เมื่อเขาเอาหะดิษเฎาะอีฟมาอ้างว่ามลาอิกะฮไม่รู้อัลลอฮอยู่ใหน
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า
أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ ، وَالْعَرْشُ عَلىَ مَنْكِبِهِ ، وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
" ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน" หะดิษนี้ ซอฮิหฺ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 3 ชม.
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ท่าน อะบียะอฺลาได้รายงานฮะดิษไว้ใน มุสนัดของท่าน เล่ม 11 หน้า 496 หะดิษที่ 6619 ,
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร ได้ตัดสินซอฮิหฺไว้ในหนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิซะวาอิด อัษษะมานียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 267 ซึ่งท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า (ให้กับฮะดิษของอบียะอฺลา นั้น หะดิษซอฮิหฺ) ,
และท่านอัลหาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวยืนยันไว้ในหนังสือ มัจญฺมะอ์ อัซซะวาอิด เล่ม 1 หน้า 80 โดยท่าน อัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า (รายงานโดยอบูยะอฺลา และบรรดานักรายงานหะดิษนี้ เป็นนักรายงานที่ซอฮิหฺ) ,
ถูกใจ · ตอบกลับ · 3 ชม.
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ท่าน อะบียะอฺลาได้รายงานฮะดิษไว้ใน มุสนัดของท่าน เล่ม 11 หน้า 496 หะดิษที่ 6619 ,
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร ได้ตัดสินซอฮิหฺไว้ในหนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิซะวาอิด อัษษะมานียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 267 ซึ่งท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า (ให้กับฮะดิษของอบียะอฺลา นั้น หะดิษซอฮิหฺ) ,
และท่านอัลหาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวยืนยันไว้ในหนังสือ มัจญฺมะอ์ อัซซะวาอิด เล่ม 1 หน้า 80 โดยท่าน อัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า (รายงานโดยอบูยะอฺลา และบรรดานักรายงานหะดิษนี้ เป็นนักรายงานที่ซอฮิหฺ) ,
ท่านอิมามอัศศะยูฏีย์ได้รายงานไว้ในหนังสืออัลญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฆีร ฮะดิษลำดับที่ (906) ,
และฮะดิษนี้ได้รับการสนับสนุนจากจากฮะดิษท่านญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ ด้วยสองรายงาน ซึ่งรายงานโดยท่านอะบูดาวูด ฮะดิษลำดับที่ (4727) และอัลบานีย์เอง ก็ตัดสินว่าเป็นฮะดิษซอฮิห์ ไว้ในหนังสือ มุตตะซ็อรสุนันอะบีดาวูด (4727) , และอัลบานีย์ยังตัดสินเป็นฮะดิษซอฮิห์ไว้ในหนังสือ ญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฮิห์ (854)
@@@@@@@@@@@@@
@@@@@@@@@@@@@
ชี้แจง
ผู้อ่านมาดู หะดิษอีกครั้ง
หะดิษที่ 1
จากญาบิรฺ บิน อับดุลลอฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า :
أذن لي أن أحدث عن ملك من ملائكة الله من حملة العرش، إن ما بين شحمة أذنه إلى عاتقه مسيرة سبعمائة عام
;ความว่า “ฉันได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงมลาอิกะฮฺท่านหนึ่งจากจำนวนบรรดามลาอิกะฮฺที่ทำหน้าที่แบกและค้ำบัลลังก์ของอัลลอฮฺ แท้จริงมลาอิกะฮฺ(ท่านนี้)ระยะระหว่างติ่งหูจนถึงหัวไหล่ของท่านมี(ความห่างเป็น)ระยะเวลา(การเดินทาง) 700 ปี” (รายงานโดยอบู ดาวูด : 3727, เป็นหะดีษ เศาะฮีหฺ ดูใน เศาะฮีหฺ สุนัน อบี ดาวูด : 3953 และรวมหะดีษเศาะฮีหฺของอัล-อัลบานีย์ : 151)
หะดิษที่ 1 มีข้อความว่า
أذن لي أن أحدث عن ملك من ملائكة الله
ฉันได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงมลาอิกะฮฺท่านหนึ่งจากจำนวนบรรดามลาอิกะฮฺของอัลลอฮฺ
หะดิษที่ 2
أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ ، وَالْعَرْشُ عَلىَ مَنْكِبِهِ ، وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
"ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน
หะดิษที่ 2 มีข้อความว่า
أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ
ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7
หะดิษที่ 3
สายรายงานเดียวกันกับหะดิษข้างต้น โดยมีสำนวนว่า
إِنَّ الَلّهَ أُذُنٌ لِيَ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ دِيْكٍ رِجْلَاهُ فِيْ الْأَرْضِ وَعُنُقِهِ مَثْنِيَّةً تَحْتَ الْعَرْشِ وَهُوَ يَقُوْلُ سُبْحَانَكَ مَا أَعْظَمَ رَبَّنَا
แท้จริง "ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าเกี่ยวกับเรื่องไก่ตัวผู้ ที่สองตีนของมันเขี่ยดิน และคอของมัน โค้งคำนับ อยู่ใต้อะรัช โดยที่มันกล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่าน พระผู้อภิบาลของเรา ช่างยิ่งใหญ่ยิ่งนัก..
..
لراوي: أبو هريرة - خلاصة الدرجة: صحيح - المحدث: الألباني - المصدر: صحيح الترغيب - الصفحة أو الرقم: 1839
..
لراوي: أبو هريرة - خلاصة الدرجة: صحيح - المحدث: الألباني - المصدر: صحيح الترغيب - الصفحة أو الرقم: 1839
หะดิษที่ 3 มีข้อความว่า
إِنَّ الَلّهَ أُذُنٌ لِيَ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ دِيْكٍ رِجْلَاهُ فِيْ الْأَرْضِ
แท้จริง "ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าเกี่ยวกับเรื่องไก่ตัวผู้ ที่สองตีนของมันเขี่ยดิน
...................
...................
จากสามหะดิษข้างต้น หะดิษที่ 1และ 2 ระบุว่า เป็นมลาอิกะฮ แต่พอหะดิษ ที่ 3 กลายเป็นไก่ตัวผู้ ตกลงเป็นมลาอีกะฮ หรือไก่ตัวผู้กันแน่ครับท่าน
ชัยคฺ อบูอิสหาก อัลหุวัยนีย์ กล่าวว่า
" لَعَلَّ بَعْضَ الْرُّوَاةِ أَبْدَلَ لَفْظَةَ " دِيَكْ " بِـ " ملْكُ " أَوْ الْعَكْسِ . وَالْلَّهُ أَعْلَمُ " .
ทางที่บรรดาผู้รายงานบางส่วน เปลี่ยนถ้อยคำ “ดีก” ด้วยคำว่า มะลัก หรือในทางกลับกัน วัลลอฮุอะอลัม – ตัมบีฮุลฮาญิด 1/176
หะดิษหมายเลข 2 ที่ช่วงปลายมีข้อความว่า
وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน
........
หะดิษข้างต้น เฎาะอีฟ
หะดิษข้างต้น เฎาะอีฟ
อิหม่ามดารุลกุฏนีย์ กล่าวว่า
يرويه إسرائيل ، واختلف عنه : فرواه إسحاق بن منصور السلولي ، عن إسرائيل ، عن معاوية بن إسحاق ، عن المقبري ، عن أبي هريرة .
وغيره يرويه ، عن إسرائيل ، عن إبراهيم أبي إسحاق ، وهو إبراهيم بن الفضل ، مديني ضعيف
อิสรออีล รายงานมัน และ ได้มีรายงานขัดแย้งกันจากเขา (จากอสรออีล) คือ อิสหากบิน มันศูร อัสสะลูลีย์ รายงานจากอิสรออีล จากมุอาวิยะฮ บิน อิสหาก จากอัลมักบะรีย์ จากอบีฮุรัยเราะฮ
และคนอื่นจากเขา รายงานมัน จากอิสรออีล จาก อิบรอฮีม อบี อิสหาก และเขาคือ อิบรอฮีม บิน อัลฟัฏลี มะดีนัย์ เฎาะอีฟ - ดูอัลอิลัล อันวาริด ฟี อัลอะหาดิษอันนะบะวียะฮ 8/156
وغيره يرويه ، عن إسرائيل ، عن إبراهيم أبي إسحاق ، وهو إبراهيم بن الفضل ، مديني ضعيف
อิสรออีล รายงานมัน และ ได้มีรายงานขัดแย้งกันจากเขา (จากอสรออีล) คือ อิสหากบิน มันศูร อัสสะลูลีย์ รายงานจากอิสรออีล จากมุอาวิยะฮ บิน อิสหาก จากอัลมักบะรีย์ จากอบีฮุรัยเราะฮ
และคนอื่นจากเขา รายงานมัน จากอิสรออีล จาก อิบรอฮีม อบี อิสหาก และเขาคือ อิบรอฮีม บิน อัลฟัฏลี มะดีนัย์ เฎาะอีฟ - ดูอัลอิลัล อันวาริด ฟี อัลอะหาดิษอันนะบะวียะฮ 8/156
وإبراهيم بن الفضل متروك : قال ابن معين ليس حديثه بشيء ، وقال البخاري منكر الحديث ، وكذا قال أبو حاتم والنسائي ، وقال النسائي في موضع آخر : ليس بثقة ولا يكتب حديثه
อิบรอฮีม บิน อัลฟัฏลฺ มัตรูก(หะดิษถูกทิ้ง) อิบนุมุอีน กล่าวว่า หะดิษของเขาไม่มีสิ่งใดเลย (หมายถึงเฎาะอีฟ) และ อัลบุคอรี กล่าวว่า "มุงกะรุลหะดิษ(หะดิษถูกปฏิเสธ) และในทำนองเดียวกัน อบูหาติม และอันนะสาอีย์ ได้กล่าวเอาไว้ และอันนะสาอียได้กล่าวในที่อื่นว่า " เชื่อไม่ได้ และหะดิษของเขาจะไม่ถูกบันทึก - ดู ตะฮซีบ อัตตะฮซีบ 1/131
และ ดู มีซาลอัลเอียะติดาล เล่ม 1 หน้า 176 และ อัฏุอะฟาอฺวัลมันรูกีน ของ อันนะฮสาอีย์ 1/40 ระบุว่า "ผู้รายงานที่ชื่ือ อิบรอฮีม บิน อัลฟัฎลิ "มัตรูกุลหะดิษ(คือ หะดิษของเขาถูกทิ้ง)
และ ดู มีซาลอัลเอียะติดาล เล่ม 1 หน้า 176 และ อัฏุอะฟาอฺวัลมันรูกีน ของ อันนะฮสาอีย์ 1/40 ระบุว่า "ผู้รายงานที่ชื่ือ อิบรอฮีม บิน อัลฟัฎลิ "มัตรูกุลหะดิษ(คือ หะดิษของเขาถูกทิ้ง)


..............
แปล หะดิษเฎาะอีฟ มีปัญหา แต่นาย อารีฟีน และนายอับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ยังดันทุรังเอามาปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ทั้งที่
ท่านอิหม่ามบุคอรีได้กล่าวว่า
عن سعيد بن يسار عن أبي هريرة عن النبي صلى الله عليه وسلم ولا يصعد إلى الله إلا الطيب
รายงานจากสะอีด บิน ยะสาร จากอบีฮุรัยเราะฮ จากนบีศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมว่า “ จะไม่ถูกนำขึ้นไปยังอัลลอฮ นอกจาก สิ่งที่ดีเท่านั้น – ดูเศาะเฮียะบุคอรี กิตาบุตเตาฮีด เล่ม 6 หะดิษหมายเลข 6992
…………..
ข้างต้นเป็นหลักฐานชัดเจนถึงการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ แต่เราไม่รู้รูปแบบวิธีการ(อัลกัยฟียะฮเท่านั้น) และถ้าเราไม่มีทิฐิ ผมว่าแค่หลักฐานจากอัลกุรอ่านและหะดิษก็จบและหาข้อสรุปได้ แต่มีบางคนพยายามคิดว่า ท่านนบี ยังอธิบายไม่เคลีย จึงทำหน้าอธิบายเอง ตามความเข้าใจตามหลักตรรกของตน
وقال مجاهد العمل الصالح يرفع الكلم الطيب يقال ذي المعارج الملائكة تعرج إلى الله
และมุญาฮิดกล่าวว่า “การงานที่ คือ บรรดาคำพูดที่ดี ถูกนำขึ้นไป ,พระองค์ถูกเรียกว่า
ส่วนอะกีดะฮที่เชื่อว่า “บรรดามลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน” นั้น เป็นอะกีดะฮที่สวนทางกับอัลกุรอ่านโดยสิ้นเชิง ครับพี่น้อง
อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
ส่วนอะกีดะฮที่เชื่อว่า “บรรดามลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน” นั้น เป็นอะกีดะฮที่สวนทางกับอัลกุรอ่านโดยสิ้นเชิง ครับพี่น้อง
อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
تَعْرُجُ الْمَلَائِكَةُ وَالرُّوحُ إِلَيْهِ فِي يَوْمٍ كَانَ مِقْدَارُهُ خَمْسِينَ أَلْفَ سَنَةٍ
[70.4] มลาอิกะฮ์และอัรรูหฺ (ญิบรีล) จะขึ้นไปหาพระองค์ในวันหนึ่งซึ่งกำหนดของมันเท่ากับห้าหมื่นปี (ของโลกดุนยานี้)
อิบนุญะรีร (ขออัลอฮเมตตาต่อท่าน)อธิบายว่า
อิบนุญะรีร (ขออัลอฮเมตตาต่อท่าน)อธิบายว่า
تَصْعَد الْمَلَائِكَة وَالرُّوح , وَهُوَ جِبْرِيل عَلَيْهِ السَّلَام إِلَيْهِ , يَعْنِي إِلَى اللَّه جَلَّ وَعَزَّ ; وَالْهَاء فِي قَوْله { إِلَيْهِ } عَائِدَة عَلَى اسْم اللَّه
มลาอิกะฮและอัรรูหฺ ขึ้นไป และเขาคือ ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ยังพระองค์ หมายถึง ไปยังอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงเลิศยิ่ง และ อักษรฮา ในคำตรัสที่ว่า(อิลัยฮิ) กลับไปยังพระนามของอัลลอฮ (หมายถึงเป็นสรรพนามแทนชื่ออัลลอฮ) – ดู – ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย ซูเราะฮอัลมะอาริจญ์ อายะฮที่ 4
............
............
ข้างต้น ยืนยันชัดเจนว่า บรรดามลาอิกะฮและ ญิบรีลรู้ว่าอัลลอฮ อยู่ใหน เพราะพวกเขาขึ้นไปยังอัลลอฮ
(الملائكة تعرج إلى الله
(الملائكة تعرج إلى الله
ส่วนอะกีดะฮที่เชื่อว่า “บรรดามลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน” นั้น เป็นอะกีดะฮที่สวนทางกับอัลกุรอ่านโดยสิ้นเชิง ครับพี่น้อง
อิบนุกุตัยบะฮ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
อิบนุกุตัยบะฮ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
ولو أن هؤلاء رجعوا إلى فطرهم وما ركبت عليه خلقتهم من معرفة الخالق سبحانه لعلموا أن الله تعالى هو العلي وهو الأعلى وهو بالمكان الرفيع وأن الأيدي ترتفع بالدعاء إليه
ถ้าหากพวกเขา(หมายถึงพวกที่คัดค้านการอยู่ทิศเบื้องสูง) ย้อนกลับไปสู่(การพิจารณา)ธรรมชาติของพวกเขาและ สิ่งที่ ธรรมชาติการสร้างสรรค์พวกเขาประกอบอยู่บนมัน จากการรู้จักพระผู้ทรงสร้าง ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พวกเขาก็จะรู้ว่า แท้จริงอัลลอฮ ตะอาลาคือ ผู้ทรงสูงส่ง และพระองค์คือผู้ทรงสูงสุด โดยสถานที่ทีสูง และแท้จริงบรรดามือจะถูกยกขึ้นไปยังพระองค์ ด้วยการวิงวอนขอ(หมายถึงเวลามนุษย์ขอดุอา) - ดู ตะอฺวีลมุคตะลิฟุลหะดิษ หน้า 183
………
………
คำอธิบายข้างต้นก็สว่างจ้า และชัดเจน แม้คนตาบอดจะมองไม่เห็นก็ตาม
والله أعلم بالصواب
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
21/3/60
21/3/60
ป.ล ขอมาอัฟ ผู้อ่านที่บทความยาว ขอร้องให้อ่านเถอะครับ จะได้รู้ว่าใครคือผู้บิดเบือนคำสอนศาสนาตัวจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น