วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

โต้แย้งสายตรรกที่ใช้ตรรกโกหกโต้แย้งคำพูดอิบนุตัยมียะฮ



 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

โต้แย้งสายตรรกที่ใช้ตรรกโกหกโต้แย้งคำพูดอิบนุตัยมียะฮ
ชัยค์อิบนุตัยมียะฮ์ อัลหัรรอนีย์ ซึ่งท่านอิบนุตัยมียะฮ์นี้เป็นผู้นำริเริ่มแนวคิด “พระเจ้าอยู่เหนือบัลลังก์ขึ้นไปโดยไม่มีทิศไม่มีสถานที่” #เป็นแนวคิดเป็นการอรรถาธิบาย #ที่ไม่เคยมีใครสักคนจากอุลามาอฺสะลัฟและค่อลัฟอะลิสซุนนะฮ์ได้ทำการอธิบายเอาไว้เลย
ชัยค์อิบนุตัยมียะฮ์ ได้กล่าวว่า
يُقَالُ لِمَنْ نَفَى الْجِهَةَ: أَتُرِيْدُ بِالْجِهَةِ أَنَّهَا شَيْءٌ مَوْجُوْدٌ مَخْلُوْقٌ، فَاللهُ لَيْسَ دَاخِلاً فِي الْمَخْلُوْقَاتِ. أَمْ تُرِيْدُ بِالْجِهَةِ مَا وَرَاءَ الْعَالَمِ، فَلاَ رَيْبَ أَنَّ اللهَ فَوْقَ الْعَالَمِ بَائِنٌ مِنَ الْمَخْلُوْقَاتِ
“ถูกกล่าวกับผู้ที่ปฏิเสธการมีทิศ(ให้กับอัลลอฮฺ)ว่า ท่านมีเป้าหมายคำว่าทิศนั้น คือสิ่งที่มีและถูกสร้าง(ที่อยู่ในจักรวาล) แน่นอนอัลลอฮฺย่อมไม่อยู่ในบรรดาสิ่งถูกสร้าง หรือท่านมีจะเป้าหมายคำว่าทิศคือสิ่งที่นอกเหนือจักรวาล ดังนั้นจึงไม่สงสัยว่า แท้จริงอัลลอฮฺอยู่เหนือจักรวาล แยกออกจากบรรดาสิ่งถูกสร้าง”
อิบนุตัยมียะฮ์, มัจญมูอะฮ์อัลฟะตาวา, เล่ม 3, หน้า 29.
ตามทัศนะของชัยค์อิบนุตัยมียะฮ์นั้น เชื่อว่าอัลลอฮฺอยู่บน ณ ทิศนอกจากจักรวาลที่ไม่มีสิ่งถูกสร้าง ซึ่งอุลามาอฺวะฮาบีย์เรียกว่าทิศที่แห่งการไม่มี [اَلْجِهَةُ العَدَمِيَّةُ] หรือเรียกว่าสถานที่แห่งการไม่มี [الَمَكَانُ العَدَمِيُّ] นั่นเอง
ดังนั้น ถ้าพี่น้องมุสลิมเจอบทความหรือการเผยแพร่แนวคิดดังกล่าวนี้ ขอให้พี่น้องได้ทราบว่า แนวคิดนี้เป็นแนวคิดของกลุ่มคณะใหม่วะฮาบีย์ที่มีมานานแล้ว
@@@@
ขอชี้แจง
1.คำว่าทิศไม่ปรากฏว่าสะลัฟคนใดปฏิเสธ
อิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ (ร.ฮ)กล่าวทัศนะสะลัฟว่า
وقد كان السلف الأول لا يقولون بنفي الجهة , ولا ينطقون بل نطقوا هم والكافة بإثباتها لله , كما نطق كتابه وأخبرت رسله , ولم ينكر أحد من السلف الصالح أنه استوى على عرشه حقيقة
และปรากฏว่าสะลัฟยุคแรก พวกเขาไม่ได้กล่าวด้วยการปฏิเสธ คำว่า "ทิศ" และพวกเขาจะไม่พูด แต่ทว่า พวกเขาเองทั้งหมด รับรองมัน(การอิสติวาอฺ)แก่อัลลอฮ ดังที่คัมภีร์ของพระองค์ได้กล่าวเอาไว้และบรรดารอซูลของพระองค์ ได้บอกไว้ และไม่มีคนใดจากชาวสะลัพผู้ทรงธรรม ปฏิเสธ ว่า อัลลอฮทรงสถิตย์เหนือบัลลังก์ของพระองค์จริงๆ(ไม่ใช่อุปมาอุปมัย) - ดู ตัฟสีรญามิอิลอะหกาม 7/219-220
2. คำว่า "ทิศ" ที่อิบนุตัยมียะฮกล่างถึงคือ เบื้องสูง เหนืออะรัช ไม่ใช่ทิศทั้งหก ซึง ปราชญ์ซูฟีย์อิบดุลกอเดร อัลญิลานีย์ ที่มีคนแอบอ้างว่า เป็นหัวหน้าสายฏอรีกัตพวกเขาก็ยืนยันทิศเกี่ยวกับอัลลอฮดังนี้
ท่านอับดุลเกาะดีร อัลญัยลานีย์ นักวิชาการตะเศาวูฟ กล่าวว่า
وهو بجهة العلو مستو على العرش، محتو على الملك، محيط علمه بالأشياء، {إليه يصعد الكلم الطيب والعمل الصالح يرفعه)
และพระองค์อยู่ทิศเบื้องสูง ทรงเป็นผู้สถิตเหนือบัลลังค์ ทรงเป็นผู้มีอำนาจเหนือการปกครอง ความรู้ของพระองค์ ครอบคลุมบรรดาสรรพสิ่ง (บรรดาถ้อยคำ ที่ดีจะ (ถูกพา) ขึ้นสู่พระองค์ และและการงานที่ดีนั้นพระองค์ทรงยกย่องสรรเสริญมัน ” (ฟาฏิร/10) –อัลฆุนยะฮ ลิฏอลิบีย์เฏาะรีกิลหัก 1/121-123
อิบนุอะบิลอิซ (ร.ฮ) กล่าวว่า
وَمَنْ قَالَ : يُرَى لَا فِي جِهَةٍ ، فَلْيُرَاجِعْ عَقْلَهُ !
และผู้ใดกล่าวว่า พระองค์จะถูกเห็น(ในวันกิยามะฮ)โดยไม่มีทิศ ดังนั้นเขาจงตรวจสอบ/แก้ไขสติปัญญาเขา - ชัรหอะกีดะฮอัเฏาหาวีย์ 1/219
........
คนที่ปฏิเสธ ทิศเบื้องสูง ควรจะไปหายาหม้อมากินแก่โรคปัญญาเลอะเลือนได้แล้ว เพราะในวันอาคีเราะฮ ผู้ศรัทธาจะได้เห็นอัลลอฮด้วยตา ตาอยู่ทิศเบื้องหน้า แต่อาชาอิเราะฮสายตรรก ตาคงอยู่ที่ก้นกระมัง
3. อิบนุตัยมียะฮว่า "อัลลอฮอยู่เบื้องสูงแยกจากมัคลูค ซึ่งตรงกับ อะกีดะฮสะลัฟเช่น
قال يوسف بن موسى القطان : قيل لأبي عبد الله أحمد بن حنبل: الله عز و جل فوق السماء السابعة على عرشه بائن من خلقه وقدرته وعلمه في كل مكان؟
قال: « نعم على العرش وعلمه لا يخلو منه مكان
ยูซูฟ บิน มูซา อัลกอ็ฏฏอน กล่าวว่า "ได้ถูกกล่าวแก่ อบีอับดุลลอฮ ,อะหมัด บิน หัมบัล ว่า " อัลลอฮผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง อยู่เหนือ ชั้นฟ้าที่เจ็ด บน อะรัช ของพระองค์ แยกจากมัคลูคของพระองค์ ,พลังอำนาจและความรอบรู้ของพระองค์ อยู่ในทุกสถานที่ใช่ไหมครับ ? เขา(อะหมัด) กล่าวตอบว่า "ครับ อยู่บน อะรัช และ ความรอบรู้ของพระองค์นั้น ไ่มีสถานที่ใด ซ่อนเร้นจากพระองค์- ดูสิฟัตอัลอุลูว์ลิลละฮ ของอิบนุกุดามะฮ ด้วยสายรายงานที่เศาะเฮียะ หน้า 78
...................
จากรายละเอียดข้างต้นชี้ให้เห็นว่า บาบอฮาร์ดคอร์สายตรรก กลุ่มนิยมตักฟัรคนอื่น ใช้มันสมอง อคติ และความมุสา โต้แย้งคำพูดอิบนุตัยมียะฮโดยที่ปราศจากความรู้ ใครยากจะให้คนกลุ่มนี้จูงก็ช่วยไม่ได้
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/4/63

