วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560

วาทกรรมแอบอ้างว่าอิหม่ามอัตติริซีย์ตีความหะดิษสิฟาต


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


วาทกรรมแอบอ้างว่าอิหม่ามอัตติริซีย์ตีความหะดิษสิฟาต
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
ขอชี้เเจงดังนี้
การที่วะฮาบีย์แปลคำพูดของท่านอัตติรมีซีย์ว่า "สถิตอยู่บนบัลลังก์" ถือว่าโกหกมุสาต่อท่านอัตติรมีซีย์ เพราะท่านอัตติรมีซีย์มิได้ให้ความหมายว่า สถิต إِسْتَقَرَّ และมิได้เป็นการของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ และคำกล่าวของอัตติรมีซีย์นี้อ้างอิงมาจากหนังสืออัลอุลู้วขอท่านอัซซะฮะบีย์ แต่ขณะเดียวกันท่านอัซซะฮะบีย์คัดค้านในการให้ควาหมายว่า สถิต إِسْتَقَرَّ ดู หนังสือมุตตะซ็อรอัลอุลู้วขอท่านอัซซะฮะบีย์ ย่อโดยอัลบานีย์ หน้า 261 และหน้า 280 ตีพิมพ์อัลมักตับอัลอิสลามีย์
………………………………………
แต่เมื่อเรากลับไปดูจากต้นฉบับสุนันอัตติรมีซีย์ มีระบุไว้เต็ม ๆ ไว้ดังนี้ครับ
ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ กล่าวรายงานไว้ในหะดิษหนึ่ง ความว่า
لو أنكم دليتم بحبل إلى الأرض السفلى لهبط على الله ، ثم قرأ ( هو الأول والآخر والظاهر والباطن وهو بكل شيء عليم 
"หากแมันพวกท่านได้หย่อนเชือกหนึ่งลงมายังแผ่นดินชั้นล่างสุด แน่นอนมันก็จะตกบนอัลเลาะฮ์ หลังจากนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ได้อ่านอายะฮ์ที่ว่า "พระองค์ทรงเป็นองค์แรก พระองค์ทรงเป็นองค์สุดท้าย พระองค์ทรงเป็นภายนอก และพระองค์ทรงเป็นภายใน" (อัล-หะดีด 3)
ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ กล่าวว่าต่อไปว่า
هذا حديث غريب من هذا الوجه .. وفسر بعض أهل العلم هذا الحديث فقالوا : إنما هبط على علم الله وقدرته وسلطانه ، وعلم الله وقدرته وسلطانه في كل مكان وهو على العرش كما وصف في كتابه
"หะดิษนี้เป็นหะดิษฆอรีบ (หะดิษที่มีสายรายงานคนเดียวทั้งสายรายงาน) จากหนทางสายรายงานนี้ และนักปราชญ์(สะลัฟ)ส่วนหนึ่งได้อธิบายหะดิษนี้ โดยพวกเขากล่าวว่า "แท้จริงเชือกจะตกลงมาบนความรู้ , อานุภาพ , และอำนาจของอัลเลาะฮ์ และความรู้ ,อานุภาพ , และอำนาจของอัลเลาะฮ์นั้นอยู่ในทุกสถานที่ พระองค์สูงส่งเหนืออะรัชตามที่พระองค์ทรงพรรณนาไว้ในคำภีร์ของพระองค์" ดู หนังสือ ตั๊วะฟะตุลอัลอะห์วะซีย์ อธิบายสุนันอัตติรมีซีย์ 9/187 ตีพิมพ์ กุรตุบะฮ์
ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ เป็นอิมามท่านหนึ่งจากสะละฟุศศอลิห์ เป็นหนึ่งจากเจ้าของหนังสือสุนันทั้งหก ซึ่งท่านได้ทำการตีความ ตะวีล ดังที่ท่านได้เห็นข้างต้น ยิ่งกว่านั้นท่านอัตติรมีซ๊ย์เองยังถ่ายทอดการตีความนี้จากบรรดานักปราชญ์สะลัฟบางส่วนอีกด้วย
@@@@@@@@@@
ชี้แจง
ข้างต้น ไม่ใช่อะกีดะฮของอิหม่ามติรมิซีย์ ท่านได้รายงานว่า นักวิชาการบางส่วน ได้ตัฟตัฟสีร หะดิษข้างต้น ท่านไม่ได้หมายถึงทัศนะของท่าน อย่างที่นาย อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ บิดเบือน ที่นี้มาดูสิ่งที่ อิหม่ามอัตติรมิซีย์ อธิบายต่อไปนี้
حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ مَنِيعٍ حَدَّثَنَا يَزِيدُ بْنُ هَارُونَ أَخْبَرَنَا مُحَمَّدُ بْنُ إِسْحَقَ عَنْ أَبِي الزِّنَادِ عَنْ الْأَعْرَجِ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَمِينُ الرَّحْمَنِ مَلْأَى سَحَّاءُ لَا يُغِيضُهَا اللَّيْلُ وَالنَّهَارُ قَالَ أَرَأَيْتُمْ مَا أَنْفَقَ مُنْذُ خَلَقَ السَّمَوَاتِ وَالْأَرْضَ فَإِنَّهُ لَمْ يَغِضْ مَا فِي يَمِينِهِ وَعَرْشُهُ عَلَى الْمَاءِ وَبِيَدِهِ الْأُخْرَى الْمِيزَانُ يَرْفَعُ وَيَخْفِضُ
คำแปลตัวบท
รายงานจาก อบีฮุรัยเราะฮ รซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “มือขวาของอัลลอฮ เต็มเปี่ยม การใช้จ่าย ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ได้ทำให้มันเหือดแห้ง ,พวกท่านเห็นไหม สิ่งที่ทรงใช้จ่าย ตั้งแต่สร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน สิ่งที่อยู่ในมือขวาของพระองค์ ก็ไม่ได้เหือดแห้ง ท่านรซูลลุลลอฮ กล่าวว่า “บัลลังค์ของพระองค์ อยู่บนน้ำ และในมือของพระองค์อีกข้าง( มี) อัลมีซาน แล้วทรง ยกขึ้นและยกลง ,
قَالَ أَبُو عِيسَى هَذَا حَدِيثٌ حَسَنٌ صَحِيحٌ وَتَفْسِيرُ هَذِهِ الْآيَةِ وَقَالَتْ الْيَهُودُ يَدُ اللَّهِ مَغْلُولَةٌ غُلَّتْ أَيْدِيهِمْ وَلُعِنُوا بِمَا قَالُوا بَلْ يَدَاهُ مَبْسُوطَتَانِ يُنْفِقُ كَيْفَ يَشَاءُ
อิหม่าม อบูอีซา (หมายถึง อิหม่ามอัตติรมิซีย) กล่าวว่า หะดิษนี้ หะซัน เศาะเฮียะ และ คือการอธิบายอายะฮนี้ (และชาวยิวนั้นได้กล่าวว่า พระหัตถ์ของอัลลอฮ์นั้นถูกล่ามตรวน มือของพวกเขาต่างหากที่ถูกล่ามตรวน และพวกเขาได้รับละอ์นัต เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาพูด หามิได้ พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ถูกแบออกต่างหาก ซึ่งพระองค์จะทรงแจกจ่ายอย่างไรก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์)
وَهَذَا حَدِيثٌ قَدْ رَوَتْهُ الْأَئِمَّةُ نُؤْمِنُ بِهِ كَمَا جَاءَ مِنْ غَيْرِ أَنْ يُفَسَّرَ أَوْ يُتَوَهَّمَ هَكَذَا قَالَ غَيْرُ وَاحِدٍ مِنْ الْأَئِمَّةِ مِنْهِمْ سُفْيَانُ الثَّوْرِيُّ وَمَالِكُ بْنُ أَنَسٍ وَابْنُ عُيَيْنَةَ وَابْنُ الْمُبَارَكِ أَنَّهُ تُرْوَى هَذِهِ الْأَشْيَاءُ وَيُؤْمَنُ بِهَا وَلَا يُقَالُ كَيْفَ
(อิหม่ามอัตติรมิซีกล่าวว่า) และหะดิษนี้ แท้จริงบรรดาอิหม่ามได้รายงานมัน ,เราศรัทธา ด้วยมัน ดังเช่นสิ่งที่มันได้มีมา โดยไม่อธิบาย (หมายถึงไม่อธิบายรูปแบบ) หรือ นึกมโนภาพ ,ในทองนองนี้ อิหม่ามหลายท่าน ได้กล่าวเอาไว้ ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ ซูหยาน อัษเษารีย์ ,มาลิก บิน อานัส ,อิบนุอุยัยนะฮ และอิบนุอัลมุบารอ็ก ว่า แท้จริง บรรดาสิ่งเหล่านี้ (หมายถึงบรรดาหะดิษสิฟาต) ถูกรายงาน และ ถูกศรัทธาด้วยมัน และ จะไม่ถูกกล่าวว่า “เป็นอย่างไร” – ดูสุนันอัตติรมิซีย หะดิษหมายเลข 3045 กิตาบุตตัฟสีร ซูเราะฮ อัลมาอิดะฮ
@@@@@@@
ข้างต้น ชี้ให้เห็นว่าอะกีดะฮของอิหม่ามอัตติรมิซีย์ (ร.ฮ) จริงๆ คือ การยืนยันสิฟาตตามตัวบทโดยไม่ตีความ เพราะฉะนั้น การที อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ อ้างว่า อิหม่ามอัตติรมิซีย์ ได้ทำการตีความ ตะวีลนั้น เป็นการอ้างเท็จให้แก่อิหม่ามอัตติรมิซีย์ 
ส่วนเรื่อง ความมาย استقرر นั้น ผมได้ชี้หลายครั้งแล้ว ว่า คนที่ใช้ความหมายนี้ ก็คือส่วนหนึ่งจากความหมายอิสติวาอฺ และคนที่ใช้ ความหมาย علا หรือ ارتفع ทุกคนชาวสะลัฟ มีจุดหมายเดียวกันคือ การยืนยันการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ไม่ใช่แบบอะกีดะฮญะมียะฮที่ปฏิเสธ และเข้าใจแปละปรักปรำ ว่าวะฮบีย์เชื่อว่า ว่าอัลลอฮใช้บัลลังค์เป็นที่ประทับนั่งติดกับมันและอาศัยฟ้าเป็นที่อาศัย- วัลอิยาซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
27/3/60

