
นี่หรือวาทกรรมคนเคร่งตะเซาวูฟ
อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์
เมื่อวานนี้ เวลา 13:23 น. ·
ท่านนะบีย์ไม่ได้ห้ามเยี่ยมกุบูรในวันอีด แต่กลุ่มวะฮฺฮาบี(คณะใหม่)หุก่มการเยี่ยมกุบูรในวันอีดเป็นบิดอะฮ์
นี่เป็นหลักฐานหนึ่งที่วะฮฺฮาบีแอบอ้างตามซุนนะฮ์ของท่านนะบีย์
@@@@
ชี้แจง
บุคคลข้างต้น คงจะเกลียดพี่น้องที่ถูกฉายาให้เป็นวะฮบีย์จนเข้ากระดูกดำ ไม่ทราบว่า "รับสะนัดเกลียดวะฮบีย"มาจากใคร เพราะเกือบทุกกระทู้ที่นายคนนี้โพสต์ ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวหาพี่น้องที่เห็นต่างแบบเสียๆหายๆ วิชาตะเศาะวูฟไม่ได้ช่วยขัดเกลาจิตใจคุณได้เลยหรือ
ขอเรียนผู้อ่านว่า
การเยี่ยมกุโบร์ เป็นสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ เป้าหมายเพื่อให้คนเยี่ยมได้ดุอาแก่ชาวกุโบร์และเพื่อระลึกถึงความตาย
ส่วนการเจาะจงการเยี่ยมกุโบร์ในวันใดวันหนึ่ง เช่น วันศุกร์หรือวัดอีด โดยมีความเชื่อว่ามีความประเสริฐหรือดีกว่าวันอื่น โดยปราศจากหลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮบ่งชี้ไว้ นี่คือ บิดอะฮ
ดังฟัตวาชัยค์อุษัยมีน(ร.ฮ) ดังนี้
س : ما حكم تخصيص العيدين والجمعة لزيارة المقابر ؟ وهل الزيارة للأحياء أم للأموات فيهما ؟
ถาม : การเจาะจงวันอีดทั้งสองและวันศุกร์ เพื่อเยี่ยมกุบูรนั้น มีหุกุมว่าอย่างไร? และ การเยี่ยมในมันทั้งสอง(หมายถึงในวันอีดและศุกร์) เพื่อคนเป็นหรือคนตาย?
ج : ليس له أصل، فتخصيص زيارة المقابر في يوم العيد، واعتقاد أن ذلك مشروع يعتبر من البدع لأن ذلك لم يرد عن النبي صلى الله عليه وسلم ولا أعلم أحداً من أهل العلم قال به، أما يوم الجمعة فقد ذكر بعض العلماء أنه ينبغي أن تكون الزيارة في يوم الجمعة ومع ذلك فلم يذكروا في هذا أثراً عن الرسول صلى الله عليه وسلم
ตอบ : มันไม่มีที่มา ดังนั้นการเจาะจงเยี่ยมกุบูรในวันอีด และเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติ ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของบิดอะฮ เพราะดังกล่าวนั้น ไม่ปรากฏรายงานจากนบี ศอลฯ และข้าพเจ้า ไม่รู้ว่านักวิชาการคนใด กล่าวด้วยมัน และสำหรับวันศุกร์ นั้น นักวิชาการบางส่วนระบุว่า สมควรจะเยี่ยมในวันศุกร์ ทั้งที่พร้อมกับดังกล่าวนั้น เขาไม่ได้ระบุหะดิษในเรื่องนี้จากท่านรซูล ศอลฯ – อะหกามอัลญะนาอิซ ของเช็ค อุษัยมีน หน้า 43
..
เพราะฉะนั้น ถ้าคนที่เจาะจงการเยี่ยมในวันนั้น เขาไม่ได้เชื่อว่าเป็นศาสนบัญญัติให้เจาะจงเป็นพิเศษในวันนั้น แต่ถ้าเขาอยู่ต่างจังหวัด และมีโอกาสกลับบ้านเพื่อฉลองวันอีด และถือโอกาสเยี่ยมกูโบร์ โดยไม่ได้เชื่อว่า มีบัญญัตฺิให้เจาะจง และไม่ได้เชื่อว่า มีความประเสริฐกว่าวันอื่นก็ไม่มีปัญหาใดๆ
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้กว้างๆว่า
..