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563

อย่าหลอกชาวบ้านว่าอัลกุรอ่านบางส่วนแปลและรู้ความหมายไม่ได้




 ในภาพอาจจะมี ข้อความ



อย่าหลอกชาวบ้านว่าอัลกุรอ่านบางส่วนแปลและรู้ความหมายไม่ได้
มีคนบางกลุ่มเสพแนวคิดวิชาตรรกทางปัญญา(อิลมุลกะลาม)และแนวคิดมุอตะซิละฮ มาสอนว่า อัลกุรอ่านที่เกี่ยวสิฟาต(คุณลักษณะ)อัลลอฮตาอาลานั้น ห้ามแปลความหมาย ห้ามเจาะจงความหมาย เพราะความหมายตามตัวบทคลุมเครือ ไม่ใช่ความหมายที่ต้องการ ทำให้ชาวบ้านกลายเป็น "นกขุนทองที่ท่องทำอัลกุรอ่านเกี่ยวกับสิฟาต แต่ไม่รู้ความหมายในสิ่งที่เชื่อ -นะอูซุบิลละฮ
มาดูอัลลอฮตาอาลาตรัสว่า
الر تِلْكَ آيَاتُ الْكِتَابِ الْمُبِينِ
อะลิฟ ลาม รอ เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง
إِنَّا أَنْزَلْنَاهُ قُرْآنًا عَرَبِيًّا لَعَلَّكُمْ تَعْقِلُونَ
แท้จริงพวกเราได้ให้อัลกุรอานลงมาแก่เขาเป็นภาษาอาหรับ เพื่อพวกเจ้าจะใช้ปัญญาคิด -ยูซูฟ /1-2
อิบนุญะรีร(ร.ฮ)อธิบายว่า
مَعْنَاهُ : هَذِهِ آيَات الْكِتَاب الْمُبِين , لِمَنْ تَلَاهُ وَتَدَبَّرَ مَا فِيهِ مِنْ حَلَاله وَحَرَامه وَنَهْيه وَسَائِر مَا حَوَاهُ مِنْ صُنُوف مَعَانِيه ; لِأَنَّ اللَّه جَلَّ ثَنَاؤُهُ أَخْبَرَ أَنَّهُ مُبِين , وَلَمْ يَخُصَّ إِبَانَته عَنْ بَعْض مَا فِيهِ دُون جَمِيعه , فَذَلِكَ عَلَى جَمِيعه , إِذْ كَانَ جَمِيعه مُبِينًا عَمَّا فِيهِ
.
ความหมายคือ บรรดาอายะฮเหล่านี้ของคัมภีร์ที่ชัดเจน แก่ผู้ที่อ่าน มัน และใครครวญ สิ่งที่อยู่ในนั้นจาก สิ่งที่หะลาลของพระองค์ ,สิ่งที่หะรอมของพระองค์ ,สิ่งที่พระองค์ทรงห้าม และจากบรรดาชนิดของความหมายของมันที่เหลือ ที่มันบรรจุไว้ เพราะอัลลอฮ ญัลลาษะนาอุอุฮู ได้ทรงบอกว่า "มุบีน(ชัดเจน) และพระองค์ไม่ได้เจาะจงความชัดเจนบรรดาอายะฮของของมัน บางส่วนโดยไม่ ระบุว่าชัดเจนทั้งหมดของมัน เพราะดังกล่าวนั้น(หมายถึงความชัดเจน) อยู่บนทั้งหมดของมันอยู่แล้ว เพราะทั้งหมดของมัน คือสิ่งที่ให้ความชัดเจน สิ่ง(เนื้อหา)ที่อยู่ในมัน (อยู่ในคัมภีร์นี้)- ตัสสีร อัฏเฏาะรีย์ 15/550 (ดูสำเนาหนังสือที่แนบมา)
.............
ในอัลกุรอ่าน เนื้อหาทั้งหมดชัดเจน อัลลอฮตาอาลาไม่ได้ระบุเจาะจงว่า ชัดเจนบางส่วนและมีอีกบางส่วน ไม่ชัดเจน  ทั้งนี้อัลกุรอ่าน ส่วนหนึ่งทำหน้าที่สร้างความชัดเจนอีกส่วนหนึ่งอยู่แล้ว
แต่บาบอไทยแลนด์บางส่วนเป็นนกรู้ว่า มีบางอายะฮห้ามแปลเพราะไม่ชัดเจน ช่างน่าอนาถยิ่งนัก มีคนเชื่อตามเลยกลายเป็นนกแก้วนกขุนทอง ท่องสิฟาตแต่ไม่รู้ความหมาย
อิบนุกะษีร (ร.ฮ)อธิบายว่า
الواضح الجلي، الذي يفصح عن الأشياء المبهمة ويفسرها ويبينه
ที่แจ่มแจ้งที่ชัดเจน ซึ่ง ทำให้ชัดเจนจากบรรดาสิ่งที่คลุมเครือ ,มันอรรถาธิบาย และและให้ความกระจา่งแก่มัน- ตัฟสีร อิบนุกะษีร 4/365
إنا أنزلنا هذا الكتاب المبين، قرآنًا عربيًّا على العرب ، لأن لسانهم وكلامهم عربي ، فأنزلنا هذا الكتاب بلسانهم ليعقلوه ويفقهوا منه
(แท้จริงพวกเราได้ให้อัลกุรอานลงมาแก่เขาเป็นภาษาอาหรับ) แก่ชาวอาหรับ เพราะแท้จริงภาษาพวกเขาและคำพูดพวกเขา คือ ภาษาอาหรับ เพราะฉะนั้นเราได้ประทานคัมภีร์นี้ลงมา ด้วยภาษาของพวกเข เพื่อพวกเจ้าจะใช้ปัญญาคิด และทำความเข้าใจจากมัน -ตัฟสีรอัฏเฏาะบะรีย์ 15/551
...........
อัลลอฮตาอาลา ประทานอัลกุรอ่านเป็นภาษาอาหรับเพราะท่านนบี ศ็อลฯ และบรรดาสาวก ตลอดจนชาวมักกะฮ พูดภาษาอาหรับ ส่วนคนต่างชาติ ก็ต้องเรียนภาษาอาหรับแล้วถ่ายทอดแปลตามภาษษที่ชาวบ้านเข้าใจ แต่มีบาบอปัญญาอ่อนบางส่วนบอกว่า อายาตสิฟาต แปลภาษาอื่นไม่ได้ ต้องทับศัพท์อาหรับ นบีสอนไว้หรือครับ ว่าถ้าเป็นอายาตเกี่ยวกับคุณลักษณะอัลลอฮ ห้ามแปลภาษาอื่น ให้อ่านทับศัพท์อย่างเดียว ไม่ให้รู้ความหมาย ...ดูสิครับ ถ้าจะโง่และตามความปัญญาอ่อนของบาบอสายตรรก ก็ต้องโง่ต่อไป
................
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/4/64

