อุมมะตุลวาฮิดะฮฉบับไม่แอบอ้าง
ไปนั่งอ่านบทความวิจารณ์ เรื่อง อุมมะตุลวาฮ โดยผู้มีแนวคิดอาชาอิเราะฮ(ปลอมไม่ใช่แนวทางอิหม่ามอาชาอิเราะฮแท้) คนหนึ่ง ในหน้าเพจ ตรงประเด็นสี่มัสหับ เพื่ออุมมาตุลวาฮีดะห์ โดยนั่งเทียนเขียน ไม่มีหลักฐานทางวิชาการแม้แต่อักษรเดียว แล้วรู้สึกอยากจะนำเสนอเรื่องอุมมะตุลวาฮิดะฮ ที่อ้างอิงหลักฐาน ที่เป็นของแท้ไม่แอบอ้าง ไม่ใช้ตรรกทางปัญญานั่งเทียนเขียน
عَنْ أَبِيْ نَجِيْحٍ العِرْبَاضِ بْنِ سَارِيَةٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ :
"وَعَظَنَا رَسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه وسلم مَوْعِظَةً وَجِلَتْ مِنْهَا القُلُوْبُ وَذَرَفَتْ مِنْهَا العُيُوْنُ . فَقُلْنَا يَا رَسُوْلَ اللهِ كَأَنَّهَا مَوْعِظَةُ مُوَدِّعٍ فَأَوْصِنَا ، قَالَ :
" اُوْصِيْكُمْ بِتَقْوَى اللهِ عَزَّ وَجَلَّ ، وَالسَّمْعِ وَالطَّاعَةِ وَإِنْ تَأَمَّرَ عَلَيْكُمْ عَبْدٌ ، فَإِنَّهُ مَنْ يَعِشْ مِنْكُمْ فَسَيَرَى اخْتِلَافاً كَثِيراً ، فَعَلَيْكُمْ بِسُنَّتِيْ وَسُنَّةِ الخُلَفَاءِ الرَّاشِدِيْنَ المَهْدِّيِّيْنَ عَضُّوْاعَلَيْهَا بِالنَّوَاجِذِ ، وَإِيَّاكُمْ وَمُحْدَثَاتِ الأمُوْرِ فَإِنَّ كُلَّ بِدْعَةٍ ضَلَالَةٌ "
رَوَاهُ أَبُوْ دَاودَ وَالتِّرْمِذِيُّ وَقَالَ : حَدِيْثٌ حَسَنٌ صَحِيْحٌ.
"وَعَظَنَا رَسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه وسلم مَوْعِظَةً وَجِلَتْ مِنْهَا القُلُوْبُ وَذَرَفَتْ مِنْهَا العُيُوْنُ . فَقُلْنَا يَا رَسُوْلَ اللهِ كَأَنَّهَا مَوْعِظَةُ مُوَدِّعٍ فَأَوْصِنَا ، قَالَ :
" اُوْصِيْكُمْ بِتَقْوَى اللهِ عَزَّ وَجَلَّ ، وَالسَّمْعِ وَالطَّاعَةِ وَإِنْ تَأَمَّرَ عَلَيْكُمْ عَبْدٌ ، فَإِنَّهُ مَنْ يَعِشْ مِنْكُمْ فَسَيَرَى اخْتِلَافاً كَثِيراً ، فَعَلَيْكُمْ بِسُنَّتِيْ وَسُنَّةِ الخُلَفَاءِ الرَّاشِدِيْنَ المَهْدِّيِّيْنَ عَضُّوْاعَلَيْهَا بِالنَّوَاجِذِ ، وَإِيَّاكُمْ وَمُحْدَثَاتِ الأمُوْرِ فَإِنَّ كُلَّ بِدْعَةٍ ضَلَالَةٌ "
رَوَاهُ أَبُوْ دَاودَ وَالتِّرْمِذِيُّ وَقَالَ : حَدِيْثٌ حَسَنٌ صَحِيْحٌ.
