วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

วาทะกรรมการจ่ายซะกาตด้วยข้าวสารเป็นข้ออ้างทำในสิ่งที่นบีไม่ทำ


ในภาพอาจจะมี ข้อความ


วาทะกรรมการจ่ายซะกาตด้วยข้าวสารเป็นการกิยาสเพื่อเป็นข้ออ้างทำในสิ่งที่นบีไม่ทำ
Insan Berguna · มีเพื่อนร่วมกัน 21 คน
อุลามาอ์อิจตีหาดว่า วาญิบออกซากาตด้วยสิ่งที่ทำให้อิ่ม(อาหารหลัก)ของประเทศนั้นๆ เช่น ข้าวสาร ในประเทศไทย
ทั้งๆตัวบทที่ซอเหี้ยะไม่ได้บอกระบุว่าข้าวหรืออื่นๆ
นี่แหละคือบางส่วนอีบาดัตที่ปราชน์มุจตาฮิดทำการอิจตีหาด
ถ้าจะเอาตรงๆตามนบี วะบีต้องจ่ายซากาตกับอินทะผลัมหรือแป้ง ทำไมคุณวาบีไม่ตามนบีค่ะ แค่สงสัย??
@@@
ชี้แจง
อะฮลุลบิดอะฮ พยายามที่จะเอาข้ออ้างเรื่องการจ่ายซะกาตฟิตเราะฮข้าวสารมาเป็นข้ออ้างทำในสิ่งที่นบีไม่ทำ โดยอ้างว่า นี่คือการกิยาส เพราะนบีไม่ได้จ่ายข้าวสาร แต่จ่าย สิ่งอื่น จากหะดิษที่ว่า
عَنِ ابْنِ عُمَرَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُمَا قَالَ : فَرَضَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ زَكَاةَ الْفِطْرِ صَاعًا مِنْ تَمْرٍ، أَوْ صَاعًا مِنْ شَعِيْرٍ، عَلَى الْعَبْدِ وَالْحُرِّ، وَالذَّكَرِ وَالأُنْثٰى، وَالصَّغِيرِ وَالْكَبِيرِ مِنَ الْمُسْلِمِينَ، وَأَمَرَ بِهَا أَنْ تُؤَدَّى قَبْلَ خُرُوجِ النَّاسِ إِلَى الصَّلاَةِ. (البخاري رقم 1407)
ความว่า จากอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา เล่าว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม" ได้กำหนดให้บรรดามุสลิมต้องจ่ายซะกาตฟิฏเราะฮฺด้วยอินทผลัมแห้งหรือข้าวสาลีจำนวนหนึ่งศออฺ(2.8ก.ก.) ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นเสรีชนหรือเป็นทาส ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เด็กและคนแก่ ในหมู่คนที่เป็นมุสลิม(ทุกคนต้องจ่ายซะกาตฟิฏเราะฮฺทั้งสิ้น) ท่านได้สั่งให้จ่ายมันก่อนออกไปละหมาดในเช้าวันอีด ( หะดิษเศาะเฮียะฮฺ บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดิษเลขที่ 1407)
และอีกรายงานหนึ่ง หะดีษจากอับดุลลอฮฺ บิน อุมัร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา ที่มีปรากฏในบันทึกของอัล-บุคอรีย์และมุสลิมว่า
فَرَضَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمْ زَكَاةَ الفِطْرِ صَاعًا مِنْ تَمْرٍ أَو صَاعًا مِنْ بُرٍّ أَو صَاعًا مِنْ شَعِيْرٍ (وفي رواية : أَوْ صَاعاً مِنْ أَقِطٍ) عَلَى الصَّغِيْرِ وَالكَبِيْرِ مِنَ المُسْلِمِيْنَ.
ความว่า “ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กำหนดบัญญัติให้ออกซะกาตฟิฏเราะฮฺหนึ่งศออฺ(กันตัง)ด้วยลูกอินทผลัม หรือหนึ่งศออฺ(กันตัง)ด้วยแป้งสาลีละเอียด หรือหนึ่งศออฺ(กันตัง)ด้วยแป้งสาลีหยาบ (ในรายงานหนึ่งระบุว่า หรือหนึ่งศออฺ(กันตัง)ด้วยนมแข็ง) เหนือมุสลิมทั้งคนแก่และเด็ก”
...........