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563

อะกีดะฮของอัลบัยฮะกีย์ ตรงตามอะกีดะฮสะลัฟทั้งหมดจริงหรือ ภาค 1








อะกีดะฮของอัลบัยฮะกีย์ ตรงตามอะกีดะฮสะลัฟทั้งหมดจริงหรือ ภาค 1
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

แกนนำอาชาอิเราะฮสายตรรก อ้างว่า

ท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ ได้อธิบายเกี่ยวกับอะกีดะฮ์ของแนวทางสะลัฟและปราชญ์หะดีษความว่า

وَفِي الْجُمْلَةِ يَجِبُ أَنْ يُعْلَمَ أَنَّ اسْتِوَاءَ اللَّهِ سُبْحَانَهُ وَتَعَالَى لَيْسَ بِاسْتِوَاءِ اعْتِدَالٍ عَنِ اعْوِجَاجٍ وَلا اسْتِقْرَارٍ فِي مَكَانٍ ، وَلا مُمَّاسَّةٍ لِشَيْءٍ مِنْ خَلْقِهِ ، لَكِنَّهُ مُسْتَوٍ عَلَى عَرْشِهِ كَمَا أَخْبَرَ بِلا كَيْفٍ بِلا أَيْنَ ، بَائِنٌ مِنْ جَمِيعِ خَلْقِهِ ، وَأَنَّ إِتْيَانَهُ لَيْسَ بِإِتْيَانٍ مِنْ مَكَانٍ إِلَى مَكَانٍ ، وَأَنَّ مَجِيئَهُ لَيْسَ بِحَرَكَةٍ ، وَأَنَّ نُزُولَهُ لَيْسَ بِنَقْلَةٍ ، وَأَنَّ نَفْسَهُ لَيْسَ بِجِسْمٍ. أنظر: البيهقي، الاعتقاد والهداية إلى سبيل الرشاد على مذهب السلف وأصحاب الحديث، ص 117.

“บทสรุป คือ จำเป็นต้องรู้ว่า การอิสติวาอฺ(สูงส่งเหนือบัลลังก์)ของอัลลอฮฺ ผู้ทรงมหาบริสุทธิ์นั้น มิใช่อิสติวาอฺแบบขึ้นยืนมาจากการก้ม มิใช่การอิสติวาอฺแบบสถิติอยู่ในสถานที่(ที่เป็นบัลลังก์), มิใช่การอิสติวาอฺแบบสัมผัสสิ่งหนึ่งจากสิ่งที่ถูกสร้างของพระองค์(เช่น ไม่สัมผัสบัลลังก์) แต่พระองค์ทรงอิสติวาอฺเหนือบัลลังก์ของพระองค์เสมือนกับที่พระองค์ได้บอกเอาไว้(ในอัลกุรอาน)โดยไม่มีรูปแบบวิธีการ โดยไม่มีคำว่าอยู่ที่ไหน, พระองค์ทรงแยกออกจากสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหมด และแท้จริงการมาของพระองค์นั้นมิใช่การมาจากสถานที่หนึ่งไปสู่สถานที่หนึ่ง(เนื่องจากพระองค์ไม่มีสถานที่) และการมาของพระองค์นั้นไม่ใช่การเคลื่อนไหวและการลงของพระองค์นั้นไม่ใช่การเคลื่อนย้ายและพระองค์เองนั้นไม่ใช่เป็นรูปร่าง...” ดู อัลบัยฮะกีย์, อัลอิอฺติก็อด วัลฮิดายะฮ์ อิลา สะบี อัรร่อช๊าด, หน้า 117.
สิ่งที่ได้รับจากการถ่ายทอดของท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์
1. อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ มิได้เจาะจงความหมายของอิสติวาอฺ แต่อัลลอฮฺบอกว่าพระองค์ทรงอิสติวาอฺ ตามที่พระองค์ทรงบอกไว้ในอัลกุรอานก็เท่านั้น
2. อิสติวาอฺมิได้อยู่ในความหมายของการสถิตและมิใช่มีอยู่สถานที่อยู่บนบัลลังก์
3. การอิสติวาอฺของอัลลอฮฺนั้น ไม่มีรูปแบบวิธีการและไม่มีคำว่าอยู่ที่ไหน
4. อัลลอฮฺไม่มีการเคลื่อนไหว เคลื่อนย้าย เนื่องจากพระองค์มิได้เป็นรูปร่าง
5. อัลลอฮ์มิได้อยู่สิงสถิติอยู่ร่วมกับบรรดาสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย
@@@@
ผมชี้แจงดังต่อไปนี้
เพื่อปกป้องอะกีดะฮที่ถูกบิดเบือน ขอชี้แจงดังต่อไปนี้
ขอเรียนว่า อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ ท่านมีแนวคิดอะชาอิเราะฮแต่ไม่สุดโต่ง มีมากมายที่ตรงกับสะลัฟ แต่บางประเด็นขัดแย้งกับแนวทางสะลัฟ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ชัยค์อับดุรรอ็ซซาก อัลอะฟีฟีย์ หะฟิเซาะฮุลลอฮ ผู้ตรวจท่านตำราอัลเอียะติกอดฯของอัลบัยฮะกีย์ กล่าวว่า
قرأت الكتاب فوجدته موافقًا للسلف في مواضع كثيرة، ومخالفًا لهم في أخرى، .
ข้าพเจ้าอ่านหนังสือนั้น(หนังสืออัลเอียะติกอดฯ) ข้าพเจ้าพบว่าเขา(อัลบัยฮะกีย) สอดคล้องกับสะลัฟในบรรดาที่ต่างๆมากมาย และขัดแย้งกับพวกเขา(สะลัฟ) ในที่อื่นๆ .. ดูคำอธิบายเชิงอรรถของ ของชัยค์ อับดุรร็อซซาก อะฟีฟีย์ ผู้ตรวจทานหนังสือ อัลเอียะติกอด วัลฮิดายะฮอิลาสะบีลิรรอชาด ของอัลบัยฮะกีย์ ในบทนำ ของผู้ตะหกีก หน้า ตัวอักษร ษา (ث )
และส่วนหนึ่งที่ผิดพลาดไม่ตรงกับอะกีดะฮสะลัฟอะฮลุสสุนนะฮคือ การอ้างว่า "ไม่มีคำว่าอัลลอฮอยู่ใหน" ( بِلا أَيْنَ) ความจริงหมายถึง ไม่ถามว่าอยู่ใหน
ชัยค์อับดุรรอซซาก อะฟีฟี กล่าวในการอธิบายเชิงอรรถคำพูดของ อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ว่า