ความว่า: จากท่านอบู นะญีหฺ อัล-อิรบาฎฺ อิบนุ สาริยะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า: “ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศอ็ลฯ ได้ตักเตือนเราด้วยการตักเตือนหนึ่งที่ทำให้จิตใจหวาดหวั่น และน้ำตาเอ่อล้น แล้วพวกเราก็กล่าวว่า: “โอ้เราะสูลุลลอฮฺ ประหนึ่งว่ามันคือคำตักเตือนของผู้ที่
จะจากลา ดังนั้นท่านจงสั่งเสียให้แก่พวกเราเถิด” ท่านกล่าวว่า : “ฉันขอสั่งเสียพวกท่านให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺผู้ทรงเกียรติและสูงส่งยิ่ง และจงเชื่อฟังและปฏิบัติตาม ถึงแม้นว่าทาสคนหนึ่งจะปกครองท่านก็ตาม และหากผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านมีชีวิตยืนยาวต่อไป เขาก็จะได้พบกับความขัดแย้งอันมากมาย ดังนั้นพวกท่านจงยึดไว้ซึ่งสุนนะฮฺ(แนวทาง)ของฉัน และสุนนะฮฺของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมที่ได้รับทางนำ จงกัดมันด้วยฟันกราม และพวกท่านจงพึงระวังต่ออุตริกรรมทั้งหลายในศาสนา เพราะทุกๆ อุตริกรรม(บิดอะฮฺ) นั้นคือความหลงผิด และทุกๆ ของความหลงผิดนั้นอยู่ในไฟนรก” หะดีษบันทึกโดยอบูดาวูด และอัต-ติรมิซีย์ และท่านกล่าวว่า หะดีษอยู่ในระดับหะสันเศาะหี้หฺ
จะจากลา ดังนั้นท่านจงสั่งเสียให้แก่พวกเราเถิด” ท่านกล่าวว่า : “ฉันขอสั่งเสียพวกท่านให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺผู้ทรงเกียรติและสูงส่งยิ่ง และจงเชื่อฟังและปฏิบัติตาม ถึงแม้นว่าทาสคนหนึ่งจะปกครองท่านก็ตาม และหากผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านมีชีวิตยืนยาวต่อไป เขาก็จะได้พบกับความขัดแย้งอันมากมาย ดังนั้นพวกท่านจงยึดไว้ซึ่งสุนนะฮฺ(แนวทาง)ของฉัน และสุนนะฮฺของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมที่ได้รับทางนำ จงกัดมันด้วยฟันกราม และพวกท่านจงพึงระวังต่ออุตริกรรมทั้งหลายในศาสนา เพราะทุกๆ อุตริกรรม(บิดอะฮฺ) นั้นคือความหลงผิด และทุกๆ ของความหลงผิดนั้นอยู่ในไฟนรก” หะดีษบันทึกโดยอบูดาวูด และอัต-ติรมิซีย์ และท่านกล่าวว่า หะดีษอยู่ในระดับหะสันเศาะหี้หฺ
ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวในสภาพสังคมที่ขัดแย้งกันโดย
หนึ่ง- ปฏิบัติตามสุนนะฮของนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
สอง- ปฏิบัติตามสุนนะฮเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน
สาม -ห่างใกลจากบิดอะฮและเตือนกันให้ระวังเรื่องบิดอะฮในศาสนา
หนึ่ง- ปฏิบัติตามสุนนะฮของนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
สอง- ปฏิบัติตามสุนนะฮเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน
สาม -ห่างใกลจากบิดอะฮและเตือนกันให้ระวังเรื่องบิดอะฮในศาสนา
อิสลามสอนให้มุสลิมเป็นหนึ่งเดียวไม่แตกแยกกัน โดยให้ยึดสายเชือกแห่งอัลลอฮ
สายเชื่อกอัลลอฮคืออะไร โปรดดูต่อไปนี้
สายเชื่อกอัลลอฮคืออะไร โปรดดูต่อไปนี้
وَاعْتَصِمُوا بِحَبْلِ اللَّهِ جَمِيعًا وَلَا تَفَرَّقُوا ۚ
และพวกเจ้าจงยึดสายเชือก ของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน
อิบนุกะษีร(ร.ฮ)อธิบายว่า
وقوله : ( واعتصموا بحبل الله جميعا ولا تفرقوا ) قيل ( بحبل الله ) أي : بعهد الله ، كما قال في الآية بعدها : ( ضربت عليهم الذلة أينما ثقفوا إلا بحبل من الله وحبل من الناس ) [ آل عمران : 112 ] أي بعهد وذمة وقيل : ( بحبل من الله ) يعني : القرآن ، كما في حديث الحارث الأعور ، عن علي مرفوعا في صفة القرآن : " هو حبل الله المتين ، وصراطه المستقيم " .
และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า (และพวกเจ้าจงยึดสายเชือก ของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน ) มีผู้กล่าวว่า (ด้วยสายเชือกอัลลอฮ)หมายถึง ด้วยพันธสัญญาแห่งอัลลอฮ ดังที่พระองค์ตรัส ในอายะฮหลังจากนั้นว่า
(
ضُرِبَتْ عَلَيْهِمُ الذِّلَّةُ أَيْنَ مَا ثُقِفُوا إِلَّا بِحَبْلٍ مِّنَ اللَّهِ وَحَبْلٍ مِّنَ النَّاسِ
(
ضُرِبَتْ عَلَيْهِمُ الذِّلَّةُ أَيْنَ مَا ثُقِفُوا إِلَّا بِحَبْلٍ مِّنَ اللَّهِ وَحَبْلٍ مِّنَ النَّاسِ
ความต่ำช้าได้ถูกฟาดลงบนพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเขาถูกพบ นอกจากด้วยสายเชือกจากอัลลอฮ์ และสายเชือกจากมนุษย์ -อาลิอิมรอน/12 หมายถึง พันธสัญญา และความรับผิดชอบ และมีผู้กล่าวว่า (ด้วยสายเชือกของอัลลอฮ) หมายถึง อัลกุรอ่าน ดังระบุในหะดิษอัลหาริษอัลอะวัร รายงานจากอาลี เป็นหะดิษมัรฟัวะ ในคุณลักษณะของอัลกุรอ่านว่า มันคือ สายเชือกของอัลลอฮที่มั่นคง และเป็นหนทางของพระองค์ที่เที่ยงตรง - ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร
....
อายะฮนี้ สอนให้มีความเป็นเอกภาพ สามัคคีกัน บน การยึดมั่นในศาสนาหรือ อัลกุรอ่าน ไม่ใช่สามัคคีกัน บนอุตริกรรมหรือบิดอะฮ ถ้ายึดสายเชือกผุๆ แห่งการตามอารมณ์
....
อายะฮนี้ สอนให้มีความเป็นเอกภาพ สามัคคีกัน บน การยึดมั่นในศาสนาหรือ อัลกุรอ่าน ไม่ใช่สามัคคีกัน บนอุตริกรรมหรือบิดอะฮ ถ้ายึดสายเชือกผุๆ แห่งการตามอารมณ์
อัลลอฮ (ซ.บ) ตรัสว่า
وَمَا كَانَ النَّاسُ إِلَّا أُمَّةً وَاحِدَةً فَاخْتَلَفُوا وَلَوْلَا كَلِمَةٌ سَبَقَتْ مِنْ رَبِّكَ لَقُضِيَ بَيْنَهُمْ فِيمَا فِيهِ يَخْتَلِفُونَ
ความว่า “และมนุษย์นั้นมิใช่อื่นใด นอกจากเป็นประชาชาติเดียวกัน แล้วพวกเขาก็แตกแยกกัน และหากมิใช่เพราะลิขิตซึ่งได้บันทึกไว้ที่พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าแล้วไซร้ แน่นอนก็คงเกิดการตัดสินแล้วระหว่างพวกเขาในเรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกัน” ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่ 19
อิบนุกะษีร ได้อธิบายอายะห์ข้างต้นดังนี้
ความว่า “และมนุษย์นั้นมิใช่อื่นใด นอกจากเป็นประชาชาติเดียวกัน แล้วพวกเขาก็แตกแยกกัน และหากมิใช่เพราะลิขิตซึ่งได้บันทึกไว้ที่พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าแล้วไซร้ แน่นอนก็คงเกิดการตัดสินแล้วระหว่างพวกเขาในเรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกัน” ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่ 19