เพราะฉะนั้น ถ้าคนที่เจาะจงการเยี่ยมในวันนั้น เขาไม่ได้เชื่อว่าเป็นศาสนบัญญัติให้เจาะจงเป็นพิเศษในวันนั้น แต่ถ้าเขาอยู่ต่างจังหวัด และมีโอกาสกลับบ้านเพื่อฉลองวันอีด และถือโอกาสเยี่ยมกูโบร์ โดยไม่ได้เชื่อว่า มีบัญญัตฺิให้เจาะจง และไม่ได้เชื่อว่า มีความประเสริฐกว่าวันอื่นก็ไม่มีปัญหาใดๆ
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้กว้างๆว่า
فَزُورُوهَا فَإِنَّهَا تُذَكِّرُ الآخِرَةَ
" ดังนั้นพวกท่านจงเยี่ยมกุบูรเถิด เพราะแท้จริงการเยี่ยมกุบูรนั้นทำให้รำลึกถึงโลกหน้า" รายงานโดยอัตติรมีซีย์ ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่าหะดิษนี้หะซันซอฮิหฺ
คำ สั่งใช้ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตรงนี้ ถือว่าอยู่ในรูปแบบมุฏลัก اَلْمُطْلَقُ "รูปแบบกว้างๆ ไม่จำกัดวันและเวลา" เราจะทำการเยี่ยมเยือนกุบูรวันใดก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เปิดกว้างให้แก่ประชาชาติของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะ ซัลลัม และถือเป็นเป็นที่อนุญาต اَلْجَائِزُ เนื่องจากมีซุนนะฮ์จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มารับรองไว้แล้ว
คำ สั่งใช้ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตรงนี้ ถือว่าอยู่ในรูปแบบมุฏลัก اَلْمُطْلَقُ "รูปแบบกว้างๆ ไม่จำกัดวันและเวลา" เราจะทำการเยี่ยมเยือนกุบูรวันใดก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เปิดกว้างให้แก่ประชาชาติของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะ ซัลลัม และถือเป็นเป็นที่อนุญาต اَلْجَائِزُ เนื่องจากมีซุนนะฮ์จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มารับรองไว้แล้ว
แต่การมา ตัคศิส (التخصيص )จำกัดเฉพาะทำการซิยาเราะฮ ในวันอีด มีตัวบทหะดิษมาจำกัดไว้หรือเปล่า เมื่อไม่มีแสดงว่า การมาจำกัดอย่างนั้น เป็นบิดอะฮ เพราะไม่ปรากฏในสุนนะฮ และตามหลักการมันคือ บิดอะฮ
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์กล่าวว่า
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์กล่าวว่า
وَمِنَ الْبِدَعِ الْإِضَافِيَّةِ الَّتِي تَقْرُبُ مِنَ الْحَقِيقِيَّةِ : أَنْ يَكُونَ أَصْلُ الْعِبَادَةِ مَشْرُوعًا ؛ إِلَّا أَنَّهَا تُخْرَجُ عَنْ أَصْلِ شَرْعِيَّتِهَا بِغَيْرِ دَلِيلٍ تَوَهُّمًا أَنَّهَا بَاقِيَةٌ عَلَى أَصْلِهَا تَحْتَ مُقْتَضَى الدَّلِيلِ ، وَذَلِكَ بِأَنْ يُقَيَّدَ إِطْلَاقُهَا بِالرَّأْيِ ، أَوْ يُطْلَقَ تَقْيِيدُهَا ، وَبِالْجُمْلَةِ ؛ فَتَخْرُجُ عَنْ حَدِّهَا الَّذِي حُدَّ لَهَا
และส่วนหนึ่งจากบิดอะฮ อัลอิฎอฟียะฮ ที่ ใกล้เคียง กับ บิดอะฮหะกีกียะฮ คือ รากฐานของอิบาดะฮนั้น เป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้ เว้นแต่มันได้ถูกให้ออกจาก รากฐาน ของ การบัญญัติใช้ของมัน โดยไม่มีหลักฐาน โดยการเข้าใจผิดว่า มันยังคงอยู่บนรากฐานของการบัญญัติใช้ของมัน ภายใต้จุดมุ่งหมายของหลักฐาน และดังกล่าวนั้น โดยการ จำกัด การระบุเอาไว้กว้างๆของบทบัญญัติ ด้วยความเห็น หรือ กำหนดให้ บทบัญญัติที่เฉพาะเจาะจง ให้เป็นหลักการกว้างๆ สรุปคือ มันถูกให้ออกจากขอบเขตของมัน จาก สิ่งซึ่ง มันถูกกำหนดขอบเขตแก่มันไว้แล้ว – ดู อัลมุวาฟิกอต เล่ม 1 หน้า 486
.............
