
โต้แย้งหลักฐานของละแบรับจ้างเฝ้ากุโบร์
ราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน
จากหลักฐานของท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้กล่าวอธิบายว่า "บรรดาอุลามาอ์ถือว่าเป็นสุนัต กับการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรขณะที่เฝ้ากุโบร์เนื่องสาเหตุของหะดิษนี้ เพราะว่าเมื่อการบรรเทาโทษยังมีหวังจากการตัสบีหฺของกิ่งอินทผาลัมแล้ว แน่นอนว่า การอ่านอัลกุรอานย่อมมีความหวังมากกว่า" ดู ชัรหฺ ซอฮิหฺมุสลิม เล่ม 2 หน้า 204
อิบนุ อบี ชัยบะฮ์ ได้กล่าวรายงานไว้ว่า
حدثنا حفص بن غياث، عن المجالد، عن الشعبى قال : كانت الأنصار يقرأون عند الميت بسورة البقرة
"ได้เล่ากับเรา โดยหัฟซฺ บิน ฆอยยาษ จาก อัลมุญาลิด จากท่านอัชชะอฺบีย์ ท่านกล่าวว่า "บรรดาชาวอันซอร ได้ทำการอ่านอัลกุรอาน ที่มัยยิด ด้วยกับซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ " ดู อัลมุซันนัฟ เล่ม 4 หน้า 236
และท่านค๊อลลาลได้รายงานจากสายรายงานเดียวกัน ด้วยคำว่า
"ได้เล่ากับเรา โดยหัฟซฺ บิน ฆอยยาษ จาก อัลมุญาลิด จากท่านอัชชะอฺบีย์ ท่านกล่าวว่า "บรรดาชาวอันซอร ได้ทำการอ่านอัลกุรอาน ที่มัยยิด ด้วยกับซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ " ดู อัลมุซันนัฟ เล่ม 4 หน้า 236
และท่านค๊อลลาลได้รายงานจากสายรายงานเดียวกัน ด้วยคำว่า
كانت الأنصار إذا مات لهم ميت اختلفوا غلى قبره يقرأون عنده القرأن
"บรรดาชาวอันซอรนั้น เมื่อมีผู้ตายคนหนึ่งของพวกเขาเสียชีวิตลง พวกเขาก็จะทำการสลับกันไปที่กุบูรของผู้นั้น โดยที่พวกเขาจะทำการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรของมัยยิดนั้น" ดู หนังสือ อัลอัมรฺ บิลมะอฺรูฟ วันนะฮ์ อะนิลมุงกัร หน้า 126
ในสายรายงานดังกล่าว มีท่าน "มุญาลิด บิน สะอีด" ซึ่งเขาผู้นี้ หะดิษดี โดยมีบรรดาสายรายงานและหะดิษมาใช้ในการสนับสนุนและมีน้ำหนัก ท่านมุสลิมได้นำเขามาเป็นผู้รายงานหะดิษไว้ในซอฮิหฺของท่านมุสลิมด้วย โดยรายงานพร้อมกับคนอื่น ไว้ใน เรื่อง ฏอล๊าก บท ผู้หญิงที่ถูกหย่าขาด ที่ไม่มีค่าเลี้ยงดูให้แก่นาง
ในสายรายงานดังกล่าว มีท่าน "มุญาลิด บิน สะอีด" ซึ่งเขาผู้นี้ หะดิษดี โดยมีบรรดาสายรายงานและหะดิษมาใช้ในการสนับสนุนและมีน้ำหนัก ท่านมุสลิมได้นำเขามาเป็นผู้รายงานหะดิษไว้ในซอฮิหฺของท่านมุสลิมด้วย โดยรายงานพร้อมกับคนอื่น ไว้ใน เรื่อง ฏอล๊าก บท ผู้หญิงที่ถูกหย่าขาด ที่ไม่มีค่าเลี้ยงดูให้แก่นาง
@@@@
ชี้แจง
การอ้างนั้นอ้างนี้ แล้วเอามาชงเป็นหลักฐานอ่านอัลกุรอ่านให้คนตายและเฝ้ากุโบร์ ขอถามว่า คุณเข้าใจคำว่าหลักฐานทางศาสนาหรือไม่
อิบาดะฮเป็นเรื่องที่ต้องหยุดอยู่ที่คำสั่งใช้(التوقيفية) ที่มาจากอัลลอฮตาอาลา ผู้เป็นเจ้าของศาสนาและศาสนทูตของพระองค์ ที่ถูกส่งมาอรรถาธิบายคำสอนอัลลอฮและเป็นแบบอย่างแก่ประชาชาติ(อุมมะฮ)ของเขา "แล้วเฝ้ากุโบร์เพื่ออ่านอัลกุรอ่านอุทิศบุญให้คนตาย เป็นแบบอย่างของใคร?
