
เขาถามว่า ทำบิดอะฮเมาลิดจัดอยู่ในหุกุมใหน
อิบนู ฮาซัน
ขอถามอาจารณ์หน่อยครับ..ถ้าผมอ่านกุรอ่าน..สอลาวาตนบี.ในวันเมาลิด.อาจารณ์ว่าผมทำบิดอะห์.ขอถามว่าทำบิดอะห์แบบนี้.ฮูกมทางตัคลีฟี5ข้อ.เข้าในข้อไหนครับ..ฮารอม.มัครูห์.ฮารุส.วายิบ.สุนัต.ครับ.อาจารณ์.แล้วไหนหลักฐานว่าเป็นเช่นนั้นครับอาจารณ์
@@@@
@@@@
ชี้แจง
ผมเคยถาม อิบนู ฮาซัน ว่า คุณถามเพื่อที่จะละทิ้งบิดอะฮหรือจะปกป้องบิดอะฮ ให้ตอบด้วยนามของอัลลอฮ สิ่งที่ได้คือ ไม่กล้าตอบ เพราะผมรู้ดีว่า บางคนถามเพื่อที่จะต้อนให้ผู้ตอบจนมุม หรือ เพื่อที่จะหาความชอบธรรมในการทำบิดอะฮ หากผมตอบไม่ได้
ผมเคยถาม อิบนู ฮาซัน ว่า คุณถามเพื่อที่จะละทิ้งบิดอะฮหรือจะปกป้องบิดอะฮ ให้ตอบด้วยนามของอัลลอฮ สิ่งที่ได้คือ ไม่กล้าตอบ เพราะผมรู้ดีว่า บางคนถามเพื่อที่จะต้อนให้ผู้ตอบจนมุม หรือ เพื่อที่จะหาความชอบธรรมในการทำบิดอะฮ หากผมตอบไม่ได้
ขอเรียนว่า
การอ้างว่า ในพิธีเมาลิด พวกเขาทำสิ่งที่ดี เช่น อ่านอัลกุรอ่าน ,เศาะละวาตนบี หรือทำการเศาะดะเกาะฮเป็นต้น
ขอตอบว่า
การอ้างว่า ในพิธีเมาลิด พวกเขาทำสิ่งที่ดี เช่น อ่านอัลกุรอ่าน ,เศาะละวาตนบี หรือทำการเศาะดะเกาะฮเป็นต้น
ขอตอบว่า
1. อิบาดะฮใดๆที่ศาสนา ได้มีบัญญัติเอาไว้กว้างๆ ไม่เจาะจงเวลา และสถานที่ หากมาจำกัดเวลาหรือสถานที่ โดยมีความเชื่อว่ามีความประเสริฐ กว่า เวลาอื่นหรือสถานที่อื่น สิ่งนั้นคือ บิดอะฮในเรื่องอิบาดะฮ
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์ (ร.ฮ) กล่าวถึงตัวอย่างของบิดอะฮว่า
ومنها التزام الكيفيات والهيئات المعينة كالذكر بهيئة الاجتماع على صوت واحد، واتخاذ يوم ولادة النبي صلى الله عليه وسلم عيدا وما أشبه ذلك.