قوله بلا أين ـ هذا ينافي ما عليه أهل السنة والجماعة من أن الله على العرش استوى، استواء يليق بجلاله، وعظمته تعالى، فهو تعالى في السماء، مستو على عرشه، ونفي السؤال بأين نفي للعلو، وكيف ينفى وقد ثبت السؤال به عن رسول الله صلى الله عليه 
وسلم في حديث الجارية المشهور الوارد في الصحيح وغيره؟

คำพูดของอัลบัยฮะกีย์ที่ว่า " โดยไม่ถามว่าอยู่ที่ไหน"( بِلا أَيْنَ) นี้คือ ขัดแย้งกับสิ่งที่อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ได้ดำเนินอยู่บนมัน ว่า แท้จริงอัลลอฮ ประทับ บนบัลลังก์ เป็นการประทับ(อยู่)ที่คู่ควรกับความสูงส่งและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เพราะพระองค์ อยู่บนฟ้า ผู้ทรงประทับบนบัลลังก์ และการปฏิเสธ การถามว่า อยู่ใหน คือ การปฏิเสธ การอยู่สูง(ของอัลลอฮ) เขาปฏิเสธได้อย่างไร ทั้งที่ คำถามด้วยมัน (ด้วยคำว่าอยู่ใหน)ได้ยืนยันด้วยมัน จากรซูลุลลอฮ ศ็อลฯ ในหะดิษญารียะฮที่เป็นที่แพร่หลาย ที่ปรากฏมาในอัศเศาะเฮียะ (หมายถึงเศาะเฮียะมุสลิม-ผู้แปล)และอื่นจากนั้น? -
ดูคำอธิบายเชิงอรรถของ ของชัยค์ อับดุรร็อซซาก อะฟีฟีย์ ผู้ตรวจทานหนังสือ อัลเอียะติกอด วัลฮิดายะฮอิลาสะบีลิรรอชาด ของอัลบัยฮะกีย์ ในบทนำ ของผู้ตะหกีก หน้า ตัวอักษรซาล
.............
การอ้างของอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ว่า จะไม่ถามว่าอัลลอฮอยู่ใหน(( بِلا أَيْنَ) คือการขัดแย้งกับอะกีดะฮอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ที่ยืนยันว่าอัลลอฮอยู่บนบัลลังก์และอยู่บนฟ้า และขัดแย้งกับหะดิษญารียะฮซึ่งเป็นหะดิษเศาะเฮียะ ที่นบี ศ็อลฯถามทาสหญิงว่า "อัลลอฮอยู่ไหน"? นี่คือจุดหนึ่งของคำพูดอัลบัยฮะกีย์ ที่กล่าวขัดแย้งกับอะกีดะฮอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ
อินชาอัลลอฮมีต่อภาค 2 เร็วๆนี้
อะสัน หมัดอะดั้ม
26/4/63
ปล. ปัจจุบันโลกวิชาการมันเจริญแล้ว จงระวังการหมกเม็ดปิดตาชาวบ้า

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563

เศาะหาบะฮจะไม่มีการเห็นขัดแย้งเรื่องอะกีดะฮ


ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

เศาะหาบะฮจะไม่มีการเห็นขัดแย้งเรื่องอะกีดะฮ (อย่ามาโลกสวยว่าเขาก็ถูกเราก็ถูก)
อิหม่ามอิบนุลก็อยยิม (ร.ฮ) กล่าวว่า
إن أهل الإيمان قد يتنازعون في بعض الأحكام، ولا يخرجون بذلك عن الإيمان، وقد تنازع الصحابة في كثير من مسائل الأحكام وهم سادات المؤمنين، وأكمل الأمة إيماناً، ولكن بحمد الله لم يتنازعوا في مسألة من مسائل الأسماء والصفات والأفعال، بل كلهم على إثبات ما نطق به الكتاب والسنة، كلمة واحدة، من أولهم إلى آخرهم، ولم يسوموها تأويلاً ولم يحرفوها عن مواضعها تبديلا
แท้จริงอะฮลุลอีหม่าน บางครั้งพวกเขาเห็นขัดแย้ง ในบางส่วนของบรรดาหุกุมต่างๆ และด้วยดังกล่าวนั้น ไม่ได้ให้พวกเขาออกจากการศรัทธา และแท้จริง บรรดาเศาะหาบะฮ บางครั้งพวกเขาเห็นขัดแย้ง ในจำนวนมาก เกี่ยวกับประเด็นต่างๆของบรรดาหุกุม โดยที่พวกเขาคือ บรรดาหัวหน้าของเหล่าศรัทธาชน และเป็นอุมมะฮที่มีความศรัทธาสมบูรณ์ยิ่ง แต่ อัลหัมดุลิลละฮ พวกเขาไม่ได้เห็นขัดแย้ง ในประเด็นใดๆ จากบรรดาประเด็น อัลอัสมาอฺวัสสิฟาต วัลอัฟอาล(บรรดาพระนาม,คุณลักษณะและการกระทำของอัลลอฮ) ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดของพวกเขา อยู่บนการ ยืนยัน สิ่งที่อัลกิตาบและอัสสุนนะฮได้พูดเอาไว้ด้วยมัน เป็นคำเดียวกัน จากบุคคลแรกในหมู่พวกเขาจนถึงคนสุดท้ายในหมู่พวกเขา และพวกเขาไม่ลบหลู่มันด้วยการตีความ(ตะวี้ล)และไม่เปลี่ยแปลงมันจาก ที่ของมัน โดยการเปลี่ยนความหมาย -เอียะลามอัลมุวักกิอีน 1/51-52
สรุป
1.บางครั้งเหล่าเศาะหาบะฮมีความเห็นขุดแย้งกันในประเด็นเกี่ยวกับหุกุมต่าง ทางฟิกฮ
2.พวกเขาไม่มีการเห็นขัดแย้งกันในประเด็นอะกีดะฮเกี่ยวกับอัลอัสมาอฺวัสสิฟาต วัลอัฟอาล(บรรดาพระนาม,คุณลักษณะและการกระทำของอัลลอฮ)
3. บรรดาเศาะหาบะฮจะไม่มีการตีความ(ตะวี้ล)และเปลี่ยนความหมายบรรดาคุณลักษณะของอัลลอฮ จากที่ของมัน
เพราะฉะนั้น เรื่องอะกีดะฮอย่ามา รอมชอม พวกเองก็ถูก พวกข้าก็ถูก เราอย่าสร้างความแตกแยก ไปให้ใกลๆเลยนะครับคนโลกสวย
อะสัน หมัดอะดั้ม
25/4/63