ความจริง เป้าหมมายของหะดิษ คือการจ่ายอาหารหลักที่ประชาชนรับประทาน ซึ่งประเทศใดใช้สิ่งใดเป็นอาหารหลัก ก็จ่ายสิ่งนั้น ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเรื่อง การทำบิดอะฮ ที่นักทำบิดอะฮในเรื่องอิบาดะฮ เอามาเป็นข้ออ้างว่า สามารถทำในสิ่งที่นบีไม่ทำได้ และเข้าใจว่าเป็นหลักฐานเด็ดในการอ้างทำบิดอะฮ -นะอูซุบิลละฮ
عَنْ أَبِي سَعِيدٍ الْخُدْرِيِّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : ( كُنَّا نُخْرِجُ فِي عَهْدِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَوْمَ الْفِطْرِ صَاعًا مِنْ طَعَامٍ . وَقَالَ أَبُو سَعِيدٍ : وَكَانَ طَعَامَنَا الشَّعِيرُ وَالزَّبِيبُ وَالْأَقِطُ وَالتَّمْرُ
รายงานจากสะอีด อัลคุดรีย์ (ร.ฎ) กล่าวว่า พวกเราได้จ่าย ในสมัยรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ หนึ่งศออฺจากอาหาร อบูสะอีดกล่าวว่า "และปรากฏว่าอาหารของพวกเรา คือ ข้าวสาลี , ,ลูกเกด ,เนยแข็ง และอินทผลัม -รายงานโดยบุคอรี(1510)และมุสลิม(985)
......
คำว่า "อาหารของเรา"มันชัดเจนว่า เป้าหมายหลักคือการจ่ายอาหารหลักของประชาชน เพราะฉะนั้นการจ่ายข้าวสาร ไม่ใช่เป็นการทำอิบาดะฮที่นบีไม่ทำ ไม่ใช่การอุตริบิดอะฮ แล้วเอามาอ้างว่า อิบาดะฮที่นบีไม่ทำก็ทำได้ เพราะเป็นอิบาดะฮได้มาจากการกิยาส -วัลอิยาซุบิลละฮ
การอุตริบิดอะฮคือ การประดิษฐ์รูปแบบอิบาดะฮขึ้นให่ม่ เลียนแบบศาสนบัญญัติ
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์กล่าวว่า
البدعة: طريقة في الدين مخترعة، تضاهي الشرعية، يقصد بالسلوك عليها ما يقصد بالطريقة الشرعية
บิดอะฮคือ แนวทางในเรื่อง ศาสนา ซึ่งถูกอุตริขึ้นมาใหม่ เลียนแบบศาสนบัญญัติ โดยมีจุดมุ่งหมายในการปฏิบัติ เหมือนกับจุดมุ่งหมายตามแนวทางศาสนบัญญัติ – ดูอัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 37
....
การจ่ายซะกาตฟิตเราะฮด้วยข้าวสาร ไม่ใช่การกำหนดแนวทางในศาสนาขึ้นใหม่ ที่จะเป็นช่องทางให้พวกอะฮลุลบิดอะฮเอามาอ้าง เพื่อทำในสิ่งที่นบีไม่ทำโดยอ้างว่าดี หรืออ้างว่าบิดอะฮหะสะนะฮ
อิบนุตัยมียะฮ(ร.ฮ)กล่าวว่า
فَإِنَّ الْأَصْلَ فِي الصَّدَقَاتِ أَنَّهَا تَجِبُ عَلَى وَجْهِ الْمُواساة لِلْفُقَرَاءِ ، كَمَا قَالَ تَعَالَى : (مِنْ أَوْسَطِ مَا تُطْعِمُونَ أَهْلِيكُمْ) ، وَالنَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَرَضَ زَكَاةَ الْفِطْرِ صَاعًا مِنْ تَمْرٍ أَوْ صَاعًا مِنْ شَعِيرٍ ؛ لِأَنَّ هَذَا كَانَ قُوتَ أَهْلِ الْمَدِينَةِ ، وَلَوْ كَانَ هَذَا لَيْسَ قُوتَهُمْ بَلْ يَقْتَاتُونَ غَيْرَهُ لَمْ يُكَلِّفْهُمْ أَنْ يُخْرِجُوا مِمَّا لَا يَقْتَاتُونَهُ ، كَمَا لَمْ يَأْمُرِ اللَّهُ بِذَلِكَ فِي الْكَفَّارَاتِ