วาทกรรมไม่รู้แล้วนั่งเทียนกล่าวหา




ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

วาทกรรมไม่รู้แล้วนั่งเทียนกล่าวหา
อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์
ถ้าไม่เปลี่ยนความหมายเป็นอื่นทั้งหมดในอายะฮ์มุตะชาบิฮาต แบบที่คุณ Lookman Mahruesah ว่าแล้ว ในอายะฮ์นี้ ชี้ชัดภายนอกแปลตามวะฮฺฮาบีว่า อัลลอฮฺทรงมีความหลงลืม นะอูซุบิลลาฮฺ
الْيَوْمَ نَنسَاكُمْ كَمَا نَسِيتُمْ لِقَاءَ يَوْمِكُمْ هَٰذَا
“ วันนี้เราจะลืมพวกท่าน เสมือนที่พวกท่านลืมในการพบเจอฉันในวันของท่าน(คือดุนยา) ”
อัลญาซิยะฮ์ อายะฮ์ที่ 34.
หรือคุณคิดว่า อัลลอฮฺทรงหลงลืม ?
@@@@@
วิจารณ์
ผมไปเจอคำพูดของท่านบาบอ อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ ข้างต้นที่ตอบโต้คุณ Lookman Mahruesah โดยบาบออาหมัดรอซิดี อ้างว่า อายะฮที่ว่า
الْيَوْمَ نَنسَاكُمْ كَمَا نَسِيتُمْ لِقَاءَ يَوْمِكُمْ هَٰذَا
“ วันนี้เราจะลืมพวกท่าน เสมือนที่พวกท่านลืมในการพบเจอฉันในวันของท่าน(คือดุนยา) ” 
โดยกล่าวหาวะฮบีย์ว่า
"ในอายะฮ์นี้ ชี้ชัดภายนอกแปลตามวะฮฺฮาบีว่า อัลลอฮฺทรงมีความหลงลืม นะอูซุบิลลาฮฺ "
ขอเรียนผ่านบทความนี้ว่า ท่านบาบอ ยังอ่อนหัด ไม่อ่านตัฟสีรสะลัฟ แล้วมาชี้ ว่า วะฮบีย์แปลว่าลืม ทั้งๆที่คำว่า "نسى ความหมายหนึ่งของมัน คือ ترك ไม่อ่านตัฟสีรสะลัฟ ไม่อ่านที่มาของคำ แล้วนั่งเทียน หาว่า "วะฮบีย์ หมายถึงอัลลอฮหลงลืม -นะอูซุบิลละฮ
ความหมายคำว่า ننساكم ความหมายของคำนี้คือ نَتْرُكُكُمْ
อิบนุญะรีร (ร.ฮ)กล่าวว่า
يَقُولُ - تَعَالَى ذِكْرُهُ - : وَقِيلَ لِهَؤُلَاءِ الْكَفَرَةِ الَّذِينَ وَصَفَ صِفَتَهُمُ : الْيَوْمَ نَتْرُكُكُمْ فِي عَذَابِ جَهَنَّمَ ، كَمَا تَرَكْتُمُ الْعَمَلَ لِلِقَاءِ رَبِّكُمْ يَوْمَكُمْ هَذَا .
كَمَا حَدَّثَنِي عَلِيٌّ قَالَ : ثَنَا أَبُو صَالِحٍ قَالَ : ثَنِي مُعَاوِيَةُ ، عَنْ عَلِيٍّ ، عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ قَوْلَهُ ( وَقِيلَ الْيَوْمَ نَنْسَاكُمْ ) نَتْرُكُكُمْ
อัลลอฮตาอาลา ตรัสว่า "และถูกกล่าวแก่ บรรดากุฟูรเหล่านี้ ซึ่ง พระองค์ได้อธิบายลักษณะ ของพวกเขาว่า "วันนี้ เราจะทิ้งให้พวกเจ้าอยู่ในการลงโทษของนรกญะฮันนัม ดัง เช่นที่พวกเจ้าได้ทิ้งการงาน(อะมั้ล) สำหรับการพบกับพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า ในวันของพวกเจ้านี้ ดังสิ่งที่ อาลีได้เล่าข้าพเจ้าว่า อบูศอลิหได้เล่าข้าพเจ้า โดยเขากล่าวว่า มุอาวิยะฮได้เล่าข้าพเจ้าว่า รายงานจากอาลี จากอิบนุอับบาส เกี่ยวกับคำตรัสของพระองค์ที่ว่า( และถูกกล่าวขึ้นว่า วันนี้เราจะลืมพวกเจ้า) หมายถึง เราได้ทิ้งพวกเจ้า - ตัฟสีรอิบนุญะรีร อรรถาธิบายอายะฮ 34 ซูเราะฮอัลญาษิยะฮ
อิหม่ามอัลบัฆวีย์ (ร.ฮ) อธิบายว่า
( وَقِيلَ الْيَوْمَ نَنْسَاكُمْ ) نَتْرُكُكُمْ فِي النَّارِ ( كَمَا نَسِيتُمْ لِقَاءَ يَوْمِكُمْ هَذَا ) تَرَكْتُمُ الْإِيمَانَ وَالْعَمَلَ لِلِقَاءِ هَذَا الْيَوْمِ
(และถูกกล่าวว่าวันนี้เราจะลืมพวกเจ้า) หมายถึง เราจะทิ้งพวกเจ้าในนรก (เจ้าเช่นที่พวกเจ้าได้ลืมการพบในวันนี้ของพวกเจ้า ) หมายถึง พวกเจ้าละทิ้ง การศรัทธา และการปฏิบัติ เพื่อที่จะพบวันนี้ -ตัฟสีรอัลบัฆวีย์ 7/248
อิบนุฟารีส (ร.ฮ)กล่าวว่า
النِّسْيان: الترك، قال الله جَلَّ وعَزَّ: نَسُوا اللهَ فَنَسِيَهُمْ
อัลนิสยาน หมายถึง อัตตัรก (การทิ้ง) .อัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง ตรัสว่า พวกเขาทิ้งอัลลอฮ แล้วอัลลอฮทรงทิ้งพวกเขา -ดู มุจญมะลุลลุเฆาะฮ หน้า 866
อิบนุญะรีร (ร.ฮ) อธิบายว่า
معناه: تركوا الله أن يطيعوه ويتبعوا أمره، فتركهم الله من توفيقه وهدايته ورحمته، وقد دلَّلْنَا فيما مضى على أنَّ معنى النسيان: الترك، بشواهده فأغنى ذلك عن إعادته هاهنا
ความหมายของมันคือ พวกเขาทิ้งอัลลอฮ ต่อการที่พวกเขาจะเชื่อฟังพระองค์ และปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ แล้วอัลลอฮก็ทิ้งพวกเขา จากการเตาฟิกของพระองค์,การฮิดายะฮของพระองค์ และ ความเมตตาของพระองค์ - ดูตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบายซูเราะฮอัตเตาบะฮ อายะฮที่ 67 
..........
คำว่า "ลื่ม ไม่ใช่คุณลักษณะของอัลลอฮ เพราะเป็นคุณลักษณะของความบกพร่อง คนถ้าไม่ปัญญาอ่อน คงจะไม่กล่าวหาคนอื่นหรอกว่า เชื่อว่าอัลลอฮหลงลืม -นะอูซุบิลละอ การให้ความหมายว่า النسيان ว่า ้الترك " ไม่ใช่การตีความ (ตะวีล) ที่อาชาอิเราะฮจะเอามาอ้างรับรองการใช้ตรรกตีความอายาตสิฟาต
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
27/3/60

วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560

ตอบโต้แนวคิดญะฮมียะฮปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ(ตอนตรรกวิบัติ)



ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ตอบโต้แนวคิดญะฮมียะฮปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ(ตอน
ตรรกวิบัติ)
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม 
18 มีนาคม เวลา 11:35 น. ·
3.อีหม่ามบุคอรีมิได้บรรจุฮาดิษมักเฏาะนี้ในซอแฮหของท่าน แสดงว่าตามมาตรฐานการตรวจสอบฮาดิษของท่านอีหม่ามบุคอรีนั้นฮาดิษนี้ยังดออีฟอยู่..
4.อีหม่ามบุคอรี มิได้อ้างหลักฐานนี้มาอธิบายอากีดะห์ตัวเองเลยว่า อัลลอฮอยู่บนอารัชหรืออัลลอฮอยู่บนน้ำก่อนสร้างอารัชแต่อย่างใด.
#ฉะนั้น. ลุงอาสันสาบีเดา หยุดบิดเบือนทรรศนะอุลามะและหยุดหลวกลวงคนเอาวามได้แล้ว ถ้าไม่อยากให้นรกแดกกบาล..
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ชี้แจง
หะดิษที่อิหม่ามบุคอรี ระบุไว้ใน หนังสือ คอ็ลคุอัฟอาลิลอิบาด ของท่าน ที่ระบุ คำพูดของท่านสุลัยมานอัตตัยมีย์ว่า
يَقُولُ : " لَوْ سُئِلْتُ أَيْنَ اللَّهُ ؟ لَقُلْتُ فِي السَّمَاءِ
ถ้าข้าพเจ้าถูกถามว่าอัลลอฮอยู่ใหน? ข้าพเจ้าก็จะตอบว่า "อัลลอฮอยู่บนฟ้า........
– คอ็ลคุอัฟอาลิลอิบาด ของ อิหม่าม บุคอรี ๑/๓๘ หะดิษหมายเลข ๖
นาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม อ้างหนาตาเฉยว่า
3.อีหม่ามบุคอรีมิได้บรรจุฮาดิษมักเฏาะนี้ในซอแฮหของท่าน แสดงว่าตามมาตรฐานการตรวจสอบฮาดิษของท่านอีหม่ามบุคอรีนั้นฮาดิษนี้ยังดออีฟอยู่.
...................
ข้างต้นชี้ให้เห็นว่า ใช้ตรรกเดาสุ่ม และนั่งเทียนวิจารณ์ แถตามความเห็น เพื่อเป็นข้ออ้าง ในการปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ
แต่พอหะดิษที่อิหม่ามบุคอรีย์ ระบุไว้ในเศาะเฮียะบุคอรี กิตาบุตเตาฮีด คนกลุ่มนี้ก็ไม่เชื่อและแถอีกเช่นกัน คือหะดิษที่ว่า
قَالَ فَكَانَتْ زَيْنَبُ تَفْخَرُ عَلَى أَزْوَاجِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم تَقُولُ زَوَّجَكُنَّ أَهَالِيكُنَّ، وَزَوَّجَنِي اللَّهُ تَعَالَى مِنْ فَوْقِ سَبْعِ سَمَوَاتٍ. وَعَنْ ثَابِتٍ {وَتُخْفِي فِي نَفْسِكَ مَا اللَّهُ مُبْدِيهِ وَتَخْشَى النَّاسَ} نَزَلَتْ فِي شَأْنِ زَيْنَبَ وَزَيْدِ بْنِ حَارِثَةَ
เขา(ท่านนบี)กล่าวว่า “ซัยหนับ ได้แสดงความภาคภูมิใจอวด บรรดาภรรยาของนบี ศอ็ลฯ กล่าวว่า “โดยนางกล่าวว่า “ ครอบครัวของพวกเธอจัดการแต่งงานให้พวกเธอ (กับท่านนบี) โดยที่ อัลลอฮ ตะอาลา จัดการแต่งงานฉัน(กับนบี) จากเบื้องบน เจ็ดชั้นฟ้า และรายงานจากษาบีต ว่า (และเจ้าได้ซ่อนไว้ในจิตใจของเจ้าเรื่องที่อัลลอฮฺจะทรงเปิดเผยมัน) ว่า มัน(อายะฮนี้ )ถูก ประทานลงมาเกี่ยวกับ ซัยหนับและเซด บิน หาริษะฮ - รายงานโดยบุคอรี หะดิษหมายเลข 7420 กิตาบุตเตาฮีด
อีกสำนวน
وَكَانَتْ تَفْخَرُ عَلَى نِسَاءِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَكَانَتْ تَقُولُ إِنَّ اللَّهَ أَنْكَحَنِي فِي السَّمَاءِ
และปรากฏว่านาง(ซัยหนับ) ได้แสดงความภาคภูมิใจอวด บรรดาภรรยาของนบี ศอ็ลฯ และปรากฏว่านางกล่าวว่า "แท้จริง อัลลอฮได้ แต่งงานฉัน(กับท่านนบี) บนฟากฟ้า - รายงานโดยบุคอรี หะดิษหมายเลข 7421 กิตาบุตเตาฮีด
และอีกหะดิษ คือ
حَدَّثَنَا أَبُو الْيَمَانِ أَخْبَرَنَا شُعَيْبٌ حَدَّثَنَا أَبُو الزِّنَادِ عَنْ الْأَعْرَجِ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ إِنَّ اللَّهَ لَمَّا قَضَى الْخَلْقَ كَتَبَ عِنْدَهُ فَوْقَ عَرْشِهِ إِنَّ رَحْمَتِي سَبَقَتْ غَضَبِي
คำแปลตัวบท
จากท่านนบี ศอ็ลฯ กล่าวว่า
แท้จริง อัลเลาะฮ์ เมื่อทรงเสร็จสิ้นจากการสร้างมัคโลค พระองค์ก็ทรงเขียนไว้ ณ พระองค์ เหนือบันลังก์ ของพระองค์ ว่า แท้จริง ความเมตตาของข้านั้น พิชิตเหนือ ความกริ้วของฉัน"-รายงานโดยบุคอรี หะดิษหมายเลข 7422 กิตาบุตเตาฮีด
@@@
หะดิษข้างต้น มีสักครั้งไหมที่อาชาอีเราะฮกลุ่มนี้ยอมรับ ไม่มีเลยนอกจาก หาข้ออ้างปฏิเสธความหมายโดยการตีความ เพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ -นะอูซุบิลละฮ ตกลงว่าใครบิดเบือนศาสนากันแน่
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
26/3/60

ตอบโต้แนวคิดญะฮมียะฮปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ(ตอนใส่ร้ายว่าผมหลอกลวงคนอาวาม)



ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


ตอบโต้แนวคิดญะฮมียะฮปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ(ตอนใส่ร้ายว่าผมหลอกลวงคนอาวาม)
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 3 ภาพ
18 มีนาคม เวลา 11:35 น. · 
#อ้างอิงจาก. Asan Binabdullah
อิหม่ามบุคอรี ได้ระบุหลักฐานจากสะลัฟมากมายแสดงถึงการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ เช่น
وَقَالَ ضَمْرَةُ بْنُ رَبِيعَةَ ، عَنْ صَدَقَةَ ، سَمِعْتُ سُلَيْمَانَ التَّيْمِيَّ ، يَقُولُ : " لَوْ سُئِلْتُ أَيْنَ اللَّهُ ؟ لَقُلْتُ فِي السَّمَاءِ ، فَإِنْ قَالَ فَأَيْنَ كَانَ عَرْشُهُ قَبْلَ السَّمَاءِ ؟ لَقُلْتُ : عَلَى الْمَاءِ ، فَإِنْ قَالَ : فَأَيْنَ كَانَ عَرْشُهُ قَبْلَ الْمَاءِ ؟ لَقُلْتُ : لا أَعْلَمُ # قَالَ أَبُو عَبْدِ اللَّهِ : وَذَلِكَ لِقَوْلِهِ تَعَالَى : " وَلا يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِنْ عِلْمِهِ إِلا بِمَا شَاءَ سورة البقرة آية 255 يَعْنِي إِلا بِمَا بَيَّنَ
ละฎอ็มเราะฮ บิน เราะบีอะฮ ได้รายงานจาก เศาะดะเกาะฮ ว่า ฉันได้ยินจากสุลัยมานอัตตัยมีย์ กล่าวว่า “ฉันถูกถามว่า “อัลลอฮอยู่ใหน? ฉันตอบว่า “อยู่บนฟ้า แล้วถ้าเขากล่าวว่า “ อะรัชของพระองค์ อยู่ใหน ก่อนที่ มีฟากฟ้า ,ฉันก็จะกล่าวว่า “อยู่บนน้ำ แล้วถ้าเขากล่าวถามว่า อะรัชของพระองค์อยู่ใหน ก่อนที่มีน้ำ ฉันก็จะกล่าวว่า “ฉันไม่รู้ ,อบูอับดุลลอฮ กล่าวว่า ดังกล่าวนั้นแหละ ที่อัลลอฮตะอาลาตรัสว่า
وَلاَ يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِّنْ عِلْمِهِ إِلاَّ بِمَا شَاء
และพวกเขาไม่ได้ล้อมรอบ (เข้าถึง) สิ่งใดจากความรู้ของพระองค์ เว้นแต่ตามที่พระองค์ทรงประสงค์
หมายถึง ยกเว้นสิ่งที่พระองค์อธิบายไว้ – คอ็ลคุอัฟอาลิลอิบาด ของ อิหม่าม บุคอรี ๑/๓๘ หะดิษหมายเลข ๖๔ 
************
#ชี้แจง. จากประเด็นข้างต้นผมสามารถบอกถึงความบิดเบือนของลุงอาสันได้หลายประการ...
1.นี่ไม่ใช่ฮาดิษจากท่านนบีหรือซอฮาบัต. เป็นเพียงคำพูดของตาบีอีน หรือเรียกว่า ฮาดิษมักเฏาะ... ฉะนั้น ฎอมเราะห์ไปรู้มาจากใครว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้าหรืออัลลอฮอยู่บนน้ำก่อนสร้างอารัช..
2.ฮาดิษมักเฏาะไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานทางศาสนาได้. เนื่องจากขาดความต่อเนื่องในการรายงาน เช่น การใช้ถ้อยคำที่รายงานมาจากบุคคลที่อยู่ถัดจากสมัยซอฮาบะห์ ว่า " มินัซซุนนะห์" หรือ จากแนวทาง เป็นต้น..
3.อีหม่ามบุคอรีมิได้บรรจุฮาดิษมักเฏาะนี้ในซอแฮหของท่าน แสดงว่าตามมาตรฐานการตรวจสอบฮาดิษของท่านอีหม่ามบุคอรีนั้นฮาดิษนี้ยังดออีฟอยู่..
4.อีหม่ามบุคอรี มิได้อ้างหลักฐานนี้มาอธิบายอากีดะห์ตัวเองเลยว่า อัลลอฮอยู่บนอารัชหรืออัลลอฮอยู่บนน้ำก่อนสร้างอารัชแต่อย่างใด.
#ฉะนั้น. ลุงอาสันสาบีเดา หยุดบิดเบือนทรรศนะอุลามะและหยุดหลวกลวงคนเอาวามได้แล้ว ถ้าไม่อยากให้นรกแดกกบาล..
@@@@
ชี้แจง
ความจริงไม่อยากเสียเวลากับมุนาฟิกคนนี้ สาบานโกหกตลอดมา มีพฤติกรรมวาจากก้าวร้าวขึ้นทุกวัน ทำตำเป็นผู้รู้ชอบเอาหลักฐานมาชงบิดเบือนเรียกคะแนนจากแนวร่วม
แต่วันนี้ ขอชี้แจกการโกหกของคนๆนี้ ดังนี้
1.นี่ไม่ใช่ฮาดิษจากท่านนบีหรือซอฮาบัต. เป็นเพียงคำพูดของตาบีอีน หรือเรียกว่า ฮาดิษมักเฏาะ... ฉะนั้น ฎอมเราะห์ไปรู้มาจากใครว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้าหรืออัลลอฮอยู่บนน้ำก่อนสร้างอารัช.
ตอบ
1.1 หะดิษสุลัยมานอัตตัยมีย์ ที่ระบุว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้า อิหม่ามบุคอรีได้เอามาเป็นหลักฐานตอบโต้อะกีดะฮญะมียะฮ อย่างนาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ที่ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ เพื่อให้รู้ว่า สะลัฟ เขาเชื่อว่าพระเจ้าอยู่บนฟ้า
อิบนุกุดามะฮ (ร.ฮ) ได้ระบุสายรายงานหะดิษข้างต้น ในอิษบาตสิฟัตอัลอุลูว์ หะดิษหมายเลข 57 ดังนี้
خْبَرَنَا أَبُو بَكْرٍ ، أَنْبَأَ أَبُو بَكْرٍ ، أَنْبَأَ أَبُو الْقَاسِمِ ، أَنْبَأَ أَحْمَدُ بْنُ عُبَيْدٍ ، أَنْبَأَ مُحَمَّدُ بْنُ الْحُسَيْنِ ، أَنْبَأَ أَحْمَدُ بْنُ أَبِي خَيْثَمَةَ ، ثَنَا هَارُونُ بْنُ مَعْرُوفٍ ، ثَنَا ضَمْرَةُ ، عَنْ صَدَقَةَ ، قَالَ : سَمِعْتُ سُلَيْمَانَ التَّيْمِيَّ ، يَقُولُ : " لَوْ سُئِلْتُ أَيْنَ اللَّهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى ؟ قُلْتُ : فِي السَّمَاءِ " .
จากสุลัยมานอัตตัยมีย์ กล่าวว่า “ฉันถูกถามว่า “อัลลอฮอยู่ใหน? ฉันตอบว่า “อยู่บนฟ้า.................
1.2 หะดิษข้างต้น มีหะดิษมัรฟัวะ(หะดิษที่สืบไปถึงนบี) คือหะดิษญารียะฮ ซึ่งเป็นหะดิษเศาะเฮียะ
ดังที่ อัลหาฟิซอิบนุหะญัรกล่าวว่า
قصة الجارية التي سألها النبي صلى الله عليه وسلم أنت مؤمنة، قالت نعم، قال فأين الله؟ قالت في السماء، فقال أعتقها فإنها مؤمنة ، وهو حديث صحيح أخرجه مسلم.
เรื่องราวของทาสหญิง ที่ท่านนบี ศอ็ลฯ ถามนาง ว่า เธอเป็นหญิงศรัทธา ใช่ไหม นางตอบว่า "ค่ะ " ท่านนบี กล่าวว่า "อัลลอฮอยู่ใหน ? นางกล่าวว่า "อัลลอฮอยู่บนฟ้า " แล้วท่านนบี ศอ็ลฯ กล่าวว่า ปล่อยนางให้เป็นอิสระเถิด แท้จริงนางคือ หญิงที่ศรัทธา และมันคือ หะดิษเศาะเฮียะ บันทึกโดยมุสลิม - ดูฟัตหุลบารีย์ 13/359
อิหม่ามอัลบัฆวีย์ (ร.ฮ) กล่าวว่า
قَالَ : ائْتِنِي بِهَا فَجِئْتُ بِهَا ، فَقَالَ : أَيْنَ اللَّهُ ؟ قَالَتْ : فِي السَّمَاءِ ، قَالَ : مَنْ أَنَا ، قَالَتْ : أَنْتَ رَسُولُ اللَّهِ ، قَالَ : أَعْتِقْهَا فَإِنَّهَا مُؤْمِنَةٌ هَذَا حَدِيثٌ صَحِيحٌ ، أَخْرَجَهُ مُسْلِمٌ
ท่านนบีกล่าวว่า จงนำนางมาหาฉัน แล้วฉันได้นำนางมา แล้วท่านนบี กล่าวว่า "อัลลอฮอยู่ใหน" นางกล่าวว่า "อยู่บนฟ้า ,ท่านนบีกล่าวว่า "ฉันคือใคร? นางกล่าวว่า "ท่านคือ ศาสนทูตของอัลลอฮ ,ท่านนบีกล่าวว่า "จงปล่อยนางให้เป็นอิสระเถิด เพราะแท้จริงนางคือหญิงที่ศรัทธา ...นี้คือหะดิษเศาะเฮียะ บันทึกโดย มุสลิม - ดู ชัรหะอัสสุนนะฮ 3/43
อิบนุอับดุลบัร อัลมาลิกีย์ (ฮ.ศ ๔๖๒) ปราชญ์ที่เกือบทันยุคสะลัฟ กล่าวว่า
وأما قوله في هذا الحديث للجارية: ”أين الله؟“ فعلى ذلك جماعة أهل السنة وهم أهل الحديث ورواته المتفقهون فيه وسائر نقلته كلهم يقول ما قال الله تعالى في كتابه {الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى} [طه : 5] وأن الله عز وجل في السماء وعلمه في كل مكان
สำหรับ คำพูดของท่านนบี ในหะดิษเกี่ยวกับทาสหญิง ที่ว่า “อัลลอฮอยูใหน? คณะหนึ่งของอะฮลุสสุนนะฮ อยู่บนดังกล่าวนั้น (คือเชื่อตามนั้น) พวกเขาคือ นักหะดิษ และบรรดานักรายงานมัน เป็นบรรดาผู้ที่เข้าใจในมัน และบรรดาผู้รายงานของมันที่เหลือทั้งหมด กล่าวเกี่ยวกับสิ่งที่อัลลอฮตะอาลาตรัสไว้ในคัมภีรของพระองค์ ที่ว่า (พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงประทับบนบัลลังค์ – ฏอฮา/๕ ว่า “และแท้จริง อัลลอฮผู้ทรงสูงส่ง และทรงเลิศยิ่ง อยู่บนฟ้า และความรู้ของพระองค์ อยู่ในทุกสถานที่ – ดู อัลอิซติซกัร ของอิบนุอับดิลบัร 7/337
...........
เพราะฉะนั้น หลักฐานจาก หะดิษสุลัยมานอัตตัยมีย์ มีหะดิษเศาะเฮียะ สนับสนุนอยู่แล้ว เพียงแต่นาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ผู้มีแนวคิดญะมียะฮ รับไม่ได้จึงพยายามบิดเบือนแล้วกล่าวให้ร้ายผู้ที่เห็นต่างหวังดิสเครดิตให้เกิดความเสียหาย
ส่วนข้ออ้างของนาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ที่ว่า อิหม่ามบุคอรีไม่ได้ระบุไว้ในเศาะเฮียะบุคอรีและไม่ได้เอามาอ้างเป็นหลักฐานยืนยันอะกีดะฮตัวเองนั้น จึงเอามาเป็นหลักฐานไม่ได้ เป็นการใช้ตรรกนั่งเทียนเดา มโนตามความคิดตัวเอง มีหรือ ท่านอิหม่ามบุคอรี รวมรวมหลักฐานแยกมาต่างหาก ในเรื่องอะกีดะฮ ชื่อ คอ็ลคุอัฟอาลิลอิบาด" แล้วอ้างว่าอิหม่ามบุคอรี ไม่ยอมรับหะดิษที่ตนเองอ้าง ช่างโกหกมุสา มุนาฟิกตัวพ่อยังอายเลย -วัลอิยาซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
23/3/60
ปล. ช่วงหลัง ผมไม่คุยกับ ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ตามช่องโพสต์ เพราะผมไม่มั่นใจในความเป็นมุสลิมของคนๆนี้ ว่าจะเหลืออยู่หรือไม่

วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560

อิหม่ามบุครีตีความอายาตสิฟาต วัจญฺจริงหรือ


ในภาพอาจจะมี ข้อความ


อิหม่ามบุครีตีความอายาตสิฟาต วัจญฺจริงหรือ
ในหนังสือ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺฮาบียะฮ์ หน้า 73
ท่านอัลลามะฮ อาจารย์ อารีฟีน ผู้เขียนอ้างว่า
อิหม่ามบุคอรีได้ตีความไว้ในบทว่าด้วยเรื่อง ตัฟสีรซูเราะฮอัลก่อศอศว่า
كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ : إِلَّا مُلْكَهُ
ทุกสิ่งพินาศสิ้นจากนอกจาก วัจญ์ฮฺ ของอัลเลาะฮ์" (ท่านอิหม่ามอัลบุคอรีย์ตีความว่า) หมายถึง "นอกจากอำนาจการปกครองของพระองค์
@@@@@@@
วิภาษดังนี้
ในการให้ความหมายคำว่า “นอกจากอำนาจการปกครองของพระองค์
อาจารย์ อารีฟีน ว่าเล็บว่า " (ท่านอิหม่ามอัลบุคอรียตีความว่า)
ความจริงไม่ใช่คำพูดของท่านอิหม่ามบุคอรี แต่ท่านได้ รายงานคำพูดคนอื่นอีกที่
ส่วนคำพูดของอิม่ามบุคอรีจริงๆคือ ประโยคที่ว่า
إِلَّا مَا أُرِيدَ بِهِ وَجْهُ اللَّهِ
ซึ่งมีความหมายว่า “เว้นแต่ สิ่งที่ถูกมุงหมายด้วยมัน คือ พระพักต์ของพระองค์
เพราะท่าน อิบนุกะษีร ได้ยืนยันว่า
وَقَالَ مُجَاهِدٌ وَالثَّوْرِيُّ فِي قَوْلِهِ : ( كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ ) أَيْ : إِلَّا مَا أُرِيدَ بِهِ وَجْهُهُ وَحَكَاهُ الْبُخَارِيُّ فِي صَحِيحِهِ كَالْمُقَرِّرِ لَهُ
และมุญาฮิด และอัษเษารีย์ กล่าวในคำตรัสของอัลลอฮที่ว่า(ทุกสิ่งย่อมพินาศนอกจากพระพักตร์ของพระองค์) หมายถึง เว้นแต่ สิ่งที่ถูกมุ่งหมายด้วยมััน คือพระพักต์ของพระองค์ และ อัลบุคอรีย์ได้รายงานมันในเศาะเฮียะของเขา เสมือนหนึ่งว่า เป็นผู้ยอมรับมัน – ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม 6 หน้า 262
ส่วนคำว่า “إِلَّا مُلْكَهُ
หมายถึง นอกจากอำนาจปกครองของพระองค์
คำข้างต้นเป็นคำพูดของ มุอฺมัร ดังที่หาฟิซอิบนุหะญัรกล่าวว่า
قوله : إلا وجهه : إلا ملكه . في رواية النسفي وقال معمر فذكره
คำตรัสของพระองค์ที่ว่า “ นอกจากพระพักต์ของพระองค์” หมายถึง นอกจากอำนาจปกครองของพระองค์ ในรายงานหนึ่งของ อัลนุสฟีย์ ระบุว่า "และ มุอฺมัรได้ กล่าว" แล้วเขา(นุสฟีย)ได้ระบุมัน - 
ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 8 หน้า 505
อิหม่ามบุคอรีนั้น ให้การรับ รอง สิฟัตวัจญฺ ในการอรรถาธิบาย อายะฮที่ว่า (كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ) ใน กิตาบุตเตาฮีด ดังนี้
بَاب قَوْلِ اللَّهِ تَعَالَى كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ
แล้วท่านได้อ้างหะดิษที่ว่า
حَدَّثَنَا قُتَيْبَةُ بْنُ سَعِيدٍ حَدَّثَنَا حَمَّادُ بْنُ زَيْدٍ عَنْ عَمْرٍو عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ لَمَّا نَزَلَتْ هَذِهِ الْآيَةُ قُلْ هُوَ الْقَادِرُ عَلَى أَنْ يَبْعَثَ عَلَيْكُمْ عَذَابًا مِنْ فَوْقِكُمْ قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَعُوذُ بِوَجْهِكَ فَقَالَ أَوْ مِنْ تَحْتِ أَرْجُلِكُمْ فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَعُوذُ بِوَجْهِكَ قَالَ أَوْ يَلْبِسَكُمْ شِيَعًا فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ هَذَا أَيْسَرُ
กุตัยบะฮ บินสะอีด ได้เล่าเราว่า หัมมาด บินเซด จากอัมริน จาก ญาบีร บิน อับดุลลอฮ ได้กล่าวขณะที่อายะฮนี้ลงมา( จงกล่าวเถิด พระองค์คือ ผู้ทรงสามารถส่งการลงโทษจาก จากเบื้องบนของพวกเจ้า ) ท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า (ฉันขอความคุ้มครอง ด้วยพระพักต์ของพระองค์ท่าน) แล้วเขากล่าว(ถึงอายะฮดังกล่าวต่อไปว่า) หรือจากใต้เท้าของพวกเจ้า ) แล้วท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม (ฉันขอความคุ้มครอง ด้วยพระพักต์ของพระองค์ท่าน) เขากล่าว(อายะฮดังกล่าวต่อไปว่า) “หรือ ให้พวกท่านปนเปกันโดยมีหลายพวกเจ้า”แล้วท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ นี้ มันเบาที่สุด” – เศาะเฮียะอัลบุคอรีย์ หะดิษหมายเลข 6971 ว่าด้วยเรื่อง อรรถาธิบายอัลกุรอ่าน 
………………
เพราะฉะนั้น การตีความ คำว่า “ وجهه (พระพักต์ของพระองค์) เป็น ملكه (อำนาจการปกครองของพระองค์) ย่อมจะไม่ใช่การตีความของอิหม่ามบุคอรีแน่นอน 
การตัดข้อความบางตอนมา ชงให้เข้ากับทัศนะตัวเองนั้น ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อวิชาการที่มีอันตรายต่อผู้เสพข้อมูลที่ไม่มีความสามารถในการตรวจสอบ 
والله أعلم بالصواب
นายอะสัน หมัดอะดั้ม
23/3/59