และส่วนหนึ่งจากมันคือ การยึดติดกับบรรดาวิธีการและรูปแบบ ที่ถูกเจาะจง เช่น การซิกริลละฮ ด้วยรูปแบบการชุมนุม (เป็นหมู่คณะ)ด้วยกล่าวพร้อมๆเป็นเสียงเดียว และ การถือเอาวันเกิดนบี ศอ็ลฯ เป็น วันอีด (วันเฉลิมฉลอง) และสิ่งที่คล้ายๆกันกับดังกล่าวนั้น
ومنها التزام العبادات المعينة، في أوقات معينة ، لم يوجد لها ذلك التعيين في الشريعة ، كالتزام صيام يوم النصف من شعبان ، وقيام ليلته
ส่วนหนึ่งจากมัน(บิดอะฮ)คือ การยึดติดกับการปฏิบัติบรรดาอิบาดะฮที่เฉพาะ ในบรรดาเวลาที่เฉพาะ ,การเจาะจงดังกล่าว สำหรับมัน ไม่ถูกพบ ในศาสนบัญญัติ เช่น การยึดติดกับการถือศีลอด นิสฟูชะอบาน และการละหมาดในคำคืนนั้น - อัลเอียะติศอม 1/45
อิหม่าม อิบนุดะกีกีลอีด ปราชญมัซฮับชาฟิอี กล่าว ถึงหลักการเจาะจง (التخصيص )ว่า
อิหม่าม อิบนุดะกีกีลอีด ปราชญมัซฮับชาฟิอี กล่าว ถึงหลักการเจาะจง (التخصيص )ว่า
إنَّ هَذِهِ الْخُصُوصِيَّاتِ بِالْوَقْتِ أَوْ بِالْحَالِ وَالْهَيْئَةِ ، وَالْفِعْلُ الْمَخْصُوصُ : يَحْتَاجُ إلَى دَلِيلٍ خَاصٍّ يَقْتَضِي اسْتِحْبَابَهُ بِخُصُوصِهِ
แท้จริงบรรดาการเจาะจงเหล่านี้ ด้วยเวลา หรือ โอกาส และ วิธีการ และการกระทำที่ถูกเจาะจง ต้องอาศัยหลักฐานที่เฉพาะ ตัดสิน การส่งเสริมให้ปฏิบัติมัน ด้วยการเจาะจงมัน – อุมดะอ อัลอะหกามของ อิบนุดะกีก ๑/๑๑๙
ข้างต้นคือหลักการเกี่ยวกับฟิกฮ ของปราชญมัซอับชาฟิอี ว่า การเจาะจง ต้องมีหลักฐาน
ข้างต้นคือหลักการเกี่ยวกับฟิกฮ ของปราชญมัซอับชาฟิอี ว่า การเจาะจง ต้องมีหลักฐาน
2. การอ้างว่าทำความดี ความจริง การงานที่ดีนั้น คือ การปฏิบัติสิ่งที่ตรงกับแบบอย่างนบี
อัลลอฮ ตาอาลาตรัสว่า
อัลลอฮ ตาอาลาตรัสว่า
الَّذِي خَلَقَ الْمَوْتَ وَالْحَيَاةَ لِيَبْلُوَكُمْ أَيُّكُمْ أَحْسَنُ عَمَلًا ۚ وَهُوَ الْعَزِيزُ الْغَفُورُ
พระผู้ทรงให้มีความตายและให้มีความเป็น เพื่อจะทดสอบพวกเจ้าว่า ผู้ใดบ้างในหมู่พวกเจ้าที่มีผลงานดียิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงให้อภัยเสมอ – อัลมุลกุ/2
อิบนุกอ็ยยิม (ร.ฮ)กล่าวว่า
قَالَ الْفُضَيْلُ بْنُ عِيَاضٍ : هُوَ أَخْلُصُ الْعَمَلِ وَأَصْوَبُهُ ، فَسُئِلَ عَنْ مَعْنَى ذَلِكَ ، فَقَالَ : إنَّ الْعَمَلَ إذَا كَانَ خَالِصًا وَلَمْ يَكُنْ صَوَابًا لَمْ يُقْبَلْ ، وَإِذَا كَانَ صَوَابًا وَلَمْ يَكُنْ خَالِصًا لَمْ يُقْبَلْ ، حَتَّى يَكُونَ خَالِصًا صَوَابًا فَالْخَالِصُ أَنْ يَكُونَ لِلَّهِ ، وَالصَّوَابُ أَنْ يَكُونَ عَلَى السُّنَّةِ ، ثُمَّ قَرَأَ قَوْلَهُ : { فَمَنْ كَانَ يَرْجُو لِقَاءَ رَبِّهِ فَلْيَعْمَلْ عَمَلًا صَالِحًا وَلَا يُشْرِكْ بِعِبَادَةِ رَبِّهِ أَحَدًا
อัลฟุฎัยล์ บิน อิยาฎ กล่าวว่า คือ ความบริสุทธิ์ใจของการงานนั้นและความถุฏต้องของมัน แล้วเขาถูกถามเกี่ยวกับความหมายดังกล่าว แล้วเขากล่าวว่า “แท้จริงการงาน(อะมั้ล)นั้น เมื่อมันเป็นความบริสุทธิ์ใจ (อิคลาศ) และ มันไม่ถูกต้อง มันก็ไม่ถูกรับ และเมื่อมันถูกต้อง โดยที่มันไม่มีความบริสุทธิ์ใจ มันก็ไม่ถูกรับ จนกว่า มัน เป็นความบริสุทธิ์ใจ และถูกต้อง แล้วความบริสุทธิ์ใจคือ มันเป็นความบริสทธิ์ใจแก่อัลลอฮ และความถูกต้องคือ มันเป็นไปตามสุนนะฮ หลังจากนั้นเขาอ่าน คำตรัสของพระองค์ที่ว่า