พวกท่านอธิบายคุณลักษณะอัลลอฮตามตรรกหรือตามที่อัลลอฮบอก





 ในภาพอาจจะมี ข้อความ



พวกท่านอธิบายคุณลักษณะอัลลอฮตามตรรกหรือตามที่อัลลอฮบอก
อิหม่ามอะหมัด บิน หัมบัล (ร.ฮ)กล่าวว่า
صفوا الله بما وصف به نفسه , وانفوا عن الله ما نفاه عن نفسه
พวกท่านจงพรรณาคุณลักษณะให้แก่อัลลอฮ ด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงพรรณาคุณลักษณะให้แก่ตัวของพระองค์ด้วยมัน และจงปฏิเสธ จากอัลลอฮ สิ่งที่พระองค์ปฏิเสธ มันจากตัวของพระองค์ -มะนากิบอิหม่ามอะหมัด หน้า 221
อิหม่ามอะหมัด (ร.ฮ)กล่าวว่า
وزعم أن من وصف الله بشيء مما وصف به نفسه في كتابه أو حدّث عن رسوله كان كافرًا وكان من المشبهة.
และ (ญะฮฺม์ บิน ศอฟวาน) ได้อ้างว่า: ผู้ใดพรรณนาถึงคุณลักษณะของอัลลอฮฺด้วยุณลักษณะใดคุณลักษณะหนึ่งที่พระองค์ได้พรรณนาไว้ในอัล-กุรอ่านเกี่ยวกับตัวพระองค์ หรือคุณลักษณะที่ได้เล่าจากท่านเราะสูล เขาจะกลายเป็นผู้ปฏิเสธ และเป็นพวกมุชับบิฮะฮฺ (ผู้เปรียบเทียบพระเจ้ากับสิ่งถูกสร้าง)” (หนังสือ อัรร็อด อะลา อัล-ญะฮฺมียะฮฺ หน้าที่ 97)
.......
กล่าวคือ ให้อธิบายคุณลักษณะของอัลลอฮตามที่อัลลอฮอธิบายไว้ ให้ปฏิเสธสิ่งที่อัลลอฮทรงปฏิเสธจากพระองค์
จึงถามว่า ที่แนวคิดมุอตะซิละฮและอาชาอิเราะฮที่กำหนดรูปแบบต่างๆมาตีกรอบในการยืนยันคุณลักษณะอัลลอฮ ว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้เอามาจากใหน
รู้หรือไม่ว่า การกล่าวหาคนที่ยึดคุณลักษณะอัลลอฮตามตัวบท ว่าเป็นมุชับบิฮะฮ (ผู้เปรียบอัลลอฮกับมัคลูค) นั้นคือ หัวหน้าแนวคิดญะฮมียะฮ
อะสัน หมัดอะดั้ม
25/6/63

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563

การกำหนดเวลาอิมซากก่อนเวลาศุบฮิ ประมาณ 15 นาที่นั้นไม่มีที่มาในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ

การกำหนดเวลาอิมซากก่อนเวลาศุบฮิ ประมาณ 15 นาที่นั้นไม่มีที่มาในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ
ท่านนบี ศ็อลฯกล่าวว่า
عَنْ أَنَسٍ عَنْ زَيْدِ بْنِ ثَابِتٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ تَسَحَّرْنَا مَعَ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ثُمَّ قَامَ إِلَى الصَّلاةِ قُلْتُ كَمْ كَانَ بَيْنَ الأَذَانِ وَالسَّحُورِ قَالَ قَدْرُ خَمْسِينَ آيَةً
จากท่านอนัส (อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ)จาก ซัยดฺ อิบนุ ษาบิต เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ โดยซัยดฺได้กล่าวว่า “พวกเราเคยรับประทานอาหารสะหูรร่วมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จากนั้นท่านก็ลุกขึ้นไปสู่การละหมาด (ฟัจญ์รฺ)”อนัสจึงถามซัยดฺว่า “ระหว่างเวลาสะหูรกับการอะซานนั้นนานแค่ไหน?”ซัยดฺตอบว่า “เท่ากับเวลาที่ใช้อ่านอัลกุรอาน ๕๐ อายะฮฺ” (บันทึกโดยอัลบุคอรี )
ชัยค์ญิบรีน (หะฟิเซาะฮุลลอฮ) อธิบายว่า
فهذا الحديث يدل على أن وقت سحور النبي صلى الله عليه وسلم كان قبل الأذان بهذا الوقت ، وليس فيه أن النبي صلى الله عليه وسلم بدأ الصيام وأمسك عن الطعام والشراب قبل الفجر بهذا الوقت
หะดิษนี้ แสดงบอกว่า เวลาสะหูรของท่านนบี ศ็อลฯ นั้น ปรากฏว่าอยู่ก่อนเวลานี้ และในเวลานี้ แท้จริงท่านนบี ศ็อลฯไม่ได้ เริ่มถือศีลอด และงดเว้น(อิบซาก) การกินและการเดื่ม ก่อนเวลาฟะญัร(รุ่งอรุณ )ด้วยเวลานี้
............
กล่าวคือ ท่านนบี ศ็อลฯไม่ได้กำหนดเวลาอิบซาก(เวลางดเว้นการกินกินและการดื่ม)ก่อนเวลาฟะญัร ซึ่งเป็นเวลาซุบฮิ เพราะฉะนั้นเวลา"อิบซาก"ที่กำหนดก่อนเวลาซุบฮิ ไม่มีในสุนนะฮ
وسئل الشيخ ابن باز عن جعل وقت للإمساك قبل الفجر بحوالي ربع ساعة
.
ชัยค์บิน บาซ ถูกถาม เกี่ยวกับการกำหนดเวลา "อิมซาก" ก่อนเวลาฟะญัร(รุ่งอรุณ) ประมาณ 15 นาที (ว่ามีใหน)?
فأجاب :
" لا أعلم لهذا أصلا ، بل الذي دل عليه الكتاب والسنة أن الإمساك يكون بطلوع الفجر ؛ لقول الله سبحانه : ( وَكُلُوا وَاشْرَبُوا حَتَّى يَتَبَيَّنَ لَكُمُ الْخَيْطُ الأَبْيَضُ مِنَ الْخَيْطِ الأَسْوَدِ مِنَ الْفَجْرِ ثُمَّ أَتِمُّوا الصِّيَامَ إِلَى اللَّيْلِ ) البقرة/187 . ولقول النبي صلى الله عليه وسلم : ( الفجر فجران : فجر يحرم فيه الطعام وتحل فيه الصلاة ، وفجر تحرم فيه الصلاة (أي صلاة الصبح) ويحل فيه الطعام ) رواه ابن خزيمة والحاكم وصححاه كما في بلوغ المرام ،
ชัยค์ตอบว่า
สำหรับกรณีนี้ฉันไม่ทราบ ที่มา ยิ่งไปกว่านั้น ที่อัลกิตาบและอัสสุนนะฮ ได้แสดงบอกไว้ คือ แท้จริง เวลาอิมซาก(งดการการกินการดื่ม)นั้น มันปรากฏด้วยการที่แสงอรุณขึ้น เพราะอัลลอฮ(ซ.บ) ตรัสว่า( และจงกิน และดื่ม จนกระทั่งเส้นขาว จะประจักษ์แก่พวกเจ้า จากเส้นดำ เนื่องจากแสงรุ่งอรุณ -อัลบะเกาะเราะฮ/187) ...จนจบอายะฮ
เพราะท่านนบี ศ็อลฯ กล่าวว่า (ฟะญัรนั้นมี 2 ฟะญัร คือ
1.ฟะญัร ที่ห้ามรับประทานอาหารและอนุญาตให้ละหมาด ในเวลานั้น
2.ฟะญัร ที่ห้ามละหมาด(หมายถึงละหมาดศุบฮิ)และอนุญาตให้รับประทานอาหารในเวลานั้นได้
- รายงานโดยอิบนุคุซัยมะฮ,อัลหากิม และทั้งสองท่านระบุว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ ดังที่ระบุในบุลูฆุลมะรอม -ดู มัจญมัวฟะตาวา วะมะกอลาต มุตะเนาวิอะฮ ยุซ 15 หน้า 281
.............
สรุปคือ การกำหนดเวลา"อิมซาก"ก่อน เวลาละหมาดศุบฮิ ประมาณ 15 นาทีนั้นไม่มีที่มาจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ
อะสัน หมัดอะดั้ม
25/4/63

