
เมื่อราชสีห์นั่งเทียนอธิบายอะกีดะฮกล่าวหาวะฮบีย์
ราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน
6 ชม.
อุลามาอ์ทั้งโลกจากอดีตกาลจวบปัจจุบัน เค้าอิสบาตสิฟัต
ส่วนวะบีจะอิสบาตอวัยวะ แต่จะพ่วงท้ายด้วยไม่เหมือนมัคลูก
อุลามาอ์สลัฟบอกว่า อัลลอฮมี "สิฟัตยะดุน"
ไม่ได้บอกว่า อัลลอฮมี "มือจริงๆ" เหมือนอย่างวะบีได้มโนแต่อย่างใด
เพราะถ้าอัลลอฮมีมือจริงๆ
มือจริงๆคือซาต คือสัดส่วน หรืออวัยวะ หาใช่สิฟัตแต่อย่างใด
ถึงจะต่อท้ายด้วยไม่เหมือนมัคลูกก้อเหอะ
มือจริงๆ คือซีฟัตตรงไหนครับ ท่านวะฮาบีย์ทั้งหลาย ? ? ?
อากีดะห์คลุมเครือแบบนี้ ยังจะดื้อรั้นอีกหรือ ? ? ?
อย่าเบื่อกับคำตักเตือนโดยเฉพาะเรื่องใหญ่ เรื่องอากีดะห์หลักศรัทธา
เรามาดูความหมายของคำว่า “ยะดุน” ในอัลกุรอ่านที่กลุ่มวะฮฺฮาบีคณะใหม่ชอบอ้างว่าคำนี้หมายถึงอัลลอฮฺทรงมีมือจริงๆ
ถ้อยคำศิฟัต “ยะดุน” เหล่าอุลามาอ์ในยุคสะลัฟศอลิห์ และค่อลัฟศอลืห์นั้น จะทำการยืนยันว่าเป็นศิฟัตของอัลลอฮฺ แค่สะลัฟไม่แปลเป็นภาษาอื่นจากอาหรับ เช่น แปลว่า “พระหัตถ์” เนื่องจาก “ยะดุน” ตามหลักภาษาอาหรับนั้น มีความหมายหลายนัย เช่น
1) มืออวัยวะตั้งแต่ขอบบรรดานิ้วไปยังฝ่ามือ(ซึ่งเป็นความหมายหะกีกีย์คำแท้ตามหลักภาษาอาหรับอันเป็นที่รู้กัน)
2) พลัง [اَلْقُوَّةُ]
3) เดชานุภาพ [اَلْقُدْرَةُ]
@@@@@@
6 ชม.
อุลามาอ์ทั้งโลกจากอดีตกาลจวบปัจจุบัน เค้าอิสบาตสิฟัต
ส่วนวะบีจะอิสบาตอวัยวะ แต่จะพ่วงท้ายด้วยไม่เหมือนมัคลูก
อุลามาอ์สลัฟบอกว่า อัลลอฮมี "สิฟัตยะดุน"
ไม่ได้บอกว่า อัลลอฮมี "มือจริงๆ" เหมือนอย่างวะบีได้มโนแต่อย่างใด
เพราะถ้าอัลลอฮมีมือจริงๆ
มือจริงๆคือซาต คือสัดส่วน หรืออวัยวะ หาใช่สิฟัตแต่อย่างใด
ถึงจะต่อท้ายด้วยไม่เหมือนมัคลูกก้อเหอะ
มือจริงๆ คือซีฟัตตรงไหนครับ ท่านวะฮาบีย์ทั้งหลาย ? ? ?
อากีดะห์คลุมเครือแบบนี้ ยังจะดื้อรั้นอีกหรือ ? ? ?