แท้จริง หลักเดิมในเรื่อง บรรดาเศาะดะเกาะฮนั้น แท้จริงวาญิบ บนเหตุผลของการ ให้ความร่ำรวยแก่บรรดาคนยากจน ดังที่อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า( จากอาหารปานกลาง ของสิ่งที่พวกเจ้าให้เป็นอาหารแก่ครอบครัวของพวกเจ้า ) และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กำหนดบัญญัติให้ออกซะกาตฟิฏเราะฮฺหนึ่งศออฺ(กันตัง)ด้วยลูกอินทผลัม หรือหนึ่งศออฺ(กันตัง)ด้วยแป้งสาลี เพราะว่า นี่คือ อาหารหลักของชาวมะดีนะฮ และถ้าสิ่งนี้ไม่ใช่ อาหารหลักของพวกเขา แต่ พวกเขาใช้อาหารหลักอื่นจากมัน แน่นอน ท่านนบีก็จะไม่บังคับพวกเขาให้จ่ายสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ใช้มันเป็นอาหารหลัก ดังที่อัลลอฮ ได้สั่งด้วยดังกล่าวนั้น ในบรรดาการจ่ายกัฟฟาเราะฮ - ดูมัจญมัวะฟะตาวา เล่ม 25 หน้า 68
.........
เพราะฉะนั้น การจ่ายฟิตเราะฮด้วยอาหารหลักของประเทศใดๆที่ไม่มีในสมัยนบี ไม่ได้อยู่ในประเด็นที่มาอ้างว่า สามารถกำหนดอิบาดะฮโดยความคิดเห็นได้
ท่านอิบนุกะษีรฺ ได้กล่าวอธิบายในหนังสือ “ตัฟซีรฺ อิบนุกะษีรฺ” เล่มที่ 4 หน้า 276 ว่า
وَبَابُ الْقُرَبَاتِ يُقْتَصَرُ فِيْهِ عَلَى النُّصُوْصِ، وَلاَ يُتَصَرَّفُ فِيْهِ بِأَنْوَاعِ اْلأَقْيِسَةِ وَاْلآرَاءِ
“และในเรื่องของ อัลกุรบาต(เรื่องการแสดงความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์) จะถูก “จำกัดตามตัวบท” เท่านั้น จะไปแปรเปลี่ยนมันตามการอนุมานเปรียบเทียบต่างๆ(กิยาส)หรือแนวคิดต่างๆไม่ได้”
อิหม่ามนะสะฟีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ
لا مدخل للرأي في معرفة ما هو طاعة الله ولهذا لا يجوز إثبات أصل العبادة بالرأي
ไม่มีช่องทางสำหรับความคิดเห็น ในการรู้จัก สิ่งที่มันคือ การภักดีต่ออัลลอฮ และเพราะเหตุนี้ ไม่อนุญาตให้ยืนยันรากฐานอิบาดะฮ ด้วยความเห็น – ดู กัชฟุลอัสรอร เล่ม 2 หน้า 210
อิหม่ามอัลอัยนีย์กล่าวว่า
لأن التكليف عند أهل الحق لا يثبت إلا بالشرع
เพราะแท้จริง การบังคับใช้นั้น ในทัศนะของผู้ที่อยู่บนความถูกต้องนั้น มันจะไม่ถูกรับรอง นอกจากด้วยศาสนบัญญัติ
- ดู อัมดะตุลกอรี ชัรหเศาะเฮียะอัลบุคอรี ของอัลอัยนีย์ เล่ม 1 หน้า 299
.............
เพราะฉะนั้น การใช้ความเห็นกำหนดอิบาดะฮขึ้นมาใหม่ เป็นสิ่งที่ไม่อนุญาต เพราะมันคือบิดอะฮ และการจ่ายซะกาตฟิตเราะฮ ด้วยอาหารมีตัวบทชัดเจนและไม่ได้ถูกจำกัดว่าต้องเป็นชนิดที่ท่านบีรับประทาน อย่างที่บางคนเข้าใจแล้วเอามาเป็นข้ออ้างว่า "ทำอิบาดะฮในสิ่งนบีไม่ทำก็ทำได้" จนกลายเป็นวาทกรรมเด็ดในหมู่นักอนุรักษ์บิดอะฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
22/7/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น