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

การกลับตัวของอิหม่ามหะเราะมัยน์



 ในภาพอาจจะมี ข้อความ


การกลับตัวของอิหม่ามหะเราะมัยน์ จากแนวคิดวิภาษวิทยา(อิลมุลกาลาม) หรือการใช้ตรรกในการอธิบายสิฟาตอัลลอฮ
อิหม่ามหะเราะมัยนฺ(ต้นแบบของสองเมือง) เป็นฉายาของ ฎิยาอุดดีน อับดุลมาลิก บิน ยูซุฟ อัลญุวัยนีย์ อัชชาฟิอีย์ แห่ง เมือง นัยสะบูร ประเทศอีหร่าน มีชีวิตระหว่างปี ฮ.ศ 419-478 เป็นปราชญที่มีชื่อเสียงในมัซฮับชาฟิอีย์ ซึ่งมีแนวคิดอาชาอิเราะฮ ที่นำวิชากาลาม (วิภาษวิทยา)หรือจะเรียกว่า วิชาตรรก ก็ว่าได้ แต่ท่านได้กลับตัวในบั้นปลายชีวิตของท่าน
ดังที่ อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวว่า ในขณะที่เขาใกล้จะเสียชีวิต เขาได้กล่าวว่า
ﺍﺷﻬﺪﻭﺍ ﻋﻠﻲَّ ﺃﻧﻲ ﻗﺪ ﺭﺟﻌﺖ ﻋﻦ ﻛﻞ ﻣﻘﺎﻟﺔ ﺗُﺨﺎﻟﻒ ﺍﻟﺴﻨﺔ، ﻭﺃﻧﻲ أﻣﻮﺕ ﻋﻠﻰ ﻣﺎ ﻳﻤﻮﺕ ﻋﻠﻴﻪ ﻋﺠﺎﺋﺰ ﻧﻴﺴﺎﺑﻮﺭ

พวกท่านจงเป็นพยานว่า แท้จริงข้าพเจ้ากลับตัวจากทุกๆคำพูดที่ขัดแย้งกับอัสสุนนะฮ และแท้จริงข้าพเจ้า จะตายบน สิ่ง(แนวทาง)ที่บรรดา อะญาอิซชาวนัยซะบูร ดำเนินอยู่บนมัน- ดูสิยารเอียะลาม อัลนุบะลาอ ของ อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ 17/264
คำว่า อะญาอิซ คือ หมู่คณะที่กลับตัวออกจากแนวคิดอะฮลุลกาลาม(วิภาษวิทยา) หมายถึงอะกีดะฮที่ถูกต้องที่ชาวนัยซะบูรดำเนินอยู่
และอิหม่ามอัลญุวัยนีย์ กล่าวเช่นกันว่า
يَا أَصْحَابَنَا لَا تَشْتَغِلُوا بِالْكَلَامِ فَلَوْ عَرَفْتُ أَنَّ الْكَلَامَ يَبْلُغُ بِي إِلَى مَا بَلَغَ مَا اشْتَغَلْتُ بِهِ
โอ้บรรดาสหายของฉัน พวกท่านอย่ายุ่งอยู่กับวิชากาลาม เพราะถ้าหากฉันรู้ว่าวิชากาลาม มันนำพาฉันให้บรรลุไปสู่สิ่งใด ฉันก็จะไม่ยุ่งกับมัน -ตาริคอิสลาม ของอิหม่ามอัซซะฮะบีย์ ยุซ 32 หน้า 235 สำนักพิมพ์ดารุลกิตาบอัลอะเราะบีย์
......................
จะเห็นได้ว่ามีมากมายปราชญ์คนสำคัญที่กลับตัวจากแนวคิด อะฮลุลกาลามในการอธิบายอะกีดะฮ แต่ยังมีคนบางกลุ่มนำทัศนะเดิมๆของปราชญ์เหล่านี้มาอ้างความชอบธรรม การใช้ตรรกเกียวกับการตีความคุณลักษณะของอัลลอฮให้แก่ตัวเอง
พยายามศึกษากันนะครับ อย่าตกเป็นเครื่องงมือแนวคิดที่ทำลายอะกีดะฮปราชญ์ผู้ทรงธรรมในยุคสะลัฟ ต้องขอมาอัฟทุกท่านที่ผมโลกสวยไม่ค่อยเก่ง
อะสัน หมัดอะดั้ม
20/4/63