อย่าเบื่อกับคำตักเตือนโดยเฉพาะเรื่องใหญ่ เรื่องอากีดะห์หลักศรัทธา
เรามาดูความหมายของคำว่า “ยะดุน” ในอัลกุรอ่านที่กลุ่มวะฮฺฮาบีคณะใหม่ชอบอ้างว่าคำนี้หมายถึงอัลลอฮฺทรงมีมือจริงๆ
ถ้อยคำศิฟัต “ยะดุน” เหล่าอุลามาอ์ในยุคสะลัฟศอลิห์ และค่อลัฟศอลืห์นั้น จะทำการยืนยันว่าเป็นศิฟัตของอัลลอฮฺ แค่สะลัฟไม่แปลเป็นภาษาอื่นจากอาหรับ เช่น แปลว่า “พระหัตถ์” เนื่องจาก “ยะดุน” ตามหลักภาษาอาหรับนั้น มีความหมายหลายนัย เช่น
1) มืออวัยวะตั้งแต่ขอบบรรดานิ้วไปยังฝ่ามือ(ซึ่งเป็นความหมายหะกีกีย์คำแท้ตามหลักภาษาอาหรับอันเป็นที่รู้กัน)
2) พลัง [اَلْقُوَّةُ]
3) เดชานุภาพ [اَلْقُدْرَةُ]
@@@@@@
ชี้แจง
ข้างต้นผู้ใช้นามแฝงว่า ราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน นั่งเทียนเขียนวิจารณ์อะกีดะฮวะฮบีย์ โดยใช้ความเห็นและตรรกทางปัญญาของตน มโนและจินตนาการว่า ถ้ายืนยันสิฟัตยัด(พระหัตถ์)ตามความหมายที่มีมาตามตัวบท ถือเป็นการให้อวัยะวะแก่อัลลอฮ นี่คือมุชับบะฮะฮ(ผู้ที่เปรียบอัลลอฮกับมัคลูค)ตัวจริงเสียงจริง ทั้งๆที่คุณลักษณะนี้อัลลอฮเป็นผู้บอกเองและได้ยืนยัน โดยตรัสว่า
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ
ความว่า "ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น" (ซูเราะฮฺ อัชชูรอ : 11)
การยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮตามที่อัลลอฮและนบีของพระองค์บอก ปราชญยุคสะลัฟไม่ถือว่าเป็นการตัชบีฮหรือการเปรียบอัลลอฮกับมัคลูค ดังที่ท่านอิสหาก บิน รอฮะวียะฮ (ฮ.ศ 163-238) กล่าวว่า
การยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮตามที่อัลลอฮและนบีของพระองค์บอก ปราชญยุคสะลัฟไม่ถือว่าเป็นการตัชบีฮหรือการเปรียบอัลลอฮกับมัคลูค ดังที่ท่านอิสหาก บิน รอฮะวียะฮ (ฮ.ศ 163-238) กล่าวว่า
وأما إذا قال كما قال الله تعالى يد وسمع وبصر ولا يقول كيف ولا يقول مثل سمع ولا كسمع فهذا لا يكون تشبيها وهو كما قال الله تعالى في كتابه ليس كمثله شيء وهو السميع البصير
แต่หากเป็นการกล่าวในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้แล้ว เช่น พระหัตถ์, ทรงได้ยิน, ทรงเห็น พร้อมกับไม่ถามว่ามันเป็นอย่างไรแบบไหน ตลอดจนไม่กล่าวว่าอัลลอฮฺได้ยินเหมือนกับฉันได้ยิน ดังนั้นแบบนี้ไม่เป็นการตัชบีฮฺต่ออัลลอฮฺตะอาลา พระองค์กล่าวไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ว่า ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนหรือคล้ายคลึงกับพระองค์แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น”
(หนังสือ สุนันอัตติรมิซีย์ เล่ม 3 หน้าที่ 50-51
(หนังสือ สุนันอัตติรมิซีย์ เล่ม 3 หน้าที่ 50-51
อัลฟาฟิซ อบูบักร อัลอิสมาอีลีย์ (ฮ.ศ ๓๗๑) กล่าวว่า
وخلق آدم عليه السلام بيده، ويداه مبسوطتان ينفق كيف يشاء، بلا اعتقاد كيف يداه، إذ لم ينطق كتاب الله تعالى فيه بكيف
และพระองค์ทรงสร้างอาดัม อะลัยฮิสสลาม ด้วยมือของพระองค์ และสองมือของพระองค์ ถูกแบออก ทรงประทาน(ความโปรดปรานแก่มัคลูค) ตามที่ทรงประสงค์ โดยไม่เอียะติกอด(เชื่อ)ว่า มือของพระองค์เป็นอย่างไร เพราะ ไม่ได้ถูกกล่าวเอาไว้ในคัมภีรของอัลลอฮ ตะอาลา ด้วยการอธิบายรูปแบบว่าเป็นอย่างไรในมัน – เอียะติกอด อะอิมมะติลหะดิษ หน้า 37

......