อิบนุกะษีร ได้อธิบายอายะห์ข้างต้นดังนี้
ثُمَّ أَخْبَرَ تَعَالَى أَنَّ هَذَا الشِّرْكَ حَادِثٌ فِي النَّاسِ ، كَائِنٌ بَعْدَ أَنْ لَمْ يَكُنْ ، وَأَنَّ النَّاسَ كُلَّهُمْ كَانُوا عَلَى دِينٍ وَاحِدٍ ، وَهُوَ الْإِسْلَامُ ؛ قَالَ ابْنُ عَبَّاسٍ : كَانَ بَيْنَ آدَمَ وَنُوحٍ عَشَرَةُ قُرُونٍ ، كُلُّهُمْ عَلَى الْإِسْلَامِ ، ثُمَّ وَقَعَ الِاخْتِلَافُ بَيْنَ النَّاسِ ، وَعُبِدَتِ الْأَصْنَامُ وَالْأَنْدَادُ وَالْأَوْثَانُ ، فَبَعَثَ اللَّهُ الرُّسُلَ بِآيَاتِهِ وَبَيِّنَاتِهِ وَحُجَجِهِ الْبَالِغَةِ وَبَرَاهِينِهِ الدَّامِغَةِ
หลังจากนั้นพระองค์อัลลอฮ์ทรงบอกให้ทราบว่า การตั้งภาคีเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในหมู่มนุษย์ทั้งๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะมนุษย์ทั้งหมดทุกคนต่างก็อยู่บนศาสนาเดียวกันก็คือ อิสลาม อิบนุอับบาส ได้กล่าวว่า : ช่วงระหว่างนบีอาดัมถึงนบีนัวฮ์นั้นสิบศตวรรษ มนุษย์ทุกคนอยู่บนอิสลาม หลังจากนั้นก็เกิดการขัดแย้งระหว่างผู้คน เกิดการสักการะรูปปั้น, สิ่งเทียบเคียงพระเจ้า และเจว็ดต่างๆ ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์จึงได้ส่งบรรดารอซูลมาพร้อมกับสัญญาณต่างๆของพระองค์, ข้ออ้างอิงที่ชัดเจน และหลักฐานที่มิอาจปฏิเสธได้” ตัฟซีร อิบนิกะษีร เล่มที่ 2 หน้าที่ 541
..................
สรุปจากคำอธิบายของอิบนุกะษีร หากจะเรียกร้องสู่แนวคิดอุมมะตุลวาฮาดะฮ จากอายะฮข้างต้นคือ การเรียกร้อง มนุษย์ มาสู่ศาสนาและอะกีดะฮเดียวกัน ดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วในสิบศัตวรรษแรกนับจากยุคของอาดัม ไม่ใช่เรียกร้องให้รวมเป็นหนึ่งเดียวบนอะกีดะฮยัดใส้หรืออะกีดะฮที่เป็นผลผลิตมาจากแนวคิดตรรกนิยม
..................
สรุปจากคำอธิบายของอิบนุกะษีร หากจะเรียกร้องสู่แนวคิดอุมมะตุลวาฮาดะฮ จากอายะฮข้างต้นคือ การเรียกร้อง มนุษย์ มาสู่ศาสนาและอะกีดะฮเดียวกัน ดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วในสิบศัตวรรษแรกนับจากยุคของอาดัม ไม่ใช่เรียกร้องให้รวมเป็นหนึ่งเดียวบนอะกีดะฮยัดใส้หรืออะกีดะฮที่เป็นผลผลิตมาจากแนวคิดตรรกนิยม
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
12/8/60
อะสัน หมัดอะดั้ม
12/8/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น