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563

การปฏิเสธการอยู่เบื่องสู้งของอัลลอฮ คือแนวคิดยะฮมียะฮและมุอตะซิละฮ





ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


การปฏิเสธการอยู่เบื่องสู้งของอัลลอฮ คือแนวคิดยะฮมียะฮและมุอตะซิละฮ
บาบอสายตรรกเอาคำอธิบายข้างล่างมารับรองอะกีดะฮตัวเอง ที่ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ คือ
บาบอสายตรรกะอ้างว่า
แนวทางของเรา อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์นั้น ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสกอลานีย์ได้กล่าวเอาไว้ว่า
وَلَا يَلْزَمُ مِنْ كَوْنِ جِهَتَيِ الْعُلُوِّ وَالسُّفْلِ مُحَالٌ عَلَى اللَّهِ أَنْ لَا يُوصَفَ بِالْعُلُوِّ لِأَنَّ وَصْفَهُ بِالْعُلُوِّ مِنْ جِهَةِ الْمَعْنَى وَالْمُسْتَحِيلُ كَوْنُ ذَلِكَ مِنْ جِهَةِ الْحِسِّ ، وَلِذَلِكَ وَرَدَ فِي صِفَتِهِ الْعَالِي وَالْعَلِيُّ وَالْمُتَعَالِي وَلَمْ يَرِدْ ضِدُّ ذَلِكَ وَإِنْ كَانَ قَدْ أَحَاطَ بِكُلِّ شَيْءٍ عِلْمًا جَلَّ وَعَزَّ
“การที่มีสองทิศบนและทิศล่างเป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้(มุสตะฮีล)สำหรับอัลเลาะฮ์นั้น ก็ไม่จำเป็นที่พระองค์จะมีคุณลักษณะที่สูงส่งไม่ได้ เพราะลักษณะความสูงส่งของพระองค์นั้น มาจากด้านของนามธรรม(คือสูงส่งมิใช่รูปธรรมที่อยู่ในความหมายว่ามีสถานที่อยู่ข้างบนสูง) และเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ กับ(การมีคุณลักษณะสูงส่งของอัลลอฮฺ)ดังกล่าวนั้นมาจากด้านของรูปธรรม(คือมีสถานที่อยู่สูงข้างขน) และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ได้มีระบุว่าพระองค์มีคุณลักษณะ “อัลอาลี” “อัลอะลีย์” และ “อัลมุตะอาลี” (ทั้งสามเป็นพระนามของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายว่าพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง) และไม่มีระบุสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งดังกล่าวเลย(คือไม่มีระบุว่าพระองค์ทรงอยู่ต่ำลงมา) ซึ่งหากแม้ว่าพระองค์ทรงห้อมล้อมทุก ๆ สิ่งด้วยความรอบรู้ของพระองค์สักทีก็ตาม”-อิบนุหะญัร, ฟัตหุลบารีย์, เล่ม 6, หน้า 136
.............
ชี้แจง
ขอนำการชี้แจง โดยผู้ตะหกีก(ตรวจทานฟัตหุลบารีย์) คือ ชัยค์ อับดุรเราะหมาน บิน นาศีร อัลบะร็อก (หะฟิเซาฮุลลอฮ) ภายใต้เชิงอรรถ หนังสือฟัตหุลบารีย์ เล่ม 7 หน้า 247 ดังนี้
قوله."ولا يلزم من كون جهتي العلو والسفل محال على الله ألا يوصف بالعلو من جهة المعنى ... إلخ": مضمون هذا الكلام أن الله عز وجل كما يستحيل أن يكون في جهة السفل يستحيل أن يكون في جهة العلو، ولا يلزم من ذلك أن لا يوصف بالعلو المعنوي؛ فالمستحيل عليه هو العلو الحسي. ويراد بالعلو الحسي علو الذات، وبالمعنوي علو القدر والقهر.
คำพุดของเขา(อัลหาฟิซ อิบนุหะญัร)ที่ว่า(การที่มีสองทิศบนและทิศล่างเป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้(มุสตะฮีล)สำหรับอัลเลาะฮ์นั้น ก็ไม่จำเป็นที่พระองค์จะมีคุณลักษณะที่สูงส่งไม่ได้ เพราะลักษณะความสูงส่งของพระองค์นั้น มาจากด้านของนามธรรม.....)จนจบคำพูด : ความหมายของคำพูดนี้ คือ แท้จริงอัลลอฮผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง ดังเช่นที่เป็นไม่ได้ว่าพระองค์อยู่ ณ ทิศเบื้องล่าง ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์ อยู่ ณ ทิศเบื้องสูง และจากดังกล่าวนั้น ไม่จำเป็นว่าพระองค์จะมีคุณลักษณะ ด้วยการสูงส่งด้านนามธรรม ไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ บนพระองค์ คือการสูงในด้านรูปธรรม และ ด้วยคำว่าสูงด้านรูปธรรมคือ การสูงของซาต และด้วยคำว่า สูงด้านนามธรรม หมายถึง สูงด้านสถานะ และอำนาจ....
............
ข้างต้นชัยค์อับดุรเราะหมานอัลบะร็อก ได้ทำการสรุปใจความคำอธิบายของอัลหาฟิซอิบนุหะญัร (ร.ฮ) ที่บาบอสายตรรกนำมาอ้างรับรองอะกีดะฮตนเอง
แล้วต่อจากนั้น ชัยค์อับดุรเราะหมาน อัลบะร็อก ได้ สรุปการอธิบายดังกล่าวว่า
هذا هو مذهب المعطلة من الجهمية والمعتزلة، ومن تبعهم من الأشاعرة؛ فإنهم جميعًا ينفون علو الله عز وجل بذاته فوق مخلوقاته، ولذا ينفون استواءه على عرشه،
นี่คือมัซฮับอัลมุอัฏฏิละฮ (ผู้ปฏิเสธคุณลักษณะอัลลอฮ) จากแนวคิดญะฮมียะฮและมุอตะซิละฮ และผู้ที่ตามพวกเขา จากแนวคิดอาชาอิเราะฮ เพราะแท้จริงพวกเขาทั้งหมด ปฏิเสธ การสูงของอัลลอฮด้วยซาต(ตัวตน) เหนือบรรดามัคลูคของพระองค์ และเพราะเหตุนี้พวกเขาจึงปฏิเสธ การประทับของอัลลอฮ บน บัลลังก์ของพระองค์.
.........
บาบอสายตักกะคนนี้เอาแนวคิด ญะฮมียะฮและมุอตะซิละฮ ที่ปฏิเสธการอยู่สูงเหนือบัลลังก์ของอัลลอฮ มารับรองอะกีดะฮตัวเอง
มาดูคำพูดตอนท้ายของชัยค์อัลบะร็อก ว่า
وقد تضافرت كل أنواع الأدلة على إثبات أن الله سبحانه فوق سماواته على عرشه؛ فتطابق على ذلك الكتاب والسنة والعقل والفطرة، ومضى على ذلك سلف الأمة من الصحابة والتابعين، وقد أجمع على ذلك أهل السنة والجماعة، وبهذا يتبين أن ما ذكره الحافظ من نفي علو الذات واستحالته قول باطل، والذي يظهر أنه يرتضيه ويقول به عفا الله عنه
และ แท้จริง ทุกๆประเภทของหลักฐานต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน ที่แสดงบอก ถึงการยืนยัน ว่าแท้จริง อัลลอฮ (ซ.บ) อยู่เหนือ บรรดาชั้นฟ้าของพระองค์ บน บัลลังกฺ์ของพระองค์ เพราะอัลกิตาบ(อัลกุรอ่น),อัสสุนนะฮ ,เหตุผลทางปัญญาและธรรมชาติ ตรงกับ ดังกล่าวนั้น และ สะลัฟแห่งอุมมะฮจากเศาะหะบะฮ และตาบิอีนได้ดำเนินผ่านมาบนดังกล่าวนั้น และแท้จริง อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ได้มีมติบนดังกล่าวนั้น และด้วยเหตุนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สิ่งที่ท่านอัลหาฟิซ อิบนหะญัรได้กล่าวถึงมัน จากการปฏิเสธการสูงด้วยซาตและการอ้างว่าเป็นไปไม่ได้ของเขานั้น คือทัศนะที่โมฆะ(บาฏิล) และแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขา(อัลหาฟิซอิบนุหะญัร) เห็นด้วยกับมันและกล่าว(มีทัศนะ)ด้วยมัน ,ขออัลลอฮได้โปรดอภัยต่อเขาด้วยเถิด - ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 7 หน้า 247
................
จะเห็นได้ว่า การอ้างว่า การอยู่สูงของอัลลอฮ ด้วยซาต นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือทัศนะที่โมฆะ (ไม่ถูกต้อง) ทั้งนี้เพราะขัดแย้งกับหลักฐานอัลกุรอ่าน อัสสุนนะฮ และแนวทางสะลัฟอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ที่ยืนยันว่า อัลลอฮอยู่เหนือบรรดาชั้นฟ้า บนบัลลังก์ของพระองค์
ผู้แปลขอเรียนพี่น้องผู้อ่านว่า
เราไม่ได้ตำหนิอัลหาฟิซอิบนุหะญัร เพราะความคิดเห็นของปราชญ์ย่อมมีผิดมีถูกได้เสมอ แต่ผู้ที่เอามายึดถือเป็นหลักความเชื่อตนเอง ในสิ่งที่ผิด ในสิ่งที่ขัดแย้งกับอัลกุรอ่าน อัสสุนนะฮและแนวทางสะลัฟนั้นย่อมถูกตำหนิอย่างแน่นอน
อะสันหมัดอะดั้ม
16/4/63