أَخْبَرَنِي أَبُو يَحْيَى النَّاقِدُ ، قَالَ : حَدَّثَنَا سُفْيَانُ بْنُ وَكِيعٍ ، قَالَ : حَدَّثَنَا حَفْصٌ ، عَنْ مُجَالِدٍ ، عَنِ الشَّعْبِيِّ ، قَالَ : " كَانَتِ الأَنْصَارُ إِذَا مَاتَ لَهُمُ الْمَيِّتُ اخْتَلَفُوا إِلَى قَبْرِهِ يَقْرَءُونَ عِنْدَهُ الْقُرْآنَ "
คำแปลตัวบท
บรรดาชาวอันซอรนั้น เมื่อมีผู้ตายคนหนึ่งของพวกเขาเสียชีวิตลง พวกเขาก็จะทำการสลับกันไปที่กุบูรของผู้นั้น โดยที่พวกเขาจะทำการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรของมัยยิดนั้น
........
หะดิษข้างต้น เอามาเป็นหลักฐานไม่ได้เพราะ
1. หะดิษของต้นเป็นหะดิษมักฏัวะ(مقطوع )หะดิษที่เป็นคำพูดของตาบิอีน เรียกในทางวิชาหะดิษว่า เป็นหะดิษ มักฏูอฺ(حديث مقطوع )
หุกุมเกี่ยวกับหะดิษมักฏูอฺคือ
บรรดาชาวอันซอรนั้น เมื่อมีผู้ตายคนหนึ่งของพวกเขาเสียชีวิตลง พวกเขาก็จะทำการสลับกันไปที่กุบูรของผู้นั้น โดยที่พวกเขาจะทำการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรของมัยยิดนั้น
........
หะดิษข้างต้น เอามาเป็นหลักฐานไม่ได้เพราะ
1. หะดิษของต้นเป็นหะดิษมักฏัวะ(مقطوع )หะดิษที่เป็นคำพูดของตาบิอีน เรียกในทางวิชาหะดิษว่า เป็นหะดิษ มักฏูอฺ(حديث مقطوع )
หุกุมเกี่ยวกับหะดิษมักฏูอฺคือ
المقطوع لا يحتج به في شيئ من الأحكام الشرعية أي ولو صحت نسبته لقائله لأنه كلام أوفعل أحد المسلمين
หะดิษมักฎูอฺ จะเอามาเป็นหลักฐานอ้างอิงในด้านบทบัญญัติศาสนาไม่ได้ ถึงแม้ว่า จะอ้างอิงหะดิษอย่างถูกต้อง แก่ผู้ที่กล่าวก็ตาม เพราะความจริงมันเป็นเพียงคำพูด หรือ การกระทำ ของคนหนึ่งจากบรรดามุสลิมทั้งหลายเท่านั้น – ดู ตัยสีรมุศเฏาะละหิลหะดิษ ของ ดร.มะหมูด อัฏเฏาะหาน หน้า 133
2.ผู้รายงานหะดิษนี้คนหนึ่งชื่อ มุญาลิด(مجالد) หรือ มุญาลิด บิน สะอีด อัลกุฟีย์ อัลฮัมดาอีย์ ผู้นี้ มีนักหะดิษวิจารณ์ดังนี้
2.ผู้รายงานหะดิษนี้คนหนึ่งชื่อ มุญาลิด(مجالد) หรือ มุญาลิด บิน สะอีด อัลกุฟีย์ อัลฮัมดาอีย์ ผู้นี้ มีนักหะดิษวิจารณ์ดังนี้
อิหม่ามอัซซะฮะบีย์กล่าวว่า
قَالَ الْبُخَارِيُّ : كَانَ يَحْيَى بْنُ سَعِيدٍ يُضَعِّفُهُ . وَكَانَ عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ مَهْدِيٍّ لَا يَرْوِي لَهُ شَيْئًا . وَكَانَ أَحْمَدُ بْنُ حَنْبَلٍ لَا يَرَاهُ شَيْئًا . يَقُولُ : لَيْسَ بِشَيْءٍ
อัลบุคอรีย์ ได้กล่าวว่า " ปรากฏว่า ยะหยา บิน สะอีด เห็นว่าเขาเฎาะอีฟ (อ่อนหลักฐาน) และ อับดุรเราะหมาน บิน มะฮดีย์ จะไม่รายงานสิ่งใดๆของเขา และ อะหมัด บิน หัมบัล จะไม่เห็นว่าเขามีสิ่งใดๆ ,เขากล่าวว่า เขาไม่มีสิ่งใดเลย (หมายถึง บ่งบอกว่าเฎาะอีฟมาก)