ใครบอกว่าวะฮบีย์ต่อต้านมัซฮับ




ใครบอกว่าวะฮบีย์ต่อต้านมัซฮับ
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ถูกใจเพจ
เมื่อวานนี้ เวลา 5:41 น.
อุลามาอฺวะฮาบียุคแรกไม่ปฏิเสธการตามมัซฮับทั้งสี่และยังพึ่งพาปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์ในการทำความเข้าใจอัลกุรอานและซุนนะฮ์
--------------------------------------------
หนังสือ الدرر السنية في الكتب النجدية (อัลดุร็อร อัสสะนียะฮ์ ฟีลกุตุบ อันนัจญฺดียะฮ์) ซึ่งเป็นตำราที่อุลามาอฺวะฮาบีย์ ตั้งแต่สมัยของท่านมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ จนถึงปัจจุบัน ได้ทำการตอบเอาไว้ 
.
وَنَحْنُ أَيْضاً : فِي الفُرُوْعِ، عَلَى مَذْهَبِ الإِمَامِ أَحْمَدَ بْنِ حَنْبَل، وَلاَ نُنْكِرُ عَلىَ مَنْ قَلَّدَ أَحَدَ الأَئِمَّةِ الأَرْبَعَةِ، دُوْنَ غَيْرَهِمْ، لِعَدَمِ ضَبْطِ مَذَاهِبِ الْغَيٍرِ ؛ الرَّافِضَةِ، وَالزَّيْدِيَّةِ، وَالإِمَامِيَّةِ، وَنَحْوِهِمْ ؛ وَلاَ نُقِرُّهُمْ ظَاهِراً عَلَى شَيْءٍ مِنْ مَذَاهِبِهِمِ الفَاسِدَةِ، بَلْ نُجْبِرُهُمْ عَلَى تَقْلِيْدِ أَحَدِ الأَئِمَّةِ الأَرْبَعَةِ
.
"เช่นเดียวกันในเราข้อปลีกย่อยทางฟิกห์ เรานั้นอยู่มัซฮับอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล และเราไม่ทำการปฏิเสธต่อผู้ที่ตักลีดอิมามหนึ่งจากบรรดาอิมามทั้งสี่ แต่ไม่ให้ตักลีดอื่นจากพวกเขา เนื่องจากบรรดามัซฮับอื่นจากทั้งสี่นั้นไม่ได้บันทึกหลักการไว้อย่างเป็นระบบ เช่นพวกชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะฮ์ ชีอะฮ์อัซซัยดียีะฮ์ ชีอะฮ์อิมามมามียะฮ์ และอื่น ๆ จากพวกเขา และเราไม่ให้การยอมรับสิ่งใดจากมัซฮับต่าง ๆ ของเขาที่มีหลักการไม่ถูกต้อง ยิ่งกว่านั้น เรายังบังคับพวกเขาให้ตักลีดตาม(มัซฮับ)หนึ่งจากบรรดาอิมามทั้งสี่" หนังสือ อัรดุร็อร อัสสะนียะฮ์ ฟีอัจญฺวิบะฮ์ อันนัจญฺดียะฮ์ 1/227 
.
มุสลิมที่ศึกษาวิชาการศาสนาอย่างแท้จริง ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเข้าใจอัลกุรอานและซุนนะฮ์นั้น ต้องพึ่งพาอาศัยปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะอ์อัลอะชาอิเราะฮ์และปราชญ์ที่มีแนวทางสอดคล้องกับอัลอะชาอิเราะฮ์ ผู้ที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาให้พวกเขามีบทบาทในการแบกรับ อธิบาย และปกป้อง อัลกุรอานและซุนนะฮ์ มากที่สุด
.
แต่การยึดฟัตวาของวะฮาบีส่วนมากในปัจจุบัน จะยึดฟัตวาของคณะกรรมการถาวรซาอุฯ , ฟัตวาบินบาซฺ , ฟัตวาอุษัยมีน , ฟัตวามุนัจญิด , ฟัตวาอัลบานีย์ , เป็นต้น
@@@@@@@@@@
ชี้แจง
ข้อมูลข้างต้นไปกอ็บมาจากเว็บสะติวเด้น ไปขุดมากล่าวหาวะฮบีย์แบบหูหนวกตาบอด
คนกลุ่มนี้ พูดตลบแตลง ลิ้นพันกันบ่อย บ่างครั้งกล่าวหาว่า วะฮบีไม่เอาอุลามาอฺ บางครั้งบอกว่า วะฮบีย์ไม่เอามัซฮับ นี่ก็บอกว่าวะฮบีย์ บอกว่าวาญิบต้องสังกัดมัซฮับ จะเอาอะไรกับคนกลุ่มนี้
ขอชี้แจงว่า
กลุ่มที่ถูกเรียกว่า “วะฮาบีย์ ในอดีตและปัจจุบัน ไม่ได้คัดค้านมัซฮับทั้งสี่ แต่ไม่ได้ส่งเสริมให้ยึดติดและตักลิด(เชื่อตาม)มัซฮับทั้งสี่อย่างหลับหูหลับตาต่างหาก
มาดูคำพูดของ เช็คอับดุลลอฮ บุตร เช็คมุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮาบ กล่าวไว้ว่า
مذهبنا في أصول الدين مذهب أهل السنة والجماعة وطريقتنا طريقة السلف وهي أنا نقر آيات الصفات وأحاديثها على ظاهرها . 
ونحن أيضا في الفروع على مذهب الإمام أحمد بن حنبل ولا ننكر على من قلد أحد الأئمة الأربعة . 
ولا نستحق مرتبة الاجتهاد المطلق ولا أحد لدينا يدعيها . إلا أننا في بعض المسائل إذا صح لنا نص جلي من كتـاب أو سنة غيـر منسـوخ ولا مخصص ولا معارض بأقوى منه وقال به أحد الأئمة الأربعة أخذنا به وتركنا المذهب كإرث الجد والإخوة ، فإنا نقدم الجد بالإرث وإن خالف مذهب الحنابلة
มัซฮับของเราในเรื่องอุศูลุดดีน(หมายถึงในเรืองรากฐานของศาสนา ซึ่งหมายถึงด้านอะกีดะฮ) คือ มัซฮับอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ และแนวทางของเราคือ แนวทางสะลัฟ และมันคือ แท้จริงเรายอมรับบรรดาอายาตสิฟาต(อายะฮอัลกุรอ่านที่เกี่ยวกับสิฟัตอัลลอฮ) และบรรดาหะดิษสิฟัต ตามความหมายที่ปรากฏของมัน(ตามตัวบท)
และเช่นเดียวกันใน ด้านฟุรูอุดดีน(ในด้านสาขาศาสนา หมายถึงในภาคปฏิบัตศาสนกิจ) เรา 
นั้นอยู่มัซฮับอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล และเราไม่คัดค้านต่อผู้ที่เชื่อตามอิมามคนหนึ่งคนใดจากบรรดาอิมามทั้งสี่ และเราไม่มีสิทธิ์อยู่ในฐานะอิจญติฮาดมุฏลัก(อิจญติฮาดอิสระ)และคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเราไม่อ้างมัน เว้นแต่ว่า ในบางประเด็น 
เมื่อมีตัวบทชัดเจน เศาะเฮียะสำหรับเรา จากคัมภีร์และสุนนะฮที่ไม่ถูกยกเลิก และไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกจำกัดเฉพาะและไม่ได้ค้านกับหลักฐานที่แข็งแรงกว่า โดยที่คนหนึ่งคนใดจากมัซฮับทั้งสี่ได้กล่าวมันเอาไว้ เราก็เอามันมายึดถือ และเราก็จะละทิ้งมัซฮับ (ที่เราสังกัดอยู่) เช่น (มัซฮับที่มีทัศนะว่า)ปู่และบรรดาพี่น้องหญิงสืบทอดมรดกได้ เราก็เอาผู้ที่เป็นปู่มาก่อน (ผู้เป็นพี่น้องหญิงที่มีสิทธิ์รับมรดก) และแม้มันจะขัดแย้งกับมัซฮับอัลหะนาบะฮละฮ (ที่เราสังกัดอยู่)ก็ตาม - อัดดุรรุสสะนียะฮ เล่ม 1 หน้า 126 


 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

 
……………………….
จะเห็นได้ว่า กลุ่มที่ถูกเรียกว่า “วะฮาบีย์ในอดีต” พวกเขา ไม่ได้ต่อต้านมัซฮับ แต่พวกเขาสอนให้ตามมัซฮับอย่างมีสติ คือ ตามที่ตรงกับหลักฐานที่เศาะเฮียะ ไม่ใช่หลับตาตาม ไม่ผูกขาดและตักลืดหูหนวกตาบอด
..............
อิหม่ามมุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮับ เองกล่าว ว่า
عقيدتنا في جميع الصفات الثابتة في الكتاب والسنة هي عقيدة أهل السنة والجماعة، نؤمن بها ونقرها كما جاءت مع إثبات حقائقها وما دلت عليه، من غير تكييف ولا تمثيل، ومن غير تعطيل ولا تبديل ولا تأويل
อะกีดะฮของเรา ในทั้งหมดของสิฟัตที่ปรากฏยืนยันในอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ คือ อะกีดะฮ อะฮลุสสุนนะฮ วัลญะมาอะฮ ,เราศรัทธาและยอมรับมันตามที่ปรากฏมา พร้อมทั้งยืนยันถึงความจริงของมัน และสิ่งที่มันได้แสดงบอกไว้ โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการ และไม่เปรียบเทียบ และโดยไม่ปฏิเสธสิฟัต ,ไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ตีความความ
وأما مذهبنا ، فمذهب الإمام أحمد بن حنبل إمام أهل السنة والجماعة في الفروع ولا ندعي الاجتهاد ، وإذا بانت لنا سنة
صحيحة عن رسول الله صلى الله عليه وسلم عملنا بها ، ولا نقدم عليها قول أحد ، كائناً من كان.
สำหรับมัซอับของเรา เราดำเนินตามมัซฮับ อิหม่ามอะหมัด บิน หัมบัล อิหม่ามแห่งอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ในเรื่องสาขาของศาสนา(หมายถึงในเรื่องภาคปฏิบัติศาสนกิจ) และเราไม่กล่าวอ้างการอิจญติฮาด และเมื่อปรากฏสุนนะฮที่เศาะเฮียะจากรซูลุลลออ Solallah แก่เรา เราก็ปฏิบัติด้วยมัน และเราจะไม่นำคำพูดของคนหนึ่งคนใดล้ำหน้าสุนนะฮรซูลุลลอฮ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม 
- อัลฮะดียะฮอัสสะนียะฮ หน้า 99
........................
จากคำพูดของเช็คมุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮับข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า ท่านไม่ได้รังเกียจมัซฮับ แต่ท่านไม่ได้ยึดติดกับมัซฮับแบบเอามัซฮับนำหน้า แล้วเอาอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮไว้เบื้องหลัง
ส่วนเรื่องอะกีดะฮนั้น ท่านยึดแนวทางอะฮลุสสุนนะฮ วัลญะมาอะฮ ไม่ใช่อะกีดะฮยิวตามที่เว็บสะติวเด้นกล่าวหา
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
23/3/60

วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

มลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหนจริงหรือ ภาค 4






มลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหนจริงหรือ ภาค 4
อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ 
14 ชม.
พี่น้องช่วยกันแชร์โพสนี้นะครับ คือมีวะฮฺฮาบี(คณะใหม่)คนหนึ่งที่ชอบก็อปข้อความของท่านอ.อารีฟีน แสงวิมานไปโพสเพื่อยึดเครดิตท่านและเพื่ออับเดตตนเองให้ดูว่ามีความรู้ทางศาสนา(ในกลุ่มวะฮฺฮาบี) ทั้งที่ตนเองเป็นครูสอนสามัญ ที่ผมกล่าวเช่นนี้เพราะคนคนนี้แปลภาษาอาหรับก็ไม่ถูกเป้าหมายอย่างแท้จริง ชอบมั่วในวิชาการและไม่ยอมรับวิชาการที่ถูกต้อง
สืบเนื่องจาก อะสัน บ้านอยู่สะเดา จ.สงขลา แอดมินเพจอนุรักษ์มรดกวะฮฺฮาบี ได้โพสตอบโต้แบบมั่วๆต่อหนังสือผลงานของท่านอ.อารีฟีน แสงวิมาน หนังสืออะกีดะฮ์ฯ
โพสจาก อ.อะสัน สะเดา ด้านล่างนี้ครับ
https://m.facebook.com/story.php
@@@@@@@@@@@@@@
ชี้แจง
นาย อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ อ้างว่า
ต่อมาจากโพสของ อ.อะสัน สะเดา กล่าวหาว่าท่าน อ.อารีฟีน บิดเบือนความหมายของอัลหะดีษ โดยอ.อะสัน บอกว่า การที่อ.อารีฟีน แปลว่า
سُبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
“มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ไหนและพระองค์กำลังอยู่ไหน” นั้น อ.อารีฟีน แปลผิดบิดเบือนความหมาย โดยอ้างว่า คำว่า [َأَيْن] นี้ ไม่ใช่เครื่องหมายคำถาม [ُاَلإِسْتِفْهَام] แต่อ.อะสันบอกว่า ต้องแปลความหมาย [حَيْثُ] ที่อยู่ในควาหมายของ [ظَرْفٌ لِلْمَكَانِ]แปลว่า “อยู่สถานที่ใดก็ตาม”
โดยอ้างหะดีษที่ฎ่ออีฟ ตามนิสัยของอ.อะสัน ที่มักชอบอ้าง ที่รายงานว่า
تَسْبِيحُهُ سُبْحَانَكَ حَيْثُ كُنْتَ
“มะลาอิกะฮ์ก็กล่าวตัสบีห์ว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน ไม่ว่าพระองค์ท่านอยู่สถานที่ใดก็ตาม”
ซึ่งความจริงสายรายงานนี้ฏ่ออีฟนี้และหะดีษนี้เป็นหะดีษที่ทำให้บ่งชี้ถึงการมีสถานที่อยู่ให้กับอัลลอฮฺ
…………
ผมขอตอบว่า หะดีษทั้งสองบทข้างต้น ที่มีสำนวนว่า سُبْحَانَكَ حَيْثُ كُنْتَ ถึงแม้สายรายงานจะมีปัญหา แต่สำนวนของมันสามารถนำไปใช้อธิบายความหมายที่คลุมเครือของหะดีษอื่นได้ โดยเฉพาะการสนับสนุนน้ำหนักในประเด็นการแปลคำว่า( سُبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ) โดยการสนับสนุนของสำนวนที่ว่า (سُبْحَانَكَ حَيْثُ كُنْتَ) ซึ่งควรจะแปลว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน ไม่ว่าพระองค์ท่านอยู่สถานที่ใดก็ตาม”
ไม่ใช่แปลบิดเบือนแล้วชงเองว่า “มลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน ตามอะกีดะฮแนวคิดญะฮมียะฮที่ปฏเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ
ขอพูดสักร้อยและพันครั้งว่า “ การที่ อ. อารีฟีน อ้างว่า มลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน ตาที่ระบุในหนังสือโจมตีอะกีดะฮวะฮบีย์ของเขา หน้า 166-167 นั้น เป็นการบิดเบือนอะกีดะฮ ตามกิตาบุลลอฮและอัสสุนนะฮ ตลอดจนแนวทางสะลัฟผู้ทรงธรรม
ผมขอถามนาย อ. อารีฟีน ผ่าน อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ ว่า ตอนที่อัลลอฮจะสร้างนบีอาดัม โดยพระองค์ทรงสนทนากับมลาอิกะฮในอายะฮต่อไปนี้ มลาอิกะฮ สนทนากับพระเจ้าที่เขาไม่รู้ว่าอยู่ใหนอย่างนั้นหรือ -นะอูซุบิลละฮ
وَإِذْ قَالَ رَبُّكَ لِلْمَلَائِكَةِ إِنِّي جَاعِلٌ فِي الْأَرْضِ خَلِيفَةً ۖ قَالُوا أَتَجْعَلُ فِيهَا مَن يُفْسِدُ فِيهَا وَيَسْفِكُ الدِّمَاءَ وَنَحْنُ نُسَبِّحُ بِحَمْدِكَ وَنُقَدِّسُ لَكَ ۖ قَالَ إِنِّي أَعْلَمُ مَا لَا تَعْلَمُونَ
"และจงรำลึกถึงขณะที่พระเจ้าของเจ้าได้ตรัสแก่มะลาอิกะฮฺว่า แท้จริงข้าจะให้มีผู้แทนคนหนึ่ง¹ ในพิภพ มะลาอิกะฮฺได้ทูลขึ้นว่า พระองค์จะทรงให้มีขึ้นในพิภพซึ่งผู้ที่บ่อนทำลาย และก่อการนองเลือด ในพิภพกระนั้นหรือ ² ?ทั้ง ๆ ที่พวกข้าพระองค์ให้ความบริสุทธิ์ พร้อมด้วยการสรรเสริญพระองค์ และเทิดทูนความบริสุทธิ์ในพระองค์ พระองค์ตรัสว่า แท้จริงข้ารู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้ - สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮ/30
..............
عن أبي هريرة عن النبي صلى الله عليه وسلم قال الميت تحضره الملائكة فإذا كان الرجل صالحا قالوا اخرجي أيتها النفس الطيبة كانت في الجسد الطيب اخرجي حميدة وأبشري بروح وريحان ورب غير غضبان فلا يزال يقال لها ذلك حتى تخرج ثم يعرج بها إلى السماء فيفتح لها فيقال من هذا فيقولون فلان فيقال مرحبا بالنفس الطيبة كانت في الجسد الطيب ادخلي حميدة وأبشري بروح وريحان ورب غير غضبان فلا يزال يقال لها ذلك حتى ينتهى بها إلى السماء التي فيها الله عز وجل
รายงานจากอบีฮุรัยเราะฮ จากนบี ศอลฯกล่าวว่า "แท้จริงมัยยิต(ผู้ที่ใกล้จะตาย)นั้น บรรดามลาอิกะฮได้มายังเขา แล้วเมื่อเขาเป็นคนที่ดี พวกเขา(บรรดามลาอิกะฮ)กล่าวว่า"จงออกมาเถิดโอ้ชีวิตที่ดี ที่อยู่ในร่างที่ดี จงออกมาเถิด ผู้ที่ได้รับการชมเชย และจงยินดี กับการพักผ่อน และ กับกลิ่นอันหอม และ พระเจ้าไม่ทรงกริ้ว คำพูดนั้นได้ถูกกล่าวแก่เขาตลอดเวลา จนกระทั้งมันได้ออกจากร่าง หลังจากนั้น มันได้ถูกนำขึ้นสู่ฟากฟ้า แล้วฟากฟ้าได้ถูกขอให้เปิดแก่เขา แล้วมีผู้กล่าวว่า"นี้คือใคร ? แล้วเขากล่าวว่า คนนั้น คนนี้(ระบุชื่อ) แล้วพวกเขา กล่าวว่า "ขอต้อนรับ ชีวิตที่ดี ซึ่งอยู่ในร่างที่ดี เข้ามาเถิด ผู้ที่ได้รับการชมเชย และจงยินดีกับ การพักผ่อนและ กลิ่นอันหอม และพระเจ้า มิทรงกริ้ว คำพูดนั้นถูกกล่าวแก่เขาตลอด จนกระทั้งมาถึง ฟากฟ้า ซึ่ง อัลลอฮ อยู่ ณ ที่นั้น - รายงานโดย อะหมัดและหากิม และเขากล่าวว่า ตามเงื่อนของบุคอรีและมุสลิม และ อัดดารุนกุฏนีย์
...............
หะดิษข้องต้น หะดิษนี้อิหม่ามอัลกุรฏุบีย ระบุไว้ในหนังสือ อัลอัสหนา ฟี ชัรหอัลอัสมาอิลหุสนา หน้า 152 ว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ (ดูสำเนาที่แนบมา)
أن روح المؤمن إذا خرجت عند الموت يعرج به فتنفتح له أبواب السماء سماء سماء حتى ينتهي إلى السماء التي فيها الله تبارك وتعالى وهو حديث صحيح سنده

แท้จริง ชีวิตผู้ศรัทธา เมื่อมันออกมา ขณะที่เสียชีวิต เขาจะถูกนำขึ้นไป แล้วบรรดาประตูฟากฟ้าถูกเปิด ให้เขา ชั้นฟ้าหนึ่ง ชั้นฟ้าหนึ่ง(หมายถึง จากฟากฟ้าหนึ่ง ไปยัง อีกฟากฟ้าหนึ่ง) จนกระทั้ง มาถึงฟากฟ้าที่อัลลอฮ ผู้ทรงบริสุทธิ์ และสูงส่ง อยู่บนมัน และมันคือ หะดิษที่สายรายงานของมันเศาะเฮียะ และระบุไว้ในอัลอัรบะอีน ฟิ สิฟาตรอบบิลอาละมีน ของ อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ หน้า 51 ระบุเป็นหะดิษเศาะเฮียะ 
ในสุนันอิบนุมายะฮ หะดิษ หมายเลข 4262 หน้า 459 กิตาบุอัซุฮด ระบุว่าเป็นหะดิษเศาะเอียะ (ดูสำเนาที่แนบมา)
เศาะเฮียะอัลญามิอิศเศาะฆีร ของอัลบานีย์ หน้า 396-397 หะดิษหมายเลข 1968 ระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ





 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ














ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
..........ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
หะดิษข้างต้น ยืนยันว่า มลาอิกะฮนำวิญญาณผู้ศรัทธาขึ้น ไปยังชั้นฟ้า ซึ่ง อัลลอฮ อยู่บนมัน เป็นหะดิษเศาะเฮียะ และชี้ให้เห็นถึงการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮและมลาอิกะฮรู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัด อะดั้ม
23/3/60