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563

เปิดโปงการอ้างอิหม่ามอะหมัดเพื่อหุกุมวะฮฮาบีย์มุญัสสิมะฮ


เปิดโปงการแอบอ้างอิหม่ามอะหมัดเพื่อหุกุมวาฮาบีว่าเป็นกาเฟร
นายตรรกฏอรีกัตอ้างว่า
ท่านอะหฺมัด อิบนุหัมดาน กล่าวว่า
وَمَنْ شَبَّهَهُ بَخَلْقِهِ فَقَدْ كَفَرَ . نَصَّ عَلَيْهِ أَحْمَدُ وَكَذَا مَنْ جَسَّمَ أَوْ قَالَ : إِنَّهُ جِسْمٌ لاَ كَالأَجْسَامِ
“ผู้ใดที่เทียบคล้ายคลึงอัลลอฮฺกับสิ่งที่ถูกสร้างของพระองค์ ถือว่าเขากาเฟร ซึ่งอิหม่ามอะห์มัดระบุทัศนะนี้เอาไว้ และเป็นกาเฟรเช่นเดียวกันผู้ที่เชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นรูปร่างหรือเขากล่าวว่าอัลลอฮฺเป็นรูปร่างแต่ไม่เหมือนบรรดารูปร่างทั้งหลาย”
อิบนุหัมดาน, นิฮายะฮ์ อัลมุบตะดิอีน ฟี อุศูลิดดีน, ตะห์กีก: นาศิร บิน สะอูด อัสสะลามะฮ์, พิพม์ครั้งที่ 1 (ริยาฎ: มักตะบะฮ์อัรรุชด์, ค.ศ. 2004/ฮ.ศ. 1425), หน้า 31.
ผู้ใดที่มีความเชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นรูปเป็นร่าง แต่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เป็นรูปร่างทั้งหลาย ปราชญ์สะลัฟ อย่างท่านอิหม่ามอะห์มัด ได้ทำการตัดสินว่าเขาตกเป็นกาเฟร ซึ่งผมมิใช่เป็นผู้ตัดสิน แต่ผมเป็นนำคำตัดสินของท่านอิหม่ามอะห์มัด มานำเสนอเท่านั้น เพื่อให้พี่น้องได้พึงระวังกันกับอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ที่อันตรายเช่นนี้
@@@@
ชี้แจง
ข้อความข้องต้น อ้างว่า มีข้อความที่ว่า
ذكره القاضي
อัลกอฏีย์ได้ระบุมันไว้ (แต่นายตรรกตัดออก)
ข้อความเต็มๆคือ
وكذا من جسَّم، أو قال: إنه جسم لا كالأجسام. ذكره القاضي
และในทำนองเดียวกันนั้น ผู้ใดให้รูปร่าง หรือ กล่าวว่า แท้จริงพระองงค์ คือรูปร่าง ไม่เหมือนบรรดารูปร่าง ,อัลกอฎีย์ ได้ระบุมันไว้
......
ข้อความข้างต้นเป็นการเพิ่มเติมอ้างอิหม่ามอะหมัด โดยอิบนุหัมดาน (เสียชีวิตปี ฮ.ศ 695)ได้ระบุว่า อัลกอฏีย์ ได้ระบุรายงานนี้ อัลกอฏีย์ในที่นี้คือ อัลกอฎีย์ อบียะอลา (ฮ.ศ 451-526)
ทั้งๆที่ปรากฏใน หนังสือ อิฏอลุตตะวีลาต ของอัลกฏี อบูยะอลาเอง ไม่มีข้อความว่า
وكذا من جسَّم، أو قال: إنه جسم لا كالأجسام.
แต่มีข้อความระบุดังนี้
.
وقد أَنْكَرَ أحمدُ التَّشْبِيهَ، فقالَ في رواية حَنْبَلٍ: الْـمُشَبَّهَةُ تقول: بَصَرٌ كَبَصَرِي، وَيَدٌ كَيَدِي، وَقَدَمٌ كَقَدَمِي، ومَن قال ذلك فقد شَبَّهَ اللهَ بخَلْقِهِ
และแท้จริง อะหมัด ปฏิเสธการตัชบีฮ(การเปรียบอัลลอฮกับมัคลูค) แล้วเขาได้กล่าวในรายงานหนึ่งของหัมบัล ว่า อัลมุชับบิฮะฮ เขากล่าวว่า การเห็น(ของอัลลอฮ)เหมือนการเห็นของฉัน ,มือ(ของอัลลอฮ) เหมือนมือของฉัน และเท้า(ของอัลลอฮ)เหมือนเท้าของฉัน ,และผู้ใดกล่าวดังกล่าวนั้น แน่นอนเขาเปรียบอัลลอฮกับมัคลูคของพระองค์ - อิบฏอลุตตะวีลาต หน้า 43
...........
ไม่ปรากฏว่า อัลกอฎีย์อะบุยะอลากล่าวถึงข้อความที่อ้างอิหม่ามอะหมัด ที่ชัยค์ อิบนุฮัมดานระบุเลย เขาระไว้ในตำราเล่มใดหรือ โอ้ ซูฟีจอมตรรกทั้งหลาย
และคำพูด อิหม่ามอะหมัดได้ยกตัวอย่าง มุชับบิฮะฮ ว่า หมายถึงผู้ที่อัลลอฮกับมัคลูค เช่น มืออัลลอฮเหมือนมือของฉัน จึงถามนักบิดเบือนใส่ร้ายวะฮบีย์ว่า มีวะฮบีย์คนใหนเอาตัวเองหรือมัคลูคอื่นๆไปเปรียบกับอัลลอฮ -นะอูซุบิลละฮ ช่างบิดเบือนอย่างน่าละอายที่สุด
เมื่อยืนยันว่าอัลลอฮทรงมีพระหัถต์ แต่ไม่เหมือนบรรดาสิ่งถูกสร้าง และไม่ได้เปรียบกับสิ่งถูกสร้าง ก็ไม่เป็นมุชับบิฮะฮ (ผู้เปรียบอัลลอฮกับสิ่งถูกสร้าง ) เมื่อไม่เป็นมุชับบิฮะฮแล้วจะเป็นมุญัสสิมะฮ (ผู้เปรียบอัลลอฮว่ามีรูปร่างเหมือนสิ่งสร้าง)ได้อย่างไรหรือ? โอ้พวกโกหกมุสา พี่น้องอ่านให้ดี แล้วอย่าเอาศาสนาไปฝากไว้กับพวกโกหกบิดเบือนเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นจะตกสวรรค์นะครับ
และข้อความข้างล่างนี้ ที่อยู่หน้าเดียวกันในหนังสือ นิฮายะฮ์ อัลมุบตะดิอีน ฟี อุศูลิดดีน หน้า 31 ที่นายซูฟีย์จอมตรรก หมกเหม็ด ไม่กล้าอ้าง เพราะเป็นไมฆ้อนตีหัวนายซูฟีย์จอมตรรกบิดเบือน เพราะชัยค์หัมดานยืนยันว่่า อัลลอฮอยูบนฟ้า มาดูกันครับ
ชัยค์อิบนุหัมดานเอง ก็ระบุว่า
ونجزم بأنه سبحانه وتعالى في السماء وأنه استوى على العرش بلا كيف
เรายืนยันแน่นอน ว่า แท้จริง พระองค์ (ซ.บ) อยู่บนฟ้า และแท้จริง พระองค์ทรงอยู่ เหนืออะรัช โดยไม่ถามว่าเป็นอย่างไร ...นิฮายะฮ์ อัลมุบตะดิอีน ฟี อุศูลิดดีน, หน้า 31
.............
ช่างนาสมเพทพวกซูฟีย์สายฏอรีกัต อ้างหนังสือชัยค์อิบนุหัมดาน เพื่อที่จะหุกุม วาฮาบีย์ว่าเป็นมุญัสสิมะฮ แต่กลับพลาด เพราะในหน้าเดียวกัน ชัยค์อิบนุหัมดาน บอกว่า
ونجزم بأنه سبحانه وتعالى في السماء
เรายืนยันแน่นอน ว่า แท้จริง พระองค์ (ซ.บ) อยู่บนฟ้า
สรุปว่า ข้างต้นคือไม้ฆ้อนทุบหัว ซูฟีย์สายตรรกเอง
นี่ถ้าไม่เพราะ พรบ.คอมฯ ผมจะเอารูปมันมาประจานให้สาสมกับที่มันโกหกบิดเบือนใส่ร้ายพี่น้องมุสลิมที่เห็นต่างกับมัน

อะสัน หมัดอะดั้ม
12/4/63