อัลฟุฎัยล์ บิน อิยาฎ กล่าวว่า คือ ความบริสุทธิ์ใจของการงานนั้นและความถุฏต้องของมัน แล้วเขาถูกถามเกี่ยวกับความหมายดังกล่าว แล้วเขากล่าวว่า “แท้จริงการงาน(อะมั้ล)นั้น เมื่อมันเป็นความบริสุทธิ์ใจ (อิคลาศ) และ มันไม่ถูกต้อง มันก็ไม่ถูกรับ และเมื่อมันถูกต้อง โดยที่มันไม่มีความบริสุทธิ์ใจ มันก็ไม่ถูกรับ จนกว่า มัน เป็นความบริสุทธิ์ใจ และถูกต้อง แล้วความบริสุทธิ์ใจคือ มันเป็นความบริสทธิ์ใจแก่อัลลอฮ และความถูกต้องคือ มันเป็นไปตามสุนนะฮ หลังจากนั้นเขาอ่าน คำตรัสของพระองค์ที่ว่า
فَمَن كَانَ يَرْجُو لِقَاء رَبِّهِ فَلْيَعْمَلْ عَمَلاً صَالِحاً وَلَا يُشْرِكْ بِعِبَادَةِ رَبِّهِ أَحَداً
"ดังนั้น ผู้ใดที่หวังจะได้พบองค์ผู้อภิบาลของเขา เขาก็จงประพฤติแต่ความดีงาม และเขาจงอย่าตั้งสิ่งอื่นใดเป็นภาคีในการนมัสการต่อองค์อภิบาลของเขา" อัลกะฮ์ฟิ 110 – เอียะลามอัลมุวักกิอีน เล่ม 2 หน้า 125
อิบนุกะษีร (ร.ฮ) อธิบายว่า
อิบนุกะษีร (ร.ฮ) อธิบายว่า
فَلْيَعْمَلْ عَمَلًا صَالِحًا ) ، مَا كَانَ مُوَافِقًا لِشَرْعِ اللَّهِ ) وَلَا يُشْرِكْ بِعِبَادَةِ رَبِّهِ أَحَدًا ) وَهُوَ الَّذِي يُرَادُ بِهِ وَجْهُ اللَّهِ وَحْدَهُ لَا شَرِيكَ لَهُ ، وَهَذَانَ رُكْنَا الْعَمَلِ الْمُتَقَبَّلِ . لَا بُدَّ أَنْ يَكُونَ خَالِصًا لِلَّهِ ، صَوَابًا عَلَى شَرِيعَةِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
(เขาก็จงประพฤติแต่ความดีงาม ) หมายถึง สิ่งที่สอดคล้องกับ บทบัญญัติของอัลลอฮ (และเขาจงอย่าตั้งสิ่งอื่นใดเป็นภาคีในการนมัสการต่อองค์อภิบาลของเขา) และ มันคือ ที่ถูกประสงค์ด้วยมัน เพื่อพระพักต์แห่งอัลลอฮ เพียงพระองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆแก่พระองค์ และนี้คือหลักสำคัญสองประการของอะมัล(การงาน)ที่ถูกรับรอง ,จำเป็นจะต้องมีความบริสุทธิ์ใจแก่อัลลอฮ ,ถูกต้องตามชะรีอะฮ (บทบัญญัติ)ของรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ – ตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม 5 หน้า 206
3. บิดอะฮฺทุกประเภทในศาสนาล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม และหลงผิดทั้งสิ้น ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«وإياكم ومحدثات الأمور، فإن كل محدثة بدعة، وكل بدعة ضلالة»
ความว่า : “และพวกเจ้าจงระวังสิ่งใหม่ในศาสนา เพราะว่าทุกๆ บิดอะฮฺนั้นคือความหลงผิด” (รายงานโดย อะบู ดาวูด : 4607 และอัต-ติรมิซีย์ : 2676)
ส่วนบิดอะฮที่ ถูกแบ่งตามหุกุมตักลีฟีย์ เช่น วาญิบ ,สุนัต ,มักรูฮ หะรอม ญาอิซ มันเป็นบิดอะฮในทางภาษา หรือบิดอะฮในทางดุนยา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ
อัลญีซานีย์ (ร.ฮ) กล่าวว่า
ส่วนบิดอะฮที่ ถูกแบ่งตามหุกุมตักลีฟีย์ เช่น วาญิบ ,สุนัต ,มักรูฮ หะรอม ญาอิซ มันเป็นบิดอะฮในทางภาษา หรือบิดอะฮในทางดุนยา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ
อัลญีซานีย์ (ร.ฮ) กล่าวว่า
الخلاف واقع قديماً بين أهل العلم في تقسيم البدعة إلى حسنة وقبيحة,وإلى أحكام التكليف الخمسة , وهذا الخلاف يمكن أن يكون لفظياً , وذلك لاتفاق الجميع على أن هذا التقسيم إنما هو للبدعة اللغوية دون البدعة الشرعية ,وأن البدعة التي توصف بأنها حسنة إنما هي البدعة اللغوية.