وَقَالَ أَبُو حَاتِمٍ : لَا يُحْتَجُّ بِهِ
และอบูหาติม ได้กล่าวว่า จะไม่ถูกนำมาอ้างเป็นหลักฐานด้วยเขาผู้นี้
وَقَالَ النَّسَائِيُّ : ثِقَةٌ . وَقَالَ مَرَّةً : لَيْسَ بِالْقَوِيِّ
และอันนะสาอีย์ ได้กล่าวว่า เชื่อถือได้ และ เขาได้กล่าวครั้งหนึ่งว่า "ไม่แข็งแรง"
وَقَالَ الدَّارَقُطْنِيُّ : ضَعِيفٌ
และอัดดารุลกุฏนีย์ ได้กล่าวว่า "เฎาะอีฟ
-ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ใน สิยัรเอียะลามอัลนุบะลาอฺ 6/285-287
3. ถ้าหลักฐานที่ละแบราชสีห์อ้างคือ บทบัญญัติของศาสนา แน่นอนบรรดาอิหม่ามทั้งสี่ และบรรดาปราชญ์ทั้งหลายคงไม่มีใครคัดค้านแน่นอน แต่เพราะหลักฐานดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานทางศาสนบัญญัติ ที่จะนำมาเป็นหุกุมว่าเป็นสุนัตในศาสนาได้ จึงมีนักวิชาการมากมากมายไม่นำมาเป็นหลักฐาน และคัดค้านการอ่านอัลกุรอ่านที่หลุมศพและเฝ้ากุโบร์ เพื่ออุทิศบุญแก่ผู้ตาย
อิบนุกอ็ยยิม(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وَقَالَ أَبُو حَاتِمٍ : لَا يُحْتَجُّ بِهِ
และอบูหาติม ได้กล่าวว่า จะไม่ถูกนำมาอ้างเป็นหลักฐานด้วยเขาผู้นี้
وَقَالَ النَّسَائِيُّ : ثِقَةٌ . وَقَالَ مَرَّةً : لَيْسَ بِالْقَوِيِّ
และอันนะสาอีย์ ได้กล่าวว่า เชื่อถือได้ และ เขาได้กล่าวครั้งหนึ่งว่า "ไม่แข็งแรง"
وَقَالَ الدَّارَقُطْنِيُّ : ضَعِيفٌ
และอัดดารุลกุฏนีย์ ได้กล่าวว่า "เฎาะอีฟ
-ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ใน สิยัรเอียะลามอัลนุบะลาอฺ 6/285-287
3. ถ้าหลักฐานที่ละแบราชสีห์อ้างคือ บทบัญญัติของศาสนา แน่นอนบรรดาอิหม่ามทั้งสี่ และบรรดาปราชญ์ทั้งหลายคงไม่มีใครคัดค้านแน่นอน แต่เพราะหลักฐานดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานทางศาสนบัญญัติ ที่จะนำมาเป็นหุกุมว่าเป็นสุนัตในศาสนาได้ จึงมีนักวิชาการมากมากมายไม่นำมาเป็นหลักฐาน และคัดค้านการอ่านอัลกุรอ่านที่หลุมศพและเฝ้ากุโบร์ เพื่ออุทิศบุญแก่ผู้ตาย
อิบนุกอ็ยยิม(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
ولم يكن من هديه صلى الله عليه وسلم أن يجلس يقرأ عند القبر، ولا يلقن الميت كما يفعله الناس اليوم، وأما الحديث الذي رواه الطبراني في معجمه من حديث أبي أمامة فهذا حديث لا يصح رفعه.. ولم يكن من هديه أن يجتمع للغداء، ويقرأ له القرآن، لا عند قبره ولا غيره، وكل هذا بدعة حادثة مكروهة