การแปลความหมายตามตัวบทว่ามือ โดยไม่เชื่อว่ามือนั้นเป็นอย่างไร เพราะอัลลอฮไม่ได้บอกไว้ ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะ หรือไม่เป็น ก็ไม่ได้ทรงระบุไว้ จึงไม่มีใครที่เข้าใจอะกีดะฮ จินตนาการถึงรูปแบบสิฟัตว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้
อบูอุษมาน อัศเศาะบูนีย์ อัชชะฟีอีย์ (ฮ.ศ 449) นักปราชญ์ ที่เกือบจะทันยุคสลัฟ กล่าวว่า
ولا يعتقدون تشبيها لصفاته بصفات خلقه، فيقولون: إنه خلق آدم بيديه، كما نص سبحانه عليه في قوله –عز من قائل- {قَالَ يَا إِبْلِيسُ مَا مَنَعَكَ أَنْ تَسْجُدَ لِمَا خَلَقْتُ بِيَدَيَّ } [ص : 75].
และพวกเขา(อะฮลุลหะดิษ)ไม่เชื่อว่า เป็นการตัชบีฮ(การเปรียบเทียบว่า)บรรดาสิฟัตของพระองค์ คล้ายคลึงกับมัคลูคของพระองค์ โดยพวกเขากล่าวว่า แท้จริงพระองค์ทรงสร้าง อาดัม ด้วยสองมือของพระองค์ ดังที่อัลลอฮ(ซ.บ)ได้ตรัสเป็นตัวบทไว้ในคำตรัสของพระองค์ (อิบลีสเอ๋ย อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยมือทั้งสอง ของข้า ? ศอด/75 – ดู อะกีดะตุสลัฟ อัศหาบุลหะดิษ ของอัศศอบูนีย์ หน้า 37 ตรวจทาน โดย อบุลยะมีน อันมันศูรีย์ และหน้า 161-162 ตรวจทานโดย นาศีร อัลญะเดียะ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
จากคำอธิบายของ อบูอุษมาน อัศศอบูนีย์ข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า การที่กล่าวว่า “อัลลอฮ สร้างอาดัมด้วยสองมือของพระองค์” ตามที่อัลลอฮได้กล่าวเป็นตัวบทไว้ในอัลกุรอ่านนั้น ,บรรดาอะฮลุลหะดิษที่เป็นชาวสะลัฟ ไม่เชื่อว่า เป็นการนำอัลลอฮไปเปรียบกับมัคลูฮ
เรื่องนี้ได้ชี้แจงไปแล้วเป็นสิบๆครั้ง แต่ท่านราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน ไม่ยอมอ่าน ไม่ยอมเข้าใจ แล้วนั่งเทียนกล่าวหาและปรักปรำ คนที่แปลความหมายทางภาษาสิฟัตตามที่มีมา ว่า เป็นพวกให้อวัยวะแก่อัลลอฮ ในที่สุดการใช้ตรรกทางปัญญามานั่งเทียนกล่าวหาคนอื่นก็ทำให้ "ราชสีห์แสดงทาสแท้ออกมาเป็นมูสังแย้ว"ในที่สุด
เรื่องนี้ได้ชี้แจงไปแล้วเป็นสิบๆครั้ง แต่ท่านราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน ไม่ยอมอ่าน ไม่ยอมเข้าใจ แล้วนั่งเทียนกล่าวหาและปรักปรำ คนที่แปลความหมายทางภาษาสิฟัตตามที่มีมา ว่า เป็นพวกให้อวัยวะแก่อัลลอฮ ในที่สุดการใช้ตรรกทางปัญญามานั่งเทียนกล่าวหาคนอื่นก็ทำให้ "ราชสีห์แสดงทาสแท้ออกมาเป็นมูสังแย้ว"ในที่สุด
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
5/7/60
5/7/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น