การเห็นขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นในอดีต ระหว่างนักวิชาการ ในการแบ่งบิดอะฮ เป็น บิดอะฮที่ดี และบิดอะฮที่เลว และไปสู่แบ่งเป็น บรรดาหุกุมตักลีฟ ทั้งห้าประการ และ การเห็นขัดแย้งนี้ เป็นไปได้ว่า มันเป็น การขัดแย้ง ที่เกี่ยวคำถ้อยคำ และดังกล่าวนั้น เพราะทั้งหมดเห็นฟ้องกัน ว่า การแบ่งนี้ (การแบ่งตามหุกุมตักลิฟ) ความจริง มันคือบิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ และแท้จริง บิดอะฮ ที่ถูกอธิบายคุณลักษณะ ว่ามันคือ บิดอะฮที่ดี (บิดอะฮหะสะนะฮ) ความจริงมันคือบิดอะฮในด้านภาษา – ดู เมียะยารุลบิดอะฮ หน้า 71
.............
สรุปคือ บิดอะฮที่แบ่งเป็นบิดอะฮที่ดีนั้น ไม่เกี่ยวกับบิดอะฮในทางศาสนา แต่เป็นบิดอะฮในทางภาษา ข้อย้ำด้วย ทัศนะของอัลหาฟิซอิบนุหะญัรที่ว่า
.............
สรุปคือ บิดอะฮที่แบ่งเป็นบิดอะฮที่ดีนั้น ไม่เกี่ยวกับบิดอะฮในทางศาสนา แต่เป็นบิดอะฮในทางภาษา ข้อย้ำด้วย ทัศนะของอัลหาฟิซอิบนุหะญัรที่ว่า
فالبدعة في عرف الشرع مذمومة بخلاف اللغة فإن كل شيء أحدث على غير مثال يسمى بدعة سواء كان محموداً أو مذموماً
บิดอะฮ ในนิยามทางศาสนา นั้น ถูกตำหนิ ซึ่งต่างกับบิดอะฮในทางภาษา ดังนั้นทุกสิ่งที่ถูกอิตริขึ้นใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อนนั้น เรียกว่า บิดอะฮ จะเป็นสิ่งที่ได้รับการสรรเสริญหรือ ได้รับการตำหนิก็ตาม - ดูฟัตหุ้ลบารีย์ เล่ม 13 หน้า 353
...............
เพราะฉะนั้น การกระทำบิดอะฮในทางศาสนา เป็นการฝ่าฝืน คำสอนท่านนบี ศอ็ลฯและการฝ่าฝืนคำสั่งนบีนั้น เป็นสิ่งที่ต้องห้าม และไม่มีหนทางใดที่จะทำบิดอะฮ ในทางศาสนาเป็นสิ่งที่ดีได้ แม้จะเอาเหตุหลายร้อยเล่มเกวียนมาอ้างก็ตาม
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/9/60
...............
เพราะฉะนั้น การกระทำบิดอะฮในทางศาสนา เป็นการฝ่าฝืน คำสอนท่านนบี ศอ็ลฯและการฝ่าฝืนคำสั่งนบีนั้น เป็นสิ่งที่ต้องห้าม และไม่มีหนทางใดที่จะทำบิดอะฮ ในทางศาสนาเป็นสิ่งที่ดีได้ แม้จะเอาเหตุหลายร้อยเล่มเกวียนมาอ้างก็ตาม
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/9/60
เอกสารอ้างอิง


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น