จากคำพูดของอิหม่ามชาฏิบีย์คือ การจำกัดเฉพาะสิ่งที่ศาสนาได้บัญญัติเอาไว้กว้างๆด้วยความเห็นนั้น เป็นบิดอะฮ
ที่เรียกว่า “บิดอะฮอิฎอฟียะฮ”นั้น เพราะสิ่งนั้นมีบัญญัติไว้กกว้างๆ แต่มีการไปปฏิบัตินอกกรอบของศาสนา คือ ไปจำกัดเฉพาะในสิ่งที่ศาสนากล่าวไว้กว้าง โดยปราศจากหลักฐาน
อบูชามะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่า
.............
จากคำพูดของอิหม่ามชาฏิบีย์คือ การจำกัดเฉพาะสิ่งที่ศาสนาได้บัญญัติเอาไว้กว้างๆด้วยความเห็นนั้น เป็นบิดอะฮ
ที่เรียกว่า “บิดอะฮอิฎอฟียะฮ”นั้น เพราะสิ่งนั้นมีบัญญัติไว้กกว้างๆ แต่มีการไปปฏิบัตินอกกรอบของศาสนา คือ ไปจำกัดเฉพาะในสิ่งที่ศาสนากล่าวไว้กว้าง โดยปราศจากหลักฐาน
อบูชามะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่า
"ولا ينبغي تخصيص العبادات بأوقات لم يخصصها بها الشرع ، بل يكون جميع أفعال البر مرسلة في جميع الأزمان ليس لبعضها على بعض فضل ، إلا ما فضله الشرع وخصه بنوع من العبادة ، فإن كان ذلك ، اختص بتلك الفضيلة تلك العبادة دون غيرها
ไม่สมควรเจาะจงอิบาดะฮ ด้วยบรรดาเวลา ซึ่ง ศาสนบัญญัติไม่ได้เฉพาะเจาะจงด้วยมัน แต่ทว่า บรรดาการกระทำความดีทั้งหมด ถูกปล่อยให้อยู่ในบรรดาเวลา โดยที่ส่วนหนึ่งไม่ได้มีความประเสริฐเหนื่ออีกส่วนหนึ่ง เว้นแต่ สิ่งที่ ศาสนบัญญัติได้ระบุความประเสริฐมันและได้เฉพาะเจาะจงมัน ด้วยชนิดอิบาดะฮ เพราะถ้าหากได้ปรากฏดังกล่าวนั้น อิบาดะฮดังกล่าวนั้นก็ได้ถูกเจาะจง ด้วยความประเสริฐดังกล่าว โดยไม่ได้เจาะจงอิบาดะฮอื่นจากมัน-ดู อัลบาอิษลิอิงการิลบิดอิวัลหะวาดิษ หน้า 43

จากคำพูดของอบูชามะฮ สรุปได้ว่า ไม่สมควรที่ไปเจาะจงทำอิบาดะฮ ในเวลาใดโดยเฉพาะ ยกเว้น ที่ศาสนาได้จำกัดเฉพาะเอาไว้ และการเจาะจงดังกล่าว โดยคิดว่า ดีกว่าเวลาอื่น นี้คือ ประเด็น กล่าวคือ เชื่อว่าดีกว่า วันอื่นหรือเวลาอื่น โดยที่ศาสนาไม่ได้ระบุไว้
.........
จากที่กล่าวข้างต้น นักปราชญ์เขาพิจารณาตามหลักวิชาการ แต่คุณกลับกล่าวหาด่าทอ แทนที่คุณจะเอาหลักฐานมาโต้แย้ง ทำไมไม่พิจารณาดูว่า ท่านนบี ศอ็ลฯ,เหล่าเคาะลิฟะฮทั้งสี่ หรือบรรดาปราชญยุคสะลัฟ ได้มีแบบอย่างไว้บ้างหรือไม่ ถ้าไม่มี คุณสอนคนอาวามด้วยความคิดเห็นของคุณหรือ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
1/9/60
จากที่กล่าวข้างต้น นักปราชญ์เขาพิจารณาตามหลักวิชาการ แต่คุณกลับกล่าวหาด่าทอ แทนที่คุณจะเอาหลักฐานมาโต้แย้ง ทำไมไม่พิจารณาดูว่า ท่านนบี ศอ็ลฯ,เหล่าเคาะลิฟะฮทั้งสี่ หรือบรรดาปราชญยุคสะลัฟ ได้มีแบบอย่างไว้บ้างหรือไม่ ถ้าไม่มี คุณสอนคนอาวามด้วยความคิดเห็นของคุณหรือ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
1/9/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น