ไม่ปรากฏจากคำแนะนำของท่านนบี ศ็อลฯ ว่า ให้นั่งอ่านอัลกุรอ่านบนหลุมศพและอ่านตัลกีนให้แก่มัยยิต ดังที่บรรดาผู้คนทำกันในปัจจุบัน และสำหรับหะดิษที่รายงานโดย อัฏฏอบรอนีย์ ใน มุอฺญัม ของเขา จากหะดิษอบีอุมามะฮนั้น หะดิษนี้ ไม่เศาะเฮียะ ในการสืบไปถึงนบี และไม่ปรากฏจากการแนะนำของท่านนบี ศอ็ลฯการที่ชุมนุมกันรับประทานอาหาร และอ่านอัลกุรอ่านอุทิศให้ผู้ตาย ไม่มี ณ ที่หลุมศพของมัยยิตและไม่มี ณ ที่อื่นจากมัน และทั้งหมดนี้ เป็นบิดอะฮ ที่เป็นสิ่งใหม่ ที่น่ารังเกียจ(มักรูฮ) - ซาดุลมะอาด เล่ม 1 หน้า 503-504โดยสรุป
4. ประเด็นขัดแย้ง มีกติกาจากอัลลอฮ ให้นำไปให้อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮเป็นตัวตัดสิน ทัศนะใดตรงกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ นั้นคือทัศนะที่ถูกต้อง(แต่ละแบไม่กล้า และไม่ยอมรับ)
وقوله: { فَإِنْ تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللَّهِ وَالرَّسُولِ } قال مجاهد وغير واحد من السلف: أي: إلى كتاب الله وسنة رسوله.
และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า(หากพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำมันกลับไปยังอัลลอฮและรอซูล) มุญาฮิดและหลายคน จากชาวสะลัฟ ได้กล่าวว่า “หมายถึงกลับไปยังคัมภีร์ของอัลลอฮและสุนนะฮของรอซูลของพระองค์ –ตัฟสีรอิบนุกะษีร 2/345
..............
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ขอให้พี่น้องมุสลิมทุกท่าน ได้พิจารณา เพราะเรื่องอิบาดะฮในศาสนาไม่ใช่หน้าที่ของผู้ใดที่จะกำหนดขึ้นเองได้ แต่ทุกคนต้องหยุดอยู่คำสั่งของอัลลอฮและรอซูล
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ขอให้พี่น้องมุสลิมทุกท่าน ได้พิจารณา เพราะเรื่องอิบาดะฮในศาสนาไม่ใช่หน้าที่ของผู้ใดที่จะกำหนดขึ้นเองได้ แต่ทุกคนต้องหยุดอยู่คำสั่งของอัลลอฮและรอซูล
อัสสัรเคาะสีย์(ร.ฮ) กล่าวว่า
ولا مدخل للرأي في معرفة ما هو طاعة الله، ولهذا لا يجوز إثبات أصل العبادة بالرأي.
และไม่มีช่องทางใดๆสำหรับความคิดเห็น ในเรื่องการรู้จักสิ่งที่มันเป็นการภักดีต่ออัลลอฮ เพราะเหตุนี้ จึงไม่อนุญาตให้รับรองรากฐานการอิบาดะฮ ด้วยการใช้ความคิดเห็น – ดู อุศูลุอัสสัรเคาะสีย์ เล่ม 2 หน้า 122
..........
หมายความว่า ในเรื่อง การอิบาดะฮนั้น ไม่เปิดโอกาสให้นำความคิดเห็นมากำหนดบทบัญญัติศาสนาที่จะนำไปทำการภักดีต่ออัลลอฮ เพราะเรื่องอิบาดะฮนั้น ต้องหยุดอยู่ที่คำสัง
..........
หมายความว่า ในเรื่อง การอิบาดะฮนั้น ไม่เปิดโอกาสให้นำความคิดเห็นมากำหนดบทบัญญัติศาสนาที่จะนำไปทำการภักดีต่ออัลลอฮ เพราะเรื่องอิบาดะฮนั้น ต้องหยุดอยู่ที่คำสัง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
19/2/61
19/2/61
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น