วาทกรรมบิดเบือนอะกีดะฮ (ตอนเอาหะดิษเฎาะอีฟมาเป็นหลักฐาน)
.
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
.
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
วะฮาบีย์เป็นกลุ่มชนที่ชอบถามที่สุดว่า อัลเลาะฮ์อยู่ใหนเพื่อทดสอบอะกีดะฮ์ที่เขาเชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีสถานที่นั่งสถิตอยู่ แต่จิตใจของเราเชื่อมั่นแต่ว่า อัลเลาะฮ์มีฐานันดรสูงส่ง มิใช่มีสถานที่สถิตนั่งอยู่แบบสูงๆ (ตามหลักความเชื่อของวะฮาบีย์) และเราเองก็แค่มนุษย์เดินดิน พอวะฮาบีย์มาถามว่าอัลเลาะฮ์อยู่ที่ใหน ก็นึกถึงมะลาอิกะฮ์ผู้ทำหน้าที่แบกอะรัชซึ่งยังไม่รู้เลยว่าอัลเลาะฮ์อยู่ใหน?
รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า
أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ ، وَالْعَرْشُ عَلىَ مَنْكِبِهِ ، وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
"ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน" หะดิษนี้ ซอฮิหฺ
@@@@
ชี้แจง
ข้อมูลข้างต้นเอามาโพสต์กันหลายครั้ง ที่มาคือ
ในหนังสือ อารีฟีน แสงวิมาน ชื่อ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺฮาบียะฮ์ หน้า ๑๖๖-๑๖๗
ผู้เขียนอ้างว่า
...
รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า
ผู้เขียนอ้างว่า
...
รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า
أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ ، وَالْعَرْشُ عَلىَ مَنْكِبِهِ ، وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
"ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่เจ็ด โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน
และอาจารย์อารีฟีน แสงวิมานสรุปว่า
ในหะดิษบทนี้ยันยันว่า มลาอิกะฮนั้นได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของอัลลอฮจากสถานที่และทิศและไม่รู้ว่าพระองค์อยู่ใหน
และอาจารย์อารีฟีน แสงวิมานสรุปว่า
ในหะดิษบทนี้ยันยันว่า มลาอิกะฮนั้นได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของอัลลอฮจากสถานที่และทิศและไม่รู้ว่าพระองค์อยู่ใหน
@@@@@@@@@
ขอวิจารณ์ ดังนี้
การสรุปของเจ้าของหนังสือ ข้างต้นที่บอกว่า มลาอิกะฮนั้นได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของอัลลอฮจากสถานที่และทิศและไม่รู้ว่าพระองค์อยู่ใหน”
เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ดังหลักฐานที่แสดงว่าการอ้างข้างต้นเป็นการอ้างที่เป็นโมฆะดังนี้
การสรุปของเจ้าของหนังสือ ข้างต้นที่บอกว่า มลาอิกะฮนั้นได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของอัลลอฮจากสถานที่และทิศและไม่รู้ว่าพระองค์อยู่ใหน”
เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ดังหลักฐานที่แสดงว่าการอ้างข้างต้นเป็นการอ้างที่เป็นโมฆะดังนี้
หะดิษข้างต้นไม่ได้ปฏิเสธการอยู่ทิศเบื้องสูงของอัลลอฮ และไม่ได้ปฏิเสธว่ามลาอิกะฮ ทั้งหมด ซึ่งมีจำนวนมากมาย ไม่รู้ว่าอัลลอฮอยูใหน ตามที่ท่านอาจารย์อารีฟีนอ้าง เพราะอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
تَعْرُجُ الْمَلَائِكَةُ وَالرُّوحُ إِلَيْهِ فِي يَوْمٍ كَانَ مِقْدَارُهُ خَمْسِينَ أَلْفَ سَنَةٍ
[70.4] มลาอิกะฮ์และอัรรูหฺ (ญิบรีล) จะขึ้นไปหาพระองค์ในวันหนึ่งซึ่งกำหนดของมันเท่ากับห้าหมื่นปี (ของโลกดุนยานี้)
………….
………….
ถ้าบรรดามลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน บรรดามลาอิกะฮและญิบรีล ขึ้นไปทำไม อีกทั้งอัลลอฮทรงยืนยันว่า บรรดามลาอิกะฮและญิบรีลขึ้นไปยังพระองค์
อิหม่ามอัลบัฆวีย์ อธิบายว่า
( وَالرُّوحُ) يعني جبريل عليه السلام ( إِلَيْهِ) أي إلى الله عز وجل
และอัรรูห์ หมายถึง ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ( ไปยังพระองค์) หมายถึง ไปยังอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง - ดู ตัฟสีรอัลบัฆวีย์ อรรถาธิบายซูเราะฮ อัลมะอาริจญ อายะฮที่ 70
( وَالرُّوحُ) يعني جبريل عليه السلام ( إِلَيْهِ) أي إلى الله عز وجل
และอัรรูห์ หมายถึง ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ( ไปยังพระองค์) หมายถึง ไปยังอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง - ดู ตัฟสีรอัลบัฆวีย์ อรรถาธิบายซูเราะฮ อัลมะอาริจญ อายะฮที่ 70
อิบนุญะรีร (ขออัลอฮเมตตาต่อท่าน)อธิบายว่า
تَصْعَد الْمَلَائِكَة وَالرُّوح , وَهُوَ جِبْرِيل عَلَيْهِ السَّلَام إِلَيْهِ , يَعْنِي إِلَى اللَّه جَلَّ وَعَزَّ ; وَالْهَاء فِي قَوْله { إِلَيْهِ } عَائِدَة عَلَى اسْم اللَّه
มลาอิกะฮและอัรรูหฺ ขึ้นไป และเขาคือ ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ยังพระองค์ หมายถึง ไปยังอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงเลิศยิ่ง และ อักษรฮา ในคำตรัสที่ว่า(อิลัยฮิ) กลับไปยังพระนามของอัลลอฮ (หมายถึงเป็นสรรพนามแทนชื่ออัลลอฮ) – ดู – ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย ซูเราะฮอัลมะอาริจญ์ อายะฮที่ 4
……………
ข้างต้น ยืนยันชัดเจนว่า บรรดามลาอิกะฮและ ญิบรีลรู้ว่าอัลลอฮ อยู่ใหน เพราะพวกเขาขึ้นไปยังอัลลอฮ……
……………
ข้างต้น ยืนยันชัดเจนว่า บรรดามลาอิกะฮและ ญิบรีลรู้ว่าอัลลอฮ อยู่ใหน เพราะพวกเขาขึ้นไปยังอัลลอฮ……
عن أبي هريرة رضي الله عنه أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال " يتعاقبون فيكم ملائكة بالليل وملائكة بالنهار ويجتمعون في صلاة الفجر وصلاة العصر،ثم يعرج الذين باتوا فيكم فيسألهم ربهم وهو أعلم بهم كيف تركتم عبادي؟ فيقولون تركناهم وهم يصلون ، وأتيناهم وهم يصلون".
รายงานจากอบีฮุรัยเราะฮ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู ว่า รซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ กล่าวว่า บรรดามลาอิกะฮที่เฝ้าคอยติดตามพวกท่าน ในตอนกลางคืน และมลาอิกะฮที่(เฝ้าคอยติดตามพวกท่าน)ในตอนกลางวัน และพวกเขาจะมาชุมนุมกันในเวลาละหมาดศุบฮิและอัศริ หลังจากนั้น บรรดา(มลาอิกะฮ)ผู้ที่พักแรมในหมู่พวกท่าน ได้ขึ้นไป แล้วพระผู้อภิบาลของพวกเขาได้ทรงถามพวกเขา ทั้งๆที่พระองค์ทรงรู้ยิ่งเกี่ยวกับพวกเขา ว่า " พวกเจ้าได้ทิ้งบ่าวของข้ามา มีสภาพเป็นอย่างไร? แล้วพวกเขา(บรรดามลาอิกะฮ)กล่าวว่า "พวกข้าพระองค์ได้ทิ้งพวกเขามา โดยที่พวกเขากำลังละหมาด? และพวกข้าพระองค์ได้ไปยังพวกเขา โดยที่พวกเขากำลังละหมาด" - รายงานโดย บุคอรีและมุสลิม
........
العروج الصعود من أسفل إلى أعلى
อัลอุรูจญ์ คือ ขึ้นจากที่ต่ำไปยังที่สูง
........
العروج الصعود من أسفل إلى أعلى
อัลอุรูจญ์ คือ ขึ้นจากที่ต่ำไปยังที่สูง
จะเห็นได้ว่า บรรดามลาอิกะฮที่ทำหน้าที่เฝ้าติดตามบ่าวของอัลลอฮ พวกเขาขึ้นไปยังเบื้องสูง แล้วเมื่อเขาไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ที่ใหน ตามที่อัลอัซฮารีอ้าง จึงขอถามว่า"แล้ว พวกเขาขึ้นไปทำไมหรือ ? แน่นอนพวกเขาย่อมรู้ดีว่าพระองค์อยู่ใหน พวกเขาจึงขึ้นไป
สำหรับหะดิษที่เจ้าของหนังสืออ้างคือ
أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ ، وَالْعَرْشُ عَلىَ مَنْكِبِهِ ، وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
"ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน
-ข้างต้นเป็นหะดิษ มีการสับเปลี่ยน ระหว่างคำว่า มะลัก(ملك ) กับคำว่า ดีก (ديك )คือ รายงานจากอบีฮุรัยเราะฮ ที่มีสายรายงานเดียวกันกับหะดิษข้างต้น โดยมีสำนวนว่า
إِنَّ الَلّهَ أُذُنٌ لِيَ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ دِيْكٍ رِجْلَاهُ فِيْ الْأَرْضِ وَعُنُقِهِ مَثْنِيَّةً تَحْتَ الْعَرْشِ وَهُوَ يَقُوْلُ سُبْحَانَكَ مَا أَعْظَمَ رَبَّنَا
แท้จริง "ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าเกี่ยวกับเรื่องไก่ตัวผู้ ที่สองตีนของมันเขี่ยดิน และคอของมัน โค้งคำนับ อยู่ใต้อะรัช โดยที่มันกล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่าน พระผู้อภิบาลของเรา ช่างยิ่งใหญ่ยิ่งนัก..
อัดดารุลกุฏนีย์ กล่าวว่า
يرويه إسرائيل ، واختلف عنه : فرواه إسحاق بن منصور السلولي ، عن إسرائيل ، عن معاوية بن إسحاق ، عن المقبري ، عن أبي هريرة .
وغيره يرويه ، عن إسرائيل ، عن إبراهيم أبي إسحاق ، وهو إبراهيم بن الفضل ، مديني ضعيف
อิสรออีล รายงานมัน และ ได้มีรายงานขัดแย้งกันจากเขา (จากอสรออีล) คือ อิสหากบิน มันศูร อัสสะลูลีย์ รายงานจากอิสรออีล จากมุอาวิยะฮ บิน อิสหาก จากอัลมักบะรีย์ จากอบีฮุรัยเราะฮ
และคนอื่นจากเขา รายงานมัน จากอิสรออีล จาก อิบรอฮีม อบี อิสหาก และเขาคือ อิบรอฮีม บิน อัลฟัฏลี มะดีนัย์ เฎาะอีฟ - ดูอัลอิลัล อันวาริด ฟี อัลอะหาดิษอันนะบะวียะฮ
وغيره يرويه ، عن إسرائيل ، عن إبراهيم أبي إسحاق ، وهو إبراهيم بن الفضل ، مديني ضعيف
อิสรออีล รายงานมัน และ ได้มีรายงานขัดแย้งกันจากเขา (จากอสรออีล) คือ อิสหากบิน มันศูร อัสสะลูลีย์ รายงานจากอิสรออีล จากมุอาวิยะฮ บิน อิสหาก จากอัลมักบะรีย์ จากอบีฮุรัยเราะฮ
และคนอื่นจากเขา รายงานมัน จากอิสรออีล จาก อิบรอฮีม อบี อิสหาก และเขาคือ อิบรอฮีม บิน อัลฟัฏลี มะดีนัย์ เฎาะอีฟ - ดูอัลอิลัล อันวาริด ฟี อัลอะหาดิษอันนะบะวียะฮ
..

ชัยคฺ อบูอิสหาก อัลหุวัยนีย์ กล่าวว่า
" لَعَلَّ بَعْضَ الْرُّوَاةِ أَبْدَلَ لَفْظَةَ " دِيَكْ " بِـ " ملْكُ " أَوْ الْعَكْسِ . وَالْلَّهُ أَعْلَمُ " .
ทางที่บรรดาผู้รายงานบางส่วน เปลี่ยนถ้อยคำ “ดีก” ด้วยคำว่า มะลัก หรือในทางกลับกัน วัลลอฮุอะอลัม – ตัมบีฮุลฮาญิด ๔/๒๘ และดูการวิจารณ์เพิ่มเติมจาก อัลอิลัล ของอิหม่ามอัดดารุลกุฏนีย ๘/๑๕๖ และตะฮซีบ อัตตะฮซีบ ของอิบนุหะญัร ๑/๑๓๑
...
ตกลงเป็นมลาอิกะฮ หรือ ไก่ตัวผู้ครับ
ตกลงเป็นมลาอิกะฮ หรือ ไก่ตัวผู้ครับ
ส่วนหะดิษที่เศาะเฮียะระบุดังนี้
จากญาบิรฺ บิน อับดุลลอฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า :
أذن لي أن أحدث عن ملك من ملائكة الله من حملة العرش، إن ما بين شحمة أذنه إلى عاتقه مسيرة سبعمائة عام
;ความว่า “ฉันได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงมลาอิกะฮฺท่านหนึ่งจากจำนวนบรรดามลาอิกะฮฺที่ทำหน้าที่แบกและค้ำบัลลังก์ของอัลลอฮฺ แท้จริงมลาอิกะฮฺ(ท่านนี้)ระยะระหว่างติ่งหูจนถึงหัวไหล่ของท่านมี(ความห่างเป็น)ระยะเวลา(การเดินทาง) 700 ปี” (รายงานโดยอบู ดาวูด : 3727, เป็นหะดีษ เศาะฮีหฺ ดูใน เศาะฮีหฺ สุนัน อบี ดาวูด : 3953 และรวมหะดีษเศาะฮีหฺของอัล-อัลบานีย์ : 151)
............
ขอยกตัวอย่างอีกสักหนึ่งหลักฐานที่บ่งบอกว่า สิ่งที่ท่านอาจารย์ผู้เขียนหนังสือโจมตีวะฮบีย์อ้างว่า มลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮ อยู่ใหนนั้น เป็นการการอ้างที่ไม่ตรงกับความจริง อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเป็นการบิดเบือน อัลลอฮย่อมรู้ยิ่งในเจตนาของคน
............
ขอยกตัวอย่างอีกสักหนึ่งหลักฐานที่บ่งบอกว่า สิ่งที่ท่านอาจารย์ผู้เขียนหนังสือโจมตีวะฮบีย์อ้างว่า มลาอิกะฮไม่รู้ว่าอัลลอฮ อยู่ใหนนั้น เป็นการการอ้างที่ไม่ตรงกับความจริง อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเป็นการบิดเบือน อัลลอฮย่อมรู้ยิ่งในเจตนาของคน
ขอยืนยันว่า มลาอิกะฮรู้ว่า อัลลอฮอยู่ที่ใหน (ขอยืนยันสักล้านครั้ง)
เพราะว่า หะดิษเมียะรอจญ ที่ท่านนบี ศอ็ลฯ ได้ขึ้นไปรับบทบัญญัติละหมาด ๕ เวลาจากอัลลอฮ ซึ่งปราชญ์ยุคสลัฟยืนยันดังนี้คือ
อิหม่ามอิบนุคุซัยมะฮ (ฮ.ศ 223-311)
อิหม่ามอิบนุคุซัยมะฮ (ฮ.ศ 223-311)
وَفِي الأَخْبَارِ دَلالَةٌ وَاضِحَةٌ أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عُرِجَ بِهِ مِنَ الدُّنْيَا إِلَى السَّمَاءِ السَّابِعَةِ ، وَأَنَّ اللَّهَ تَعَالَى فَرَضَ عَلَيْهِ الصَّلَوَاتِ عَلَى مَا جَاءَ فِي الأَخْبَارِ ، فَتِلْكَ الأَخْبَارُ كُلُّهَا دَالَّةٌ عَلَى أَنَّ الْخَالِقَ الْبَارِئَ فَوْقَ سَبْعِ سَمَاوَاتِهِ
ในบรรดาการบอกเล่า(หมายถึงหะดิษอัลเมียะรอจญ) คือหลักฐาน แสดงว่า แท้จริงนบี ศอ็ลฯ ถูกนำขึ้น จากดุนยา สู่ชั้นฟ้าที่เจ็ด และอัลลอฮ ตาอาลา ได้กำหนดละหมาดห้าเวลา ให้เป็นข้อบังคับ บนสิ่งที่มีมาในบรรดาคำบอกเล่า(หมายถึงหะดิษเมียะรอจญ์) และ บรรดาคำบอกเล่า(หะดิษ) ทั้งหมด แสดงบอกว่า พระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรค์ ผู้ทรงให้บังเกิด อยู่เหนือเจ็ดชั้นฟ้าของพระองค์ - กิตาบุตเตาฮีด หน้า 119
อิบนุคุซัยมะฮ ปราชญยุคสะลัฟ ยืนยันว่า หะดิษเมียะรอจญเป็นหลักฐานว่าอัลลอฮอยู่เหนือเจ็ดชั้นฟ้า แล้วนบี ศอ็ลฯขึ้นไป
อิบนุคุซัยมะฮ ปราชญยุคสะลัฟ ยืนยันว่า หะดิษเมียะรอจญเป็นหลักฐานว่าอัลลอฮอยู่เหนือเจ็ดชั้นฟ้า แล้วนบี ศอ็ลฯขึ้นไป
والله أعلم بالصواب
23/3/60
ปล.ยังมีหลักฐานอีกมากมายที่บ่งบอกการอยู่เบื้องสูงเหนืออะรัชของอัลลอฮ แต่ที่เสนอมาข้างต้นมันพอเพียงแล้วสำหรับคนที่แสวงหาสัจธรรมด้วยความอิคลาศเพื่ออัลลอฮ และท่านจะได้ประจักษ์ว่าคนกลุ่มใด บิดเบือนศาสนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น