหาไม้ฟืนยามค่ำคืน ,เขาแบกมัดของไม้ฟืน และในนั้นมีงูจะกัดเขาอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ ,อัลบัยฮะกีย์ได้ระบุเอาไว้ - อะอฺลามุลมุวักกิอีน เล่ม 1 หน้า 139
....
จะอ้าง อิบนุตัยมียะฮ ,จะอ้างอิบนุก็อยยิม จะอ้างชัยค์บินบาซ จะอ้างชัยอิบนุอุษัยมีน จะอ้างชัยค์เฟาซาน ฯลฯ ท่านนเหล่า ไม่เคยบอกว่าวายิบต้องตามพวกท่านที่กล่าวมา ในทุกๆคำพูด แบบหลับหูหลับตา จึงพูดดักไว้ก่อนเดี๋ยวจะกล่าวหาอีกว่า " ลุงเก่งกว่า อุลามาอฺข้างต้นหรือ?

อะสัน หมัดอะดั้ม
7/9/62





 à¹„ม่มีคำอธิบายรูปภาพ

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2562

ยึดทัศนะที่มีน้ำหนักและทิ้งทัศนะที่อ่อน คือมติของสะลัฟ



ยึดทัศนะที่มีน้ำหนักและทิ้งทัศนะที่อ่อน คือมติของสะลัฟ
1.อิหม่ามอัชเชากานีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
وَمَنْ نَظَرَ فِي أَحْوَالِ الصَّحَابَةِ، وَالتَّابِعِينَ، وَتَابِعِيهِمْ، وَمَنْ بَعْدَهُمْ، وَجَدَهُمْ مُتَّفِقِينَ عَلَى الْعَمَلِ بِالرَّاجِحِ، وَتَرْكِ الْمَرْجُوحِ ... اهـ.
และผู้ใด พิจารณาบรรดาสภาพของเหล่าเศาะหาบะฮ ,ตาบิอีน ,ผู้ที่เจริญรอยตามพวกเขา และผู้ที่อยู่ยุคหลังจากพวกเขา เขาก็จะพบว่า พวกเขา เห็นฟ้องกัน บนการปฏิบัติ ด้วยทัศนะที่มีน้ำหนัก และละทิ้งทัศนะที่อ่อน - อิรชาดุลฟุหูล หน้า 1126
2.ในอัลเมาสูอะฮ อัลฟิกฮียะฮ ได้ระบุว่า
قَال الزَّرْكَشِيُّ: إِذَا تَحَقَّقَ التَّرْجِيحُ وَجَبَ الْعَمَل بِالرَّاجِحِ، وَإِهْمَال الآْخَرِ، لإِجْمَاعِ الصَّحَابَةِ عَلَى الْعَمَل بِمَا تَرَجَّحَ عِنْدَهُمْ مِنَ الأْخْبَارِ
อัซซัรกะชีย์ ได้กล่าวว่า "เมื่อการให้น้ำหนักได้เป็นจริงแล้ว ก็จำเป็นจะต้องปฏิบัติด้วยทัศนะที่มีน้ำหนัก และปล่อยทัศนะอื่นไป เพราะมติของ บรรดาเศาะหาบะฮ บนการปฏิบัติด้วย บรรดาหะดิษที่มีน้ำหนักในทัศนะของพวกเขา -อัลเมาสูอะฮอัลฟิกฮียะฮ 36/345
ซะกะรียา บิน ฆุลาม กอเดร อัลบากิสถานีย์ ได้กล่าวว่า
العبرة في الجمع بين الدليلين المتعارضين هو ثبوتهما فإن كان أحدهما لا يثبت فلا عبرة به ولا يحتاج إلى أن يجمع بينه وبين الحديث الثابت، قال الجزائري في توجيه النظر "235": الحديث المقبول إذا عارضه حديث غير مقبول أخذ بالمقبول وترك الآخر، إذ لا حكم للضعيف مع القوي.
ข้อพิจารณาในการรวม ระหว่างสองหลักฐาน ที่ขัดแย้งกัน มันคือ ทั้งสองหลักฐานนั้น แน่นอน(หมายถึงเศาะเฮียะทั้งสองหลักฐานจึงจะรวมกันได้-ผู้แปล)เพราะหากปรากฏว่า หลักฐานหนึ่งหลักฐานใด ไม่แน่นอน (ไม่เศาะเฮียะ) ก็ไม่มีการพิจารณาใดๆด้วยมัน และไม่จำเป็นจะต้องรวมระหว่างมัน(หลักฐานอ่อน)และระหว่างหลักฐานที่แน่นอน(เศาะเฮียะ) 
.อัลญะซาอิรีย์ (ร.ฮ)ได้กล่าวไว้ใน เตาญีฮุลนัซริ " 235 ว่า "
الحديث المقبول إذا عارضه حديث غير مقبول أخذ بالمقبول وترك الآخر، إذ لا حكم للضعيف مع القوي. انتهى.
หะดิษที่ถูกยอมรับ เมื่อค้านกับหะดิษ ที่ไม่ได้รับการยอมรับ ก็เอาสิ่งที่ถูกยอมรับและละทิ้งอันอื่น (หมายถึงทิ้งหะดิษที่ไม่ถูกยอมรับ) เพราะไม่มีหุกุม สำหรับ(การปฏิบัติ)ทัศนะเฎาะอีฟ(อ่อน) พร้อมกับทัศนะที่แข็งแรง -ตะฮซีบ อุศูลิลฟิกฮ อะลามันฮัจญอะฮลิลหะดิษ หน้า 60
......
เพราะฉะนั้น เมื่อหะดิษเฎาะอีฟ ขัดแย้งหรือค้าน กับหะดิษเศาะเฮียะ ก็ให้เอาหะดิษเศาะเฮียะและทิ้งหะดิษเฎาะอีฟ 
ในขณะเดียวกัน ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น บรรดาสะลัฟ ปฏิบัติด้วยหะดิษที่มีน้ำหนักและทิ้งทัศนะที่อ่อน
แต่ถ้ายึดทัศนะที่มีน้ำหนักแต่ ปกป้องทัศนะที่อ่อน แบบนี้คงจะมีปัญหาไม่รู้จักจบ
อะสัน หมัดอะดั้ม
4/9/62

 à¹„ม่มีคำอธิบายรูปภาพ

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562

อย่าเปิดช่องและส่งท่อน้ำเลี้ยง ไปสู่การอุตริบิดอะฮ



อย่าเปิดช่องและส่งท่อน้ำเลี้ยง ไปสู่การอุตริบิดอะฮ
บิดอะฮเล็กน้อย บิดอะฮเห็นต่าง บิดอะฮเรา ซุนนะฮเขา วาทกรรมเหล่านี้คือ การผ่อนปรน เปิดช่องทางให้สังคมเป็นข้ออ้างในการทำบิดอะฮ
เมื่อหะดิษเศาะเฮียะและหะดิษเฎาะอีฟ ก็ควรชี้นำให้ปฏิบัติตามหะดิษเศาะเฮียะ เมื่อมีทัศนะแข็ง และทัศนะอ่อน ก็ควรชี้นำ ให้ปฏิบัติตามทัศนะแข็งหรือทัศนะที่มีน้ำหนักกว่า ไม่ควรใช้วาทกรรมโลกสวย ที่เปิดช่องโหว่และเปิดท่อน้ำเลี้ยงให้ผู้คนทำสิ่งที่เป็นบิดอะฮ
ชัยค์อัลบานีย์(ร.ฮ)ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหะดิษอิบนุมัสอูด ที่เขาเข้ามัสยิด แล้วเห็น คนกลุ่มหนึ่ง รอคอยที่จะ ละหมาดญะมาอะฮ แล้วพวกเขากำหนดให้มีการตักบีร ,การตัสเบียะและการตะฮลีล อย่างละ 100 ครั้ง โดยทำเป็นหมู่คณะ ในขณะที่รอละหมาด พอมีคนไปเตือน พวกเขาก็อ้างว่าเป็นการทำดี ดังหะดิษตอนหนึ่งว่า
قالوا : والله يا أبا عبد الرحمن ، ما أردنا إلا الخير
พวกเขากล่าวว่า "ขอสาบานด้วยนามอัลลอฮ โอ้อบูอับดุรเราะหมาน(หมายถึงอิบนุมัสอูด) เราไม่มีจุดประสงค์อื่นใดนอกจากความดี
(แล้วอิบนุมัสอูด (ร.ฎ)กล่าวว่า)
وكم من مريد للخير لن يصيبه 
สักเท่าไหร่แล้ว ผู้ที่ต้องการให้ได้รับความดี (ผลบุญ) เขากลับไม่ได้รับมัน (คือทำแล้วไม่ได้บุญ )
ชัยค์อัลบานีย์ได้อธิบายว่า
. ومن الفوائد التي تؤخذ من الحديث والقصة ؛ أن العبرة ليست بكثرة العبادة، وإنما بكونها على السنة بعيدة عن البدعة وقد أشار إلى هذا ابن مسعود رضي الله عنه بقوله أيضا : اقتصاد في سنة خير من اجتهاد في بدعة . ومنها أن البدعة الصغيرة بريد إلى البدعة الكبيرة
ส่วนหนึ่งจากประโยชน์ที่ถูกเอามาจากหะดิษและเรื่องราวนี้คือ แท้จริงข้อพิจารณา มันไม่ใช่ด้วยการปฏิบัติอิบาดะฮเป็นจำนวนมาก และความจริง มันอยู่บนการปฏิบัติตามสุนนะฮ ห่างใกลจากบิดอะฮ และแท้จริง อิบนุมัสอูด (ร.ฎ) ได้บ่งชี้ ในเรื่องนี้ ด้วย คำพูดของเขาอีกเช่นกันที่ว่า "พอเพียงอยู่ในสุนนะฮ ดีกว่าเพียรพยายามในบิดอะฮ 
และส่วนหนึ่งจากมัน(จากประโยชน์หรือบทเรียนจากหะดิษ) คือ แท้จริงบิดอะฮเล็กน้อย คือตัวนำไปสู่บิดอะฮใหญ่ - อัสสิสิลละฮ อัศเศาะฮีหะฮ 5/13-14
............
เพราะฉะนั้น คนที่มีหัวใจปกป้องสุนนะฮ และระวังบิดอะฮแพร่ระบาดสู่สังคม เขาจะไม่หาทางผลิตวาทกรรมโลกสวยเพื่อเปิดช่องให้ผู้คนทำบิดอะฮและเห็นดีเห็นงามกับมัน บิดอะฮเล็กน้อย มันจะนำส่งไปสู่บิดอะฮใหญ่ได้
อะสัน หมัดอะดั้ม
3/9/62

เอกสารอ้างอิง
 à¹„ม่มีคำอธิบายรูปภาพ