
อิหม่ามทั้งสี่ห้ามตามแบบหูหนวกตาบอด(تقليد الاعمى )
ราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน
6 ชม.
ท่ามมาลิกี เกิดปีฮศ.93 เสียชีวิตปี179..เจ้าของหนังสือที่มีชื่อเสียงดังมากคือ อัลมุวัฏเฎา ะ ท่านเป็นชาวมาดีนะและได้รับความรู้จากตาบีอีนโดยตรง ซึ่งไม่เหมือนกับท่านฮานะฟีที่เป็นชาวกุฟะ ท่านได้รับฮาดสน้อยกว่าท่านมาลิกี และท่านมาลีกีนี้ เป็นผู้ที่เข้มงวดในการปฏิบัติตามกีตาบุลลอฮ์และซุนนะบีมาก.
ท่านชาฟีอี.เกิดปีฮศ.150 เสียชีวิตปีฮศ.204..เป็นคนที่มีความจำเก่งและฉลาดท่านเก่งในด้านฟิกฮ์มากและเคร่งในกีตาบุลลอฮ์และสนับสนุนซุนนะในซุนนะ(นาซิรซุนนะ)
ท่านฮัมบาลี เกิดปี164 เสียชีวิตปีฮศ.214 เจ้าของหนังสืออัลมุสุนัดเป็นผู้ที่เคร่งในซุนนะและต่อต้านบิดอะที่หลงผิด
สรุป มัสหับต่างที่กล่าวมานั้น
ล้วนยึดถือตามคัมภีร์ของอัลลออ์เล่มเดียวกันและแบบฉบับบรอซุ้ลลัลลออ์คนเดียวกัน....
มีอะกีดะเดียวกัน ยอมรับในชารีอัตของท่านนะบี เหมือนกันและมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันและหลักอีบาดะเดียวกัน
ฉนั้นเป็นไปได้หรือว่า ท่านอีหม่ามทั้ง4 และคนรุ่นก่อนๆจะนำสิ่งที่ไม่มีแบบอย่างมาก่อนมาถ่ายทอดหรือยัดเยียด...สิ่งที่วะฮาบีย์เข้าใจว่า การมีมัสหับนั้น เป็นการกระทำที่เป็นบิดอะในสายตาเขา....
ซึ่งวะฮาบีย์อ้างว่าไม่จำเป็นต้องมีมัสหับ..เลยทำให้เขาไม่รับอุลามะบางคนที่เห็นว่าขัดแย้งกับทัศนะของเขา
@@@@@
ชี้แจง
ข้างต้นผู้ใช้นามแฝงว่า ราชสีห์ นำเอาปีเกิดของอิหม่ามทั้งสี่มาพิมพ์แล้วชงเรื่องโจมตีวะฮบีย์ ว่า "วะฮาบีย์อ้างว่าไม่จำเป็นต้องมีมัสหับ..เลยทำให้เขาไม่รับอุลามะบางคนที่เห็นว่าขัดแย้งกับทัศนะของเขา"
...
ขอบอกว่า
ข้างต้นคุณนั่งเทียนระบายความรู้สึกของคุณที่อคติต่อคนที่ถูกเรียกวะฮบีย์ ตามอารมณ์ ทั้งนี้เพราะ
1. ไม่มีอิหม่ามมัซฮับท่านใดสอนให้ยึดติดกับทัศนะของพวกเขาแม้แต่คนเดียว แต่พวกเขาสอนให้ปฏิบัติตามอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ โดยให้ละทิ้งทัศนะใดๆที่ขัดแย้งกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ เช่น
1.1 อบูหะนีฟะฮ (ฮ.ศ 80-150) กล่าวว่า
لا يحل لأحد أن يأخذ بقولنا ما لم يعلم من أين أخذناه
ไม่หะลาลให้คนหนึ่งคนใด เอาทัศนะของเรา ตราบใดที่เขาไม่รู้ว่าเราเอามาจากใหน - ดู หาชียะฮอิบนุอาบิดี อะลาบะหริอัรรอิก เล่ม 6 หน้า 293
وفي رواية : »حرام على مَن لم يعرف دليلي أن يُفتي بكلامي
และในอีกรายงานหนึ่ง: “เป็นที่ต้องห้ามแก่ผู้ที่ไม่รู้จักหลักฐานของฉัน ในการที่เขาจะเอาคำพูดของฉันไปชี้ขาด
1.2 มาลิก บิน อะนัส (ฮ.ศ 93-179) กล่าวว่า
أَخْبَرَنَا عَبْدُ اللَّهِ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ عَبْدِ الْمُؤْمِنِ ، نا أَبُو عَبْدِ اللَّهِ مُحَمَّدُ بْنُ أَحْمَدَ الْقَاضِي الْمَالِكِيُّ , نا مُوسَى بْنُ إِسْحَاقَ ، نا إِبْرَاهِيمُ بْنُ الْمُنْذِرِ ، نا مَعْنُ بْنُ عِيسَى ، قَالَ : سَمِعْتُ مَالِكَ بْنَ أَنَسٍ ، يَقُولُ : " إِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ ، أُخْطِئُ وَأُصِيبُ ، فَانْظُرُوا فِي رَأْيِي ، فَكُلَّمَا وَافَقَ الْكِتَابَ وَالسُّنَّةَ فَخُذُوا بِهِ , وَكُلَّمَا لَمْ يُوَافِقِ الْكِتَابَ وَالسُّنَّةَ , فَاتْرُكُوهُ
คำแปลตัวบท
แท้จริง ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง มีผิด มีถูก ดังนั้นพวกท่านจงพิจารณา ในความเห็นของข้าพเจ้า แล้วทุกสิ่งที่สอดคล้องกับ อัล-กิตาบ(อัลกุรอ่าน)และอัสสุนนะฮ ก็จงเอามัน และทุกสิ่งที่ ไม่สอดคล้องกับอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ ก็จงทิ้งมันเสีย - ญามิอุบะยานอิลมิ วะฟัฎลิฮ เล่ม 2 หน้า 32 หมายเลข 891
1.3 มุหัมหมัด บิน อิดริส อัชชาฟิอี (ฮ.ศ 150-204) กล่าวว่า
وَأَخْبَرَنَا أَبُو عَبْدِ اللَّهِ الْحَافِظُ ، قَالَ : حَدَّثَنَا أَبُو الْعَبَّاسِ ، قَالَ : سَمِعْتُ الرَّبِيعَ بْنَ سُلَيْمَانَ ، يَقُولُ : سَمِعْتُ الشَّافِعِيَّ ، يَقُولُ : " إِذَا وَجَدْتُمْ فِي كِتَابِي خِلافَ سُنَّةِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقُولُوا بِسُنَّةِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَدَعُوا مَا قُلْتُ "
คำแปลตัวบท
ความว่า "เมื่อพวกท่านพบในตำราของฉันแตกต่างกับสุนนะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ดังนั้นพวกท่านจงปฏิบัติตาม สุนนะฮฺของรสูลุลลอฮฺเถิด และจงทิ้งสิ่งที่ฉันพูด
- มะริฟะฮ สุนันวัลอะษาร ของ อัลบัยหะกีย หะดิษ หมายเลข ๑๐๙
1.4 อะหมัด บิน หัมบัล (ฮ.ศ 164-241)
อิบนุกอ็ยยิม(ร.ฮ)รายงานคำพูดอิหม่ามอะหมัดว่า
وَقَدْ فَرَّقَ أَحْمَدُ بَيْنَ التَّقْلِيدِ وَالِاتِّبَاعِ فَقَالَ أَبُو دَاوُد : سَمِعَتْهُ يَقُولُ : الِاتِّبَاعُ أَنْ يَتْبَعَ الرَّجُلُ مَا جَاءَ عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَعَنْ أَصْحَابِهِ ، ثُمَّ هُوَ مِنْ بَعْدُ فِي التَّابِعِينَ مُخَيَّرٌ ، وَقَالَ أَيْضًا : لَا تُقَلِّدْنِي وَلَا تُقَلِّدْ مَالِكًا وَلَا الثَّوْرِيَّ وَلَا الْأَوْزَاعِيَّ ، وَخُذْ مِنْ حَيْثُ أَخَذُوا
และความจริง อิหม่ามอะหมัด ได้แบ่งแยกระหว่าง การตักลิด(การเชื่อตาม)และ การอิตติบาอฺ(การเจริญรอยตาม) โดยที่ท่านอบูดาวูดได้กล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้ยินเขา(อะหมัด)กล่าวว่า "อัลอิตติบาอฺ คือ การที่คนนั้น เขาได้ตามสิ่งที่มาจากท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และจากบรรดาสาวกของท่าน หลังจากนั้น คือ ผู้ที่อยู่สมัยหลังจากนั้น ในการตามนั้น ให้มีทางเลือก และเขา(อะหมัด)ได้กล่าวไว้อีกว่า"อย่าตักลีดตามข้าพเจ้า,อย่าตักลิดตามมาลิก,อย่าตักลิดตามอัษเษารีย์และอย่าตักลิดตามอัลเอาซาอีย์ และให้เอา ตามที่พวกเขาเอามา -อะอฺลามุลมุวักกิอีน เล่ม 1 หน้า 139 และ รายงานโดยอบูดาวูด ในมะสาอิลอิหม่ามอะหมัด หน้า 276-277
..................
ข้างต้น คือการห้ามตักลิด(เชื่อตาม)แบบหูหนวกตาบอด ของบรรดาอิหม่ามทั้งสี่ ไม่ใช่เป็นวาทกรรมของวะฮบีย์ และไม่มีแม้แต่อักษรเดียวที่อิหม่ามสี สอนให้สังกัดมัซฮับผูกขาดด้วยมัซฮับหนึ่งมัซฮับใดเป็นเฉพาะแม้แต่อักษรเดียว แต...นักตักลิดมัซฮับมโนว่า คำพูดข้างต้นคือ การถ่อมตนและเป็นการสอนเฉพาะศิษย์ระดับมุจญตะฮิด เพื่อเป็นข้ออ้างว่าต้องสังกัดมัซฮับสำหรับคนอาวาม จะรักษาความเป็นคนอาวามตลอดชาติหรือไง ใครสอน?
อิบนุเราะญับ(ร.ฮ) กล่าวว่า
الواجب على كل من بلغه أمر الرسول صلى الله عليه وسلم وعرفه أن يبينه للأمة وينصح لهم ويأمرهم باتباع أمره وإن خالف ذلك رأي عظيم من الأمة فإن أمر رسول الله صلى الله عليه وسلم أحق أن يعظم ويقتدى به من رأى أي معظم قد خالف أمره في بعض الأشياء خطأ ومن هنا رد الصحابة ومن بعدهم على كل مخالف سنة صحيحة وربما أغلظوا في الرد لا بغضا له بل هو محبوب عندهم
วาญิบ แก่ทุกๆผู้ที่คำสั่งของรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ ได้ถึงมายังเขา และเขารู้จักมัน ให้เขาอธิบายมันแก่อุมมะฮ ,ตักเตือนและสั่งพวกเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งของท่านนบี และถ้าดังกล่าวนั้น (หมายถึง คำสั่งนบี) ขัดแย้งกับความเห็นของคนสำคัญคนใดจากอุมมะฮนี้ ดังนั้น คำสั่งของรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ สมควรที่จะให้ความสำคัญ และปฏิบัติตาม ด้วยมันยิ่งกว่าความเห็นของบุคคลสำคัญคนใด ทีขัดแย้งคำสั่งของท่านนบี ในบางสิ่ง เพราะความผิดพลาด และด้วยเหตุนี้ บรรดาเศาะหาบะฮ และผู้ที่อยู่ในยุคหลังพวกเขา ต่อต้านทุกๆผู้ที่ขัดแย้งกับสุนนะฮที่เศาะเฮียะ และบางครั้ง พวกเขาใช้คำพูดหยาบคายในการต่อต้าน ไม่ใช่เพราะความโกรธเขาผู้นั้น แต่ทว่า เขาคือผู้เป็นทีรัก ในทัศนะของพวกเขา (คือเตือนเพราะรัก ไม่ใช่เพราะโกรธ) - ดู มัจญมัวะเราะสาอีล อิบนุเราะญับ อัลหัมบะลี เล่ม 1 หน้า 245

จากคำพูดของอิบนุเราะญับสรุปได้ดังนี้
หนึ่ง –วาญิบแก่ผู้รู้ที่ได้รับรู้คำสั่งหรือสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ ให้ชี้แจงและตักเตือนชาวบ้านให้ปฏิบัติตาม
สอง – คำสั่งของนบี ศอ็ลฯ หรือสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ ย่อมมีความ
สำคัญกว่าความเห็นของบุคคลไม่ว่าจะสำคัญแค่ใหนก็ตาม
สาม - เหล่าเศาะหาบะฮและปราชญยุคหลังจากพวกเขา ต่อต้านผู้ที่ขัดแย้งกับอัสสุนนะฮที่มาจากรายงานที่เศาะเฮียะ
.............
คนที่ถูกท่านฉายาให้เป็นวะฮบีย์ เขาไม่ต่อต้านการสังกัดมัซฮับ แต่เขาต่อต้านการยึดกับมัซฮับและตามแบบหูหนวกตาบอดต่างหากครับ บาบอ ราชสีห์
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
1/7/